การแบ่งแยกสีในงานสกรีนเสื้อ
ในการสกรีนเสื้อ (https://th-th.facebook.com/12TeesPolo)แบบซิลค์สกรีนวิธีการการเตรียมแม่พิมพ์เริ่มตั้งแต่กรรมวิธีแยกสีในไฟล์งานจากไฟล์งานต้นฉบับ หลังจากนั้นจึงนำไปถ่ายลงฟิลม์หรือพิมพ์ลงกระดาษไข จนถึงกรรมวิธีสุดท้ายคือการนำฟิลม์หรือกระดาษไขไปถ่ายลงบล็อกสกรีน หรือที่เรียกว่า"อัดบล็อก" ซึ่งขั้นตอนการแบ่งแยกสีไฟล์งานต้นฉบับตามร้านรับสกรีนเสื้อหรือโรงสกรีนเสื้อจะมีแผนกที่คอยแยกสีและยิงฟิลม์ เพื่อส่งไปอัดบล็อกในขั้นตอนสุดท้าย ความยากง่ายของการแยกสีจะขึ้นกับชนิดของดีไซน์ที่ออกแบบ อาทิเช่น โลโก้ ตัวหนังสือ ลายการ์ตูน หรืองานกราฟิกประเภทเวคเตอร์ที่ไม่มีการไล่เฉดสี จะทำการแบ่งสีได้ไม่ยากโดยอาศัยซอฟต์แวร์ด้านการออกแบบกราฟิกทั่วไป อย่างเช่น Photoshop , illustrator โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งซอฟแวร์เฉพาะทางด้านการแยกเม็ดสีสกรีนเสื้อ แต่ว่าถ้าเป็นงาน computer graphic เสมือนจริงที่มีแสงเงา 3 มิติ หรือกราฟิกที่มีการไล่เฉด รวมถึงงานลักษณะภาพถ่ายเหมือนจริง จำเป็นอาศัยประสบการณ์ความชำนาญของผู้ปฏิบัติงานในการนำกลยุทธ์เฉพาะมาใช้ในวิธีการแยกเม็ดสีในงานสกรีนหรือในบางครั้งอาจจำเป็นต้องพึ่งซอฟแวร์เฉพาะทางด้านการแยกสีเพื่อสะดวกพร้อมทั้งความรวดเร็ว โดยรวมกระบวนการแยกเม็ดสีจะแบ่งได้เป็น 3 แบบคือ
1. การแยกสีเม็ดสกรีนเสื้อด้วยสีพิเศษ (Spot color separation) Spot Color รวมความว่าสีพิเศษที่เกิดจากการผสมกันของแม่สีหลักในเปอร์เซ็นต์ที่ผิดแผกแตกต่างกัน ตามรูป สีม่วงเกิดจากการผสมระหว่าง C=77% M=100% Y=28% K=18% หากสำรวจจากงานออกแบบเพื่อนำมาใช้สกรีนเสื้อโดยโดยปกติจะใช้วิธีการแยกสีพิเศษหรือแบบ Spot Color เนื่องจากว่าดีไซน์โดยส่วนใหญ่จะเป็น โลโก้ ลายกราฟิกประเภทตัวหนังสือ พร้อมด้วยมักจะใช้วิธีสร้างงานกราฟิกประเภทเวกเตอร์ ที่เกิดจากการเกี่ยวโยงเส้นหรือจุดขึ้นเป็นวัตถุแล้วทำการให้สีโดยเลือกจาก Pantone การแยกสีด้วยวิธีการนี้สามารถทำได้ไม่ยากโดยเลือกใช้เครื่องมือขั้นต้นในการเลือกจัดการในแต่ล่ะพื้นที่ของรูปภาพ อย่าง Magic Wand Tool ในโปรแกรมด้านการออกแบบกราฟิก เพื่อเลือกสิ่งของหรือสีที่เป็นสีเดียวกันแล้วทำการ Add channel color ใหม่สำหรับสีนั้น เพราะว่ากำหนดโหมดสีให้อยู่ในโหมด Spot Color การแยกสีด้วยแบบนี้จะทำจนครอบคลุมครบทุกสีในไฟล์งานต้นฉบับ แล้วจึงนำไปยิงฟิลม์หรือสั่งพิมพ์ตามจำนวนสีที่ถูกแยกในขบวนการต่อไป
2. การแบ่งย่อยสีเม็ดสกรีนแบบ 4 สี CMYK (4 Color process separation) แนวคิดเริ่มแรกในงานสกรีนเสื้อโดยแยกแยะสีแบบ 4 สี CMYK มีที่มาจากงานสิ่งพิมพ์ที่เรียกว่าการพิมพ์แบบสอดสีหรือการพิมพ์ออฟเซ็ท 4 สี เพื่อจะให้เกิดงานพิมพ์ได้ภาพสมจริงได้สีธรรมชาติตามที่ตาเราสามารถมองเห็นอันเหตุเพราะการซ้อนทับกันของเม็ดสีจากแม่สี CMYK ซึ่งเป็นแม่สีที่มีสรรพคุณในการดูดกลืนแสง เมื่อเม็ดสีของแม่สีแต่ล่ะสีซ้อนทับกันจะทำให้เกิดสีใหม่ตามเปอร์เซ็นที่แตกต่างกันไป ในงานสกรีนเสื้อหรือผ้าที่ต้องการสกรีนภาพเหมือนก็ได้นำวิถีทางแยกสีแบบ 4 สีมาใช้เพราะว่า สีหลักจะประกอบไปด้วย สีฟ้า C =Cayon, สีม่วงแดง M =Magenta สีเหลือง Y=Yellow, และสีดำ K=Back ซึ่งในข้อพิสูจน์แล้วสีดำสามารถเกิดจากการผสมระหว่าง C+M+Y ได้แต่เนื่องด้วยสีดำที่ได้จะไม่ดำสนิทจริง จึงจงมีการเพิ่มสีดำขึ้นมาอีกหนึ่งสีแทนการผสมระหว่างสีหลัก 3 สี
3.การแบ่งสีเม็ดสกรีนเสื้อโดยเลือกจากดัชนีสี (Index color separation) การใช้ดัชนีสีในการแยกเม็ดสกรีนเสื้อ โดยวิถีทางคือการเลือกสีซึ่งเป็นสีหลัก เพียงบางสีจากไฟล์งานต้นฉบับนำมาแยกสี เพราะว่าปรับภาพให้อยู่ในโหมดดัชนีสี ภาพจะถูกแปลงเป็นจุดพิกเซลสีเหลี่ยมจัตุรัส ในรูปแบบ Diffusion Dither ซึ่งแตกต่างกับรูปแบบของ Hafttone คือเม็ดสีที่ได้จะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสมีขนาดเท่ากันทุกจุด การควบคุมให้เกิดการไล่เฉดสีจะใช้ระยะห่างของแต่ล่ะเม็ดสีที่ต่างกันเป็นเหตุให้การมองเห็นเป็นการไล่เฉด
จุดเด่นของการใช้ Index color separation เทียบกับกับ Haftone คือ
1. ไม่เกิดการเหลือบลายของสี เพราะว่าการแยกเม็ดสีแบบ Haftone จำเป็นต้องมีการปรับองศาของเม็ดสีในแต่ล่ะ channel แตกต่างกันเพื่อให้ผลในการเกิดการซ้อนทับของเม็ดสกรีนทำให้เกิดการผสมสีใหม่ แต่ถ้าว่าการแยกเม็ดสีโดยเลือกจากดัชนีสีเมื่อแปลงเม็ดสีอยู่ในแนวทางของจุดสี(dot pixel) แบบ Diffusion dither เม็ดสีจะไม่มีการซ้ำ เพราะฉะนี้เม็ดสกรีนของแต่ล่ะ Channel สีจึงเป็นอิสระจากกันไม่เกิดการทับกัน
2. เม็ดสีที่เป็นอิสระจากกันไม่ต้องพึ่งการทับกันเพื่อทำให้เกิดสีใหม่ ทำให้การผลิตซ้ำในการสกรีนเสื้อแต่ล่ะครั้งได้ข้อสรุปที่เหมือนกันทุกตัว งาน CMYK หรือ Haftone การผลิตซ้ำหากการสกรีนไม่ แม่น และทำมาร์คไม่ดีมีทางทำให้สีเพี้ยนในพื้นที่ซึ่งเกิดการซ้อนกันของเม็ดสีคลาดเคลื่อน
ขอดันๆครับ eta32
ดันๆ