cmxseed สังคมราตรี

หมวดหมู่ทั่วไป => ลี้ลับ ประวัติศาสตร์ ตำนานโลก => หัวข้อที่ตั้งโดย: etatae333 เมื่อ 18 ธันวาคม 2015, 15:04:27

ชื่อ: ต้นกำเนิด ตำนาน "ซาดิสม์" (Sadism)
โดย: etatae333 เมื่อ 18 ธันวาคม 2015, 15:04:27
ต้นกำเนิด ตำนาน "ซาดิสม์"(Sadism)

ซาดิสม์ (Sadism) คือคำเรียกของผู้ที่ชอบเห็นความเจ็บปวดทรมานของผู้อื่น มีพฤติกรรมชอบทรมาน ทำร้ายผู้อื่น
เพื่อดื่มด่ำความเจ็บปวดนั้น หรืออีกนัยหนึ่งคือผู้ที่ชอบมีเพศสัมพันธ์แบบวิปริต ชอบทรมานคู่นอนให้เกิดความเจ็บปวด
ก่อนจึงจะสมใจ

https://www.youtube.com/v/s3suWVNBB3U

คำว่าซาดิสม์ เกิดจากชื่อของบุรุษมีตระกูลชาวฝรั่งเศสผู้หนึ่งนาม "มากี เดอ ซ้าด" (Marquis de Sade)
ซึ่งเป็นคนที่มีความประพฤติโหดร้าย ชั่วช้าในทุกๆ ด้าน และชอบความรุนแรงโดยเฉพาะเรื่องเพศจนเป็นที่เลื่องลือกันเป็นตำนาน
ถึงความชั่วร้ายของเขา กระทั่งชื่อของเขาได้รับเกียรติให้นำมาตั้งเป็นชื่อของโรคจิตชนิดหนึ่งที่ผู้ป่วยทางจิตเป็นพวกชอบ
ความรุนแรง และชอบทรมานคู่นอนก่อนหรือขณะร่วมเพศซึ่งก็คือ "ซาดิสม์" นั่นเอง


ประวัติของซ้าดเป็นที่น่าสนใจมาก แรกเริ่มซ้าดเกิดมาในตระกูลขุนนาง เมื่อเกิดมีนามเต็มว่า โดนาเตียง อัลฟ็อง ฟรังซัวร์
หรือท่านเคานท์น้อยแห่งซ้าด ใช้ชีวิตอยู่ในปราสาทแบบเดียวกับเจ้านายฝรั่งยุคศักดินาทุกประการ มารดาของซ้าดเป็น
นางพระกำนัลให้แก่เจ้าหญิงแห่งกงเด (Princess of Conde) นางมีความทะเยอทะยานอยากให้ลูกชายได้ใกล้ชิดกับ
เจ้าชายน้อยกงเดผู้เป็นทายาทเจ้าของปราสาท จึงพยายามผลักดันให้ซ้าด (ผู้อายุอ่อนกว่าเจ้าชายถึง 4 ปี) เข้ามาเป็น
พระสหายสนิทของเจ้าชาย แต่ซ้าดน้อยวัยเพียง 4 ขวบ ชอบเล่นรุนแรง เขามักเป็นฝ่ายรังแกเจ้าชายเสมอ และมักใช้
เจ้าชายเป็นกระสอบทรายมากกว่าที่จะเป็นเพื่อนเล่น จึงถูกส่งให้ออกไปอยู่กับลุงของเขาด้านนอกปราสาท

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1450511989-3215.jpeg)

กระทั่งอายุ 14 เขาเริ่มเบื่อกับความธรรมดาของชีวิตในชนบท อยากจะออกไปท่องโลกกว้าง จึงสมัครเป็นทหารในสังกัด
กองทหารม้า (Light cavalry: ทหารราบที่ขี่ม้าด้วย) เขาได้อยู่ในกองทัพนานกว่าปกติ เพราะช่วงนั้นเกิดการปฏิวัติ
ซ้าดจึงต้องเป็นทหารอยู่ถึงสิบปี ระหว่างนั้นเขาได้เห็นเหตุการณ์กระทำทารุณต่างๆ นานาต่อเชลยและนักโทษที่ถูกจับได้
แต่ภาพความโหดร้ายเหล่านั้นกลับทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างประหลาด  เมื่อออกจากทหารแล้วเขาได้รับตำแหน่งขุนนาง
สืบตระกูลจากบิดา กลายมาเป็น มากี (Marquis) ผู้มีศักดิ์แห่งซ้าด ตั้งแต่นั้นเขาก็ได้รับการเรียกขานอย่างให้เกียรติว่า
"มากี เดอ ซ้าด" และแต่งงานกับสตรีนางหนึ่ง (ที่แก่กว่าเขาถึง 10 ปี) ไม่กี่วันหลังการแต่งงาน บิดาของซ้าดก็ถูก
มารดาฝ่ายหญิงจับได้ว่าโกงเงินค่าพิธีแต่งงาน จากนั้นไม่นานบิดาของซ้าดก็ตาย พร้อมทิ้งหนี้กองใหญ่ไว้ให้ซ้าด

เป็นโชคร้ายของสตรีนางนั้นที่มาเป็นภรรยาของซ้าด เพราะตลอดช่วงชีวิตการแต่งงาน ซ้าดผู้เป็นสามีได้กระทำการ
ที่เรียกว่าหมิ่นน้ำใจภรรยาเสมอ แต่มาดามซ้าดก็ไม่เคยบ่นเพราะนางเป็นคนดีมาก แม้ว่าจะเคยอยู่ในตระกูลที่สูงส่ง
ไม่เคยพบเห็นการกระทำหยาบคาย และความวิปริตต่างๆ แต่นางก็มีความอดทนเป็นอย่างดี ตัวอย่างความชั่วของซ้าด
เช่น หลังแต่งงานได้เพียง 7 วัน เขาจ้างโสเภณีมาทั้งสำนัก พร้อมเชิญเพื่อนเสเพลของตนมาร่วมเสพกามกันที่บ้าน
ทั้งที่นายหญิงของบ้านก็ยังอยู่ทั้งคน แต่เมื่อนางไม่ว่าอย่างไร เขาก็ยิ่งย่ามใจ และก่อกิจกรรมวิปริตๆ อีกมากมาย
ครั้งหนึ่งเขาพาหญิงนางหนึ่งมาจากซ่อง จับมัดมือมัดเท้า เฆี่ยนตีจนเนื้อแตก เลือดพุ่งอาบรินไปทั่ว เธอร้องไห้จนหมดแรง
เพราะไม่คิดว่าจะถูกทารุณเช่นนั้น แล้วจากนั้นซ้าดก็ร่วมรักกับเธออย่างสุขสม พร้อมให้เงินปิดปากไม่ให้ไปบอกใคร
ซ้าดมีพฤติกรรมชั่วช้าดิบเถื่อนขึ้นเรื่อยๆ เขาติดเซ็กซ์และความรุนแรงแบบที่เรียกว่าขาดไม่ได้เลยทีเดียว

และในเวลาต่อมาเขาก็ได้ไปเยือนคุกเป็นครั้งแรกเมื่อสาวงามโรส เคลเลอร์ ผู้ถูกเขาล่อลวงมาจับมัดมือเฆี่ยนตีก่อนเสพสม
ได้วิ่งแจ้นไปฟ้องเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจนเป็นข่าวดังและเป็นที่พูดถึงกันไปทั่ว แต่เขาก็ไม่ได้ลดละแค่นั้น กลับทำชั่ว
และวิตถารมากขึ้นไปอีกและได้ก่อคดีน่าละอายและเป็นที่สยดสยองมากขึ้นเรื่อยๆ

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1450511989-4028.jpeg)

เมื่ออายุได้ 32 ปี ซ้าดจัดปาร์ตี้เซ็กซ์หมู่ที่เมืองมักเซยส์ จ้างคณะโสเภณีมาเกือบยกเมือง แล้วก็ทำการมอมยาโสเภณี
พวกนั้นจนอ่วม บางรายป่วยหนักไปเลย ยาที่ใช้ก็เป็นของที่นิยมในขณะนั้นคือ แมลงวันสเปน (Spanish fly)ผลลัพธ์คือ

เขาถูกแจ้งข้อหาเพิ่มอีกหนึ่ง คือพยายามฆ่าด้วยยาพิษ และกามวิตถาร ด้วยข้อหาร้ายแรงนี้เขาถึงต้องลี้ภัยไปถึงอิตาลี
แต่ด้วยการให้เบาะแสจากแม่ยายของเขาที่ต้องทนกับตระกูลซ้าดมาตลอด ทำให้เขาถูกจับได้ที่เมืองซาวอยประเทศอิตาลี
และถูกส่งเข้าขังยังเรือนจำแห่งมิโอลาน แต่ก็หนีออกมาได้ (ซึ่งที่จริงเขาหนีออกจากคุกหลายต่อหลายครั้งแล้ว)
ในที่สุดเขากลับมาอยู่ที่บ้านเก่า ลา คอสต์ แต่แม่ยายก็ตามรังควานนำตำรวจไปตามจับไม่เลิก ซึ่งเขาก็มักจะรอดพ้น
ไปได้อย่างเฉียดฉิว และสุดท้ายจึงหนีไปอยู่ในชนบทที่ห่างไกลออกไป

ต่อมาเขาได้หลอกเด็กหญิงชายกลุ่มหนึ่งว่าจะนำไปเป็นบ่าวรับใช้ แต่กลับนำเด็กๆ ไปใช้ในเกมกามของเขา และยังกล้า
กลับมายัง ลา คอสต์อีก เด็กในกลุ่มนั้นเมื่อสุดทนจึงหนีมาแจ้งความ เมื่อแม่ยายทราบข่าวก็หูผึ่งรีบนำตำรวจไปตามจับทันที
พร้อมทั้งคนแถบนั้นก็โกรธแค้นที่ซ้าดล่อลวงเด็กๆ ไปทำทารุณทางเพศ ต่างเรียกร้องให้ทางการจับซ้าดให้ได้ เขากลายเป็น
บุคคลอันตรายถึงขนาดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทุกคนก็พร้อมที่จะโยนความผิดให้เขาหมด ซ้าดเขียนไว้อย่างขบขันในหนังสือ
ของเขาว่า

"คนพวกนี้แม้เรื่องเพียงน้อยนิด เช่น แมวถูกหวดก้น ก็พร้อมจะบอกใครๆ ว่าน่านแหละฝีมือ มองซิเออร์ซ้าดล่ะ"

นอกจากซ้าดจะเป็นที่รังเกียจของสุจริตชนทั่วไปแล้ว เขายังดูเหมือนจะเป็นที่รังเกียจของนรกสรรค์ทั้งปวงอีกด้วย
เพราะเขาเคยถูกลอบฆ่ามาหลายครั้ง แต่ก็ไม่ตาย รอดได้อย่างหวุดหวิดทุกครั้งไป เช่น คราวที่พาสาวน้อยนาม คริล เลต์
หนีออกจากบ้าน ทำให้พ่อของสาวนั้นโกรธแค้นมาก ใช้ปืนยิงจ่อที่หัวซ้าดในระยะเผาขน แต่ลูกกระสุนดันด้านเสียอีก
นับเป็นคนชั่วที่นรกไม่อยากได้จริงๆ


(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1450511988-9567.jpeg)

จากที่ชั่วได้ที่มานาน เขาก็เริ่มได้รับกรรมในการเข้าๆ ออกๆ เรือนจำเป็นว่าเล่น ตำรวจหลอกจับเขาโดยปลอมจดหมาย
ให้เขาไปเยี่ยมแม่ที่ป่วยหนักในปารีส (ทั้งที่แม่เขาตายไปนานแล้วโดยที่เขาไม่รู้) แล้วตำรวจก็จับเขาได้ที่นั่น เมื่อพิจารณาโทษแล้ว
ทางศาลก็เห็นว่าควรส่งเขาไปขังไว้ที่ปราสาทแวงซองส์ ที่มีป้อมปราการสูงใหญ่ และไม่เคยมีใครหนีรอดออกมาได้
ซึ่งที่นั่นซ้าดต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแท้จริง เพราะเขาขาดสาวๆ และเซ็กซ์วิปริตอันเป็นของโปรด เขาจึงหางานอดิเรกทำ
โดยการเขียนบทประพันธ์ แต่งกลอน และละครเพลง เกี่ยวกับประสบการณ์กามต่างๆ ที่ผ่านมาของเขา ส่วนใหญ่เป็นเรื่อง
วิตถารผิดมนุษย์บรรยายไว้อย่างละเอียดจนเห็นภาพ (ต่อมากลายเป็นหนังสือต้องห้าม ไม่ให้ตีพิมพ์นานเกือบ 200 ปี)
การกระทำชั่วผ่านปลายปากกานี้ทำให้เขาถูกคุมอย่างเข้มงวดมากขึ้น โดยไม่ให้เขาใช้ดินสอ ปากกา หรือกระดาษใดๆ อีกเลย

แม้จะชั่วช้าอย่างไรก็ตาม แต่ด้วยความประเสริฐของม้าดมัวแซลเรเน่ผู้เป็นภรรยา ก็ยังคงคอยดูแลความเป็นอยู่ของสามีในคุก
อยู่ตลอด ทั้งจัดหาเสื้อผ้า อาหารอร่อย และของอื่นๆ ที่ซ้าดต้องการมาให้มิได้ขาด และยังเขียนสาส์นประณีประนอมโทษมาให้
ผู้คุมของซ้าดหลายครั้ง และเรียกร้องให้ผู้คุมเห็นใจสามีตนและปฏิบัติต่อเขาด้วยดี เขาถูกขังอยู่ที่แวงซองล์ 7 ปี และย้ายมาคุมขัง
ต่อที่บาสติลล์ ซึ่งซ้าดใช้เวลาในการเขียนเรื่อง "120 วันอันวิตถาร" (120 Days of Sodom) ถือเป็นเรื่องติดเรทระดับมาสเตอร์พีซ
ของเขา และยังมีเรื่อง "ความอับโชคแห่งคุณธรรม" (The misfortunes of virtue) ซึ่งแต่ละเรื่องก็เต็มไปด้วยความเลวร้าย
จนต้องม้วนซ่อนเอาไว้ตามซอกอิฐเพื่อไม่ให้ผู้คุมเอาไปทำลาย
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1450511988-9367.jpeg)

เมื่อติดคุกนานๆ ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน เขาก็เริ่มคลุ้มคลั่ง ต้องถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาลบ้า นั่นคือ ชารองตอง อัซสิลัม และที่แห่งนี้
ก็เป็นที่พำนักของเขาในอีก 14 ปีที่เหลือของชีวิต แต่กระนั้นแม้จะอยู่ในโรงพยาบาล เขาก็ยังไม่วายหาความสุขทางเพศไปเรื่อยๆ
เห็นได้จากบันทึกของเขา (ในวัยเจ็ดสิบกว่า) ถึงเรื่องความสัมพันธ์อันลึกซึ้งระหว่างเขา และคนงานในสถานบำบัดสาวอายุ 17 ปี
ที่เขียนไว้อย่างละเอียดลออว่าเขามีเพศสัมพันธ์กับเธอถึง 57 ครั้ง และเขาสอนให้สาวน้อยอ่านออกเขียนได้ ตัวอย่างบันทึกตอนหนึ่งมีว่า


"ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 1814 นี้ แม่สาวน้อยแม็กดาลีนได้มาเยี่ยมฉันเป็นเวลา 2 ชั่วโมง และมันนับเป็นสองชั่วโมงที่สุขสมเสียจริง"

แต่ความสุขของเขานี้อยู่ได้ไม่นานนัก เมื่อจู่ๆ ซ้าดวัย 74 ปี ก็ล้มป่วยอย่างกะทันหัน ได้ถูกส่งตัวเข้ารักษา และไม่เคยได้ตื่นมาอีกเลย
เป็นอันปิดฉากชายชื่อฉาวที่สุดในฝรั่งเศส แต่เป็นการเปิดตำนานแห่งคำว่า "ซาดิสม์" ให้กับโลก


ที่มาของคำว่าซาดิสม์

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1450511989-8348.jpeg)

คำนี้มีที่มาครับ มันมาจากชื่อของคนนามว่า มาร์กีส์ เดอ ซาด (Marquis de Sade Marquis de Sade) หรือชื่อฝรั่งเศส
โดนาเตียง อัลฟงส์ ฟรองซัวส์ เดอ ซาด Donatien Alphonse François de Sade) "มาร์กีส์จอมเทพ" (Divine Marquis)
นักเขียนนวนิยายลามกแนวจุดขายพฤติกรรมทางเพศสุดแสนจะพรรณนาเป็นคำพูดและภาษาออกมาได้ ส่วนใหญ่เน้นตีแผ่ธรรมชาติ
ด้านมืดของเพศมนุษย์ โดยใช้นวนิยาย (บางส่วนเป็นบทความเชิงปรัชญา) และผลงานของเขาส่วนใหญ่จะออกมาในช่วงช่วง 29 ปี
ซึ่งช่วงนี้เขาถูกจับขังในโรงพยาบาลบ้า!!


ด้วยผลงานที่อื้อฉาวมากในยุคนั้นทำให้นักวิชาการได้นำชื่อของเขามากลายเป็นศัพท์ เรียกอาการทางจิตในเรื่องความรุนแรงจนกลาย
เป็นคำๆ หนึ่งในภาษาไทยนั้นคือคำว่า Sadism

หนึ่งในผลงานสร้างชื่อของเขาคือนวนิยายเรื่อง 120 วันในโซดอม (120 days of Sodom) โรงเรียนของผู้รักอิสระ) ค.ศ. 1785
ได้รับการตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1904 ถือได้ว่าเป็นนวนิยายแนวซาดิสท์ที่โด่งดังที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยมีมา อีกทั้งยังกลายเป็นวรรณกรรม
ต้องห้ามและอันตรายสำหรับบุคคลทั่วไปอีก

ทำไมถึงต้องถามและอันตรายหรือ?


(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1450511989-9341.png)

ในบทประพันธ์เรื่องนี้กล่าวถึงพฤติกรรมทางเพศที่วิปริตและหยาบช้าสามานย์ของชนชั้นกลางสี่คนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน
(เรื่องที่เกิดเป็นยุคปัจจุบันเสียด้วยสิ ไม่ใช้ยุคกริซ) แล้วสี่คนนั้นก็หาผู้ที่สมรู้ร่วมคิดกันทำการทางร่วมเพศหมู่กับเหยื่อที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
ด้วยจำนวนมากอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน เพียงเพื่อแสวงหาความรื่นรมย์และความหฤหรรษ์ทางเพศให้กับตัวเอง โดยเวลาตลอด 120 วัน
ในปราสาทซิลลิ่งที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางหุบเขาซึ่งมีนายธนาคารหนึ่งในกลุ่มผู้คบคิดเป็นเจ้าของ.......


แน่นอน เรื่องมันก็บอกว่านี้เป็นนวนิยายลามก มันต้องมีฉากที่นวนิยายแนวนี้ที่มี เช่น มีตั้งแต่ถูกข่มขืน ถูกจับไปร่วมเพศหมู่อย่าง
วิปริตและชั่วช้าสามานย์ ไปจนถึงการถูกทรมานร่างกายและจิตใจด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา ตั้งแต่การเฆี่ยน การฉีกแขนขา
ชิ้นส่วนของร่างกาย และแม้กระทั่งการฆาตกรรม!!

(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1450511989-9092.jpeg)


นี้แค่เนื้อเรื่องน่ะเนี้ย ไม่รวมฉากต่างๆ ที่สุดจะพรรณนา เช่น

เหยื่อในเรื่องทั้งหมดจะสวมปลอกคอ ทำท่า ทำทางเหมือนสัตว์สี่เท้า
เหยื่อในเรื่องทั้งหมด ถ้าเห็นเจ้านายจะทำความเคารพเหมือนพระเจ้าและทำท่าอิ๋งๆ เหมือนหมา และยั่วยวน
ให้เจ้านานเล่นบทพระบทนาง....

มีการทุบตีเหยื่ออย่างวิปริต ใช้ข้าวของปาเหยื่อ ตั้งแต่แจกันไปจนถึงโต๊ะ ประตู บางคนตายคาโต๊ะ เก้าอี้ก็มี
อย่างเครื่องอุปกรณ์ทรมานในยุโรปถูกมาใช้ทรมานเหยื่อในเรื่องอย่างทั่วหน้าการบังคับเหยื่อร่วมมือล็อก
จับเพื่อนร่วมชะตากรรมเพื่อจะสำเร็จโทษ เช่นดึงฉีดลิ้นเหยื่อคนนั้น   ฯลฯ

ยังๆ ยังไม่จบเพราะนิยายเรื่องนี้มันดันสร้างเป็นภาพยนตร์อีก เรื่อง (120 days of Sodom) เช่นกัน
แนวเรตสนิท โหดอีกต่างหาก สาระก็ไม่ค่อยมีเหมือนนวนิยาย

https://www.youtube.com/v/gs-523jPoSE
ชื่อ: Re: ต้นกำเนิด ตำนาน "ซาดิสม์" (Sadism)
โดย: samapet เมื่อ 23 ธันวาคม 2015, 14:07:02
 pongz ขอบคุณที่ให้ความรู้ครับ
ชื่อ: Re: ต้นกำเนิด ตำนาน "ซาดิสม์" (Sadism)
โดย: bahozar เมื่อ 29 ธันวาคม 2015, 21:53:21
วันนี้ไล่อ่านทั้งวัน
ชื่อ: Re: ต้นกำเนิด ตำนาน "ซาดิสม์" (Sadism)
โดย: gogorin เมื่อ 06 กุมภาพันธ์ 2016, 01:56:16
ตำนาน  .,mn
ชื่อ: Re: ต้นกำเนิด ตำนาน "ซาดิสม์" (Sadism)
โดย: Little Tiger เมื่อ 07 กุมภาพันธ์ 2016, 19:08:00
ซาดิสของแท้กะเอาตายชัดๆ eta06