หมวกกันน็อค (https://www.facebook.com/MCBikeHelmet)... ใครคิดว่าไม่สำคัญ เวลาขับรถยนต์ เรายังมีเข็มขัดนิรภัยช่วยป้องกันการกระแทกในรถ แล้วถ้าเราขับรถจักรยานยนต์ล่ะ อะไรจะช่วยเหลือเราได้ ? จากสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนจากกรมการขนส่งทางบกพบว่า อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากความสะเพร่า โดยรถที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ รถเครื่อง และ มีอัตราการเสียชีวิตมากที่สุดจากการไม่ใส่หมวกกันน็อค ฉะนั้นหมวกกันน็อคจึงเป็นอุปกรณ์สำคัญอีกชิ้นหนึ่งในการป้องกันศีรษะของผู้ขับจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หมวกกันน็อค สามารถป้องกันศีรษะของผู้ขับขี่โดยอาศัยการซึมและถ่ายเทแรงกระแทกของวัสดุ วัสดุจะทำหน้าที่การป้องกันการเจาะกระแทกของแหลมคมและป้องกันการเสียดสีอย่างแรง โดยดูดซับแรงกระแทกขั้นต้นที่เกิดจากอุบัติเหตุ ถ้าหากคุณไม่สวมในขณะขี่ ลองนึกภาพตาม ศีรษะของคุณจะไม่ได้รับการป้องกันใดๆ
การเลือกหมวกกันน็อคเพื่อความไม่เป็นอันตรายในการขี่จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากกับตัวของผู้ขับขี่
เพื่อป้องกันผลร้ายที่จะเกิดกับผู้สวมใส่ การทดสอบแรงกระแทก ความทนทานต่อการเจาะทะลุจากสิ่งของมีคม ก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน และทางผู้สวมใส่หมวกกันน็อคควรพิจารณาถึงขนาดที่พอดีและความกระชับต่อศิระของตนเองด้วย ปัจจุบันมีการออกแบบหมวกกันน็อคอย่างหลายหลาก เช่น แบบครึ่งใบที่ปิดเฉพาะส่วนบนของศีรษะ แบบเต็มใบที่ปิดส่วนบน ท้ายทอย ขากรรไกร และแบบปิดเต็มหน้าไปถึงบริเวณคางของผู้สวมใส่ดังนั้นเราควรเลือกสรรหมวกกันน็อคให้เหมาะสมกับการขับขี่ของตนเอง
ความแตกต่างระหว่างหมวกกันน็อคที่ได้มาตรฐานกับไม่ได้มาตรฐาน โดยทั่วไปหมวกกันน็อคจะมีส่วนช่วยรับลดแรงกระแทกจากการชนอยู่ 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นพลาสติกด้านนอกกับส่วนโฟมที่รองอยู่ด้านใน หมวกกันน็อคที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นน้ำหนักจะเบากว่าหมวกที่ได้มาตรฐานเพราะว่าวัสดุที่ใช้ทั้งพลาสติกและโฟมคุณภาพค่อนข้างต่ำ ส่วนเปลือกที่เป็นพลาสติกจะมีความเปราะบางไม่ยืดหยุ่น เมื่อได้รับแรงกระแทกจั้กๆมักจะแตก ไม่ช่วยลดแรงปะทะทำให้แรงชนเกือบทั้งหมดส่งถึงโฟมที่รองอยู่ด้านใน ซึ่งโฟมดังกล่าวก็ไม่มีความหนาและยืดหยุ่นที่เพียงพอก็จะแตกตามไปด้วย การใส่หมวกกันน็อคของแถมพร้อมด้วยราคาถูกเหล่านี้หากเกิดการปะทะกระแทกอย่างแรงก็แทบเหมือนกับไม่มีการใส่หมวกกันน็อค ชนแล้วแทนที่จะปกป้องกลับทำให้เราเจ็บเหมือนไม่ใส่อะไรเลย อย่างไรก็ตามใช่ว่าหมวกกันน็อคที่ได้มาตรฐานจะสามารถสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ขับได้อย่างเพียงพอ ดังนั้นความเร็วของยานพาหนะที่เราขับไม่ควรจะเร็วเกินมาตรฐานกำหนด เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ขับรถรถจักรยานยนต์เอง
หมวกโดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งานเต็มที่ 3 ปี เพราะหมวกใช้วัสดุในการผลิตคือพลาสติก ย่อมเกิดการเสื่อมสภาพ ยิ่งเกิดการกระแทกก็จะยิ่งเสื่อมคุณภาพ หากครบ 3 ปี ให้รีบเปลี่ยนใหม่ เนื่องจากการหมดสภาพของพลาสติกและโฟมจะไม่สามารถทนรับแรงกระแทกแทนศีรษะเราได้อีกต่อไป และหมวกที่เคยตกเคยกระแทกมาแล้วอายุการใช้งานก็จะน้อยลงไปด้วยเช่นกัน
ดันครับ
upupup
upupup
upupup
ดันคร้าบบบ
up up up
upupup