ความเป็นมาของเสื้อยืด
มาดูจุดกำเนิดของเสื้อยืด (https://th-th.facebook.com/12TeesPolo)กันในยุคสมัยปลายศตวรรษที่ 19 แต่เดิมที่เหล่าทหารกล้าของสหรัฐอเมริกา ใส่เสื้อฝึกในประเภทเสื้อชั้นในแล้วใส่ยูนิฟอร์มทับอีกชั้น ก็เปลี่ยนมาใส่แค่เสื้อฝึกเวลาใช้ชีวิตตามปกติในค่ายทหาร ทำเอาสังคมเริ่มเห็นด้วยการใส่เสื้อตัวเดียวขึ้นมาบ้าง ถึงขนาดนิตยสารไลฟ์ ฉบับวันที่ 13 กรกฎาคม ค.ศ. 1942 ขึ้นหน้าปกเป็นภาพของทหารที่ใส่เสื้อยืด ต่อจากนั้นในปีค.ศ. 1948 โธมัส อี. ดีเวย์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานนาธิปดีของสหรัฐอเมริกา ได้สั่งตัดเสื้อยืดเนื่องด้วยรณรงค์หาเสียงโดยมีการสกรีนคำว่า Dew It for Dewey ขึ้นเป็น ทีแรก จนได้รับการกำหนดว่าเป็นเสื้อยืดที่สกรีนตัวหนังสือตัวแรกของโลก แล้วยุคที่ทำให้เสื้อยืด มีเนื้อเรื่องทางประวัติศาสตร์การ ใส่เสื้อยืดแค่เพียงเป็นเสื้อชั้นในได้เปลี่ยนไปในปี ค.ศ. 1952 เมื่อภาพยนตร์อเมริกาเรื่อง Street Car Name Desire หรือ รถรางสายปรารถนา ได้รับการยินยอมว่าเป็นหนึ่งในหนังสะท้อนภาพลักษณ์ของยุค 50 ก็เพราะว่าช่วงเวลานั้นเป็นยุคสมัยของสังคมอเมริกากำลังเผชิญกับภาวะความเหลื่อมล้ำ และช่องว่างในครอบครัว ส่งผลให้วัยรุ่นในอเมริกาส่วนหนึ่ง เปิดเผยในลักษณ์ของการเป็น ขบถ ต่อสังคมปัญหาใหญ่ของกลุ่มอเมริกาในยุคนั้น
ส่วนหนึ่งการใส่เสื้อยืดตัวเดียวออกไปใช้ชีวิตอย่างเป็นประจำในที่สาธารณะนั้น เป็นการประชดประชันผู้ใหญ่และสังคม ในระยะเวลาวัยรุ่นส่วนใหญ่อยากจะทำบ้าง แต่ลังเลใจและ ขี้ขลาด แม้ แบรนโด และ สแตนลี่ย์ จะสร้างทางการสวมเสื้อยืดในสังคมแค่ไหน แต่นั่นก็ไม่แรงเท่าปรากฏการณ์ของการที่เสื้อยืดได้กลายเป็นแฟชั่นสะท้อน หัวใจอันเป็นขบถ จากความเกรี้ยวกราด กดดัน เก็บกด ต่อต้านสังคมของวัยรุ่นอย่างแท้จริง
การพัฒนาเสื้อยืดให้สัมพันธ์กับลักษณะของการสวมใส่ในสไตล์ต่างๆที่เหมาะสม เช่น
- Basic เป็นการใส่เสื้อยืดแบบโดยทั่วๆ ไป ปล่อยชายเสื้อออกนอกกางเกงให้ทับกับขอบกางเกงยีนส์ หรือกางเกงอื่นๆ เล็กน้อย
- Rolled เห็นบ่อยๆในแวดวงวัยรุ่นของอเมริกัน ที่นิยมใส่เสื้อยืดสองตัวที่มีตัดกันทับกัน เพราะตัวในจะมีแขนเสื้อที่ยาวกว่าตัวนอกจากนั้นก็ พับแขนของเสื้อตัวในเป็นม้วนๆ รั้งขึ้นไปถึงแขนเสื้อตัวนอก เป็นเหตุให้เหมือนกับมีขอบเสื้อเพิ่มขึ้นมาอีกชั้น
(http://s28.postimg.org/5sxtmc899/2rmsbp.jpg)
เสื้อยืดมีผลดีมากสำหรับชายหญิงเป็นล้าน ๆ คน ที่ทำราชการทหารในทุกแห่งหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตร้อน มันดูเรียบร้อย ซักก็ง่าย เอาไว้ขัดหัวเข็มขัดก็ได้ ขัดรองเท้าก็ดี หรือถ้าจำเป็นก็เอามาม้วนทำหมอนหนุนเหรอใช้เป็นผ้าพันแผล จะว่าไปแล้วเสื้อทีเชิ้ตก็คือเสื้อในของเวลาหลังสงคราม ยิ่งถ้าเป็นแถบอากาศอบอุ่นแล้ว จะใส่ทีเชิ้ต เท่านั้น ไม่มีเสื้อทับ มันเป็นเสื้อผ้าที่บ่งบอกถึงความมีสิทธิเท่าเทียมกัน ผู้ชายอาชีพใด ๆ ประดิษฐกรรมใหม่ปัจจุบันตอนนี้คือ ทีเชิ้ตที่มีสีแบบใหม่เรียกว่า" สีนูน" ที่ใช้วิธีบีบเอาจากหลอดโดยตรงออกมาเป็นหยดใหญ่ ทำให้
เป็นเหตุให้เสื้อทีเชิ้ตของเด็ก ๆ กลายเป็นเสื้อในฝัน เพราะว่ามีลายนูนต่ำ เสื้อทีเชิ้ตที่ไวต่อความร้อนจะเปลี่ยนสีได้เมื่อสวมใส่ลงบนร่างกายก็กำลัง เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ไม่มีใครรู้ว่า เรื่องราวของเสื้อยืดจะจบสิ้นลงเมื่อใดแต่ที่แน่ ๆ ก็คือ ตราบใดที่คนอเมริกันยังคิดว่าต้องระบายความในใจให้โลกรู้อยู่ละก็ ตราบนั้นเสื้อยืดก็คงจะต้องอยู่ต่อไป
(http://s16.postimg.org/6zhj0e1et/1393051754_1_o.jpg)
ในยุคปัจจุบันเสื้อยืดมักสกรีนข้อความและลวดลายเพื่อให้เหมาะสมกับความเชื่อ ความพอใจของผู้สวมใส่ เช่นเสื้อยืดต่างๆ และเนื่องจากราคาถูกและสามารถทำได้ง่ายจึงมักทำเป็น ของกำนัล ของขวัญ เป็นที่ประชาสัมพันธ์ ที่ โฆษณา ส่วนข้อความที่ได้รับความชื่นชมในการเขียนบนเสื้อยืดนั่นเอง
ดันๆครับ