10 คดีฆาตกรรมปริศนาที่ยังไขไม่ออก (ภาค 1 ภาคคดีดัง)
credit :: cammy@dek-d.com
ในอดีตที่ผ่านมี มีคดีปริศนาที่น่าสยดสยองและน่าพิศวงเกิดขึ้นมากมาย ในโลกบางคดีเป็นคดีลึกลับที่ไม่สามารถไข
ออกมาได้จนถึงบัดนี้ จนที่สนใจของคนที่ชอบเรื่องสยองขวัญและพวกคอสอบสวนอย่างไม่เสื่อมคลาย และนี้คือ
10 อันดับคดีฆาตกรรมปริศนาที่มีชื่อเสียงในประวัติในประวัติศาสตร์สมัยใหม่
อันดับ10. Oscar Romero
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1484970556-9156.jpeg)
อาร์คบิชอปออสการ์ อาร์นุลโฟ โรเมโร (Oscar Romero) 1917-1980 เป็นหัวหน้าบาทหลวงคาทอริก ในเอลซัลวาดอร์
ในช่วงทศวรรษที่ 1960 และ 1970 ผู้เรียกร้องสิทธิมนุษย์ชนและต่อสู้เพื่อคนยากจนในประเทศจากสงครามกลางเมือง
ท่านเป็นนักพูด ปลุกระดมให้ประชาชนต่อต้านทหารสหรัฐ และเรียกร้องให้ทหารของซัลวาดอร์ให้สนใจเรื่องสิทธิมนุษยชน
มากขึ้น (เอล ซัลวาดอร์ ในช่วง 1980 เวลานั้น กองกำลังของรัฐบาลได้เกณฑ์เด็กอายุ12ปี บังคับให้ออกจากโรงเรียน
เข้ากองทัพ)
หากแต่ในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 1980 บาทหลวงโรมาโรในขณะนั้นอายุ 62 ปี ก็ถูกยิงตายในขณะพิธีมิซซาในโบสถ์เล็กๆ
ใกล้โบสถ์ของเขา เชื่อว่านี้เป็นการโดยกองกำลังติดอาวุธของฝ่ายขวา, สหรัฐอเมริกา, หรืออาจเป็นฝีมือของโรเบอร์โต โดบุสซอง
(Roberto d'Aubuisson)ผู้สนับสนุนลัทธินาซียุคใหม่ เป็นตัวการในการลอบสังหารครั้งนี้(รวมทั้งคดีสยองขวัญอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วน)
ซึ่งคนนี้มีอำนาจล้นฟ้าในประเทศนี้มาก และด้วยอิทธิพลและความอหังการ จนบัดนี้คดีของโรเมโร ก็ยังไม่ได้คลีคลายแต่อย่างใด
อันดับ9. Olof Palme
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1484970579-2072.jpeg)
โอลอฟปาลเม่ (Olof Palme)เป็นนายกรัฐมนตรีสี่สมัย แห่งประเทศสวีเดน(1982-1986) ผู้มีส่วนสำคัญในการกำหนดไม่ให้
มีการใช้พลังนิวเคลียร์ทั้งหมดในประเทศสวีเดน หลังจากการเลือกตั้งเป็นนายกฯ อีกครั้งในปี 1982 เขาก็ได้ใช้นโยบายหลัก
ความเสมอภาคเศรษฐกิจ สังคมนิยม ทำให้สวีเดนเป็นประเทศที่ปลอดภัยที่สุดแห่งหนึ่งในโลก มีระบบสวัสดิการที่ดีที่สุดในโลก
เด็กๆได้รับการศึกษา ไม่มีคนไร้บ้าน ไม่มีใครอดอยากหิวโหยแต่น่าเสียดายนายกรัฐมนตรีคนดีเช่นนี้กลับถูกลอบสังหาร
เมื่อวันที่1986ฤดูหนาวอันโหดร้ายกินเวลายาวนาน ชาวสวีเดนนอนนานขึ้นและพูดกันน้อยลง โอลอฟ ปาลเม่พึ่งเดินควงแขน
ภริยาออกจากโรงภาพยนตร์โดยไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยติดตาม สิ่งนี้คือความภาคภูมิใจของเขาที่ทำให้สวีเดนเป็น
ประเทศที่ปลอดภัย แต่แล้วเมื่อถึงเวลา เวลา11.21น. "ชายผมดำ ร่างสูง มีแขนข้างเดียว" ย่องไปด้านหลังของปาลเม่
ชักปืน .357แม็กนัม ออกมา และยิงนายกรัฐมนตรีในระยะเผาขน โอลอฟ ปาลเม่ เสียชีวิตทันทีในอ้อมแขนของภริยา
มือปืนหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในความมืดของรัตติกาล ฆาตกรไม่ได้ทิ้งหลักฐานอื่นใดนอกจากกระสุนทองแดงสองนัด
ไม่มีใครรู้มูลเหตุจูงใจของการลอบสังหาร
และจนบัดนี้คดีก็ไม่ยังคลีคลายว่าใครเป็นคนฆ่าเขา?และฆ่าเขาเพื่ออะไร?ในเมื่อเขาไม่ได้สร้างศัตรูเลยสักนิด??
อันดับ8. The Boy in the Box
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1484970602-2508.jpeg)
คดีเด็กชายในกล่องเป็นคดีสยองลึกๆ ที่ยังคงเป็นปริศนาจนถึงปัจจุบัน เรื่องเกิดขึ้นเมื่อปี 1957 มีการพบศพเด็กชายลึกลับ
ไม่ทราบชื่อชาวคอเคเซียน อายุประมาณ 4-6ปี ร่างกายเปลือยเปล่าห่มด้วยผ้าสำลีลายสก็อตราคาถูก ศพถูกพบในสภาพ
หงายหน้าภายในกล่องกระดาษแข็งขนาดใหญ่ มีเพียงเท้าของเด็กที่ยื่นออกจากกล่องเท่านั้น ศพที่อยู่ในกล่องนั้นถูกพบที่
ข้างถนนในตะวันออกเฉียงเหนือของฟิลาเดลเฟีย ที่น่าพิศวงคือร่างกายของเด็กคนนั้นแห้งและสะอาด แขนของเด็กถูกจัด
ท่าทางอย่างระมัดระวัง เล็บถูกเล็มสั้น ผมของเขาพึ่งตัดเร็วๆ นี้ คาดว่าก่อนตายเขาคงถูกเลี้ยงดูอย่างดี ส่วนสาเหตุการตาย
ถูกทำร้ายที่ใบหน้าและหัวอย่างรุนแรง
ส่วนข้อสันนิษฐานมีสองประการ คือเด็กคนนั้นอาจเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงโดยบ้านอุปถัมณ์ แต่เจ้าของบ้านนี้โหดร้าย
และชอบทำร้ายเด็ก จนเป็นสาเหตุทำให้เด็กตาย ส่วนอีกข้อคือเด็กผู้ตายอาจเป็นเด็กที่ถูกรับเลี้ยงดูพ่อแม่บุญธรรม
ซึ่งพ่อแม่บุญธรรมมีนิสัยโหดร้ายที่ชอบทำลายร่างกายและมีเพศสัมพันธ์กับเด็กอย่างเกินพอดี และมีความคิดฆ่าแบบวิโรธ
คือฆ่าเด็กและทำความสะอาดและเลี้ยงดูเหมือนครั้งมีชีวิตอยู่ หากภายหลังก็นึกเบื่อเลยเอาไปทิ้งข้างทาง
ปัจจุบันคดียังคงเป็นปริศนา เนื่องจากไม่ทราบชื่อเด็กชายผู้ตาย หลายฝ่ายพยายามใช้DNAตรวจหาเพื่อเชื่อมโยงหาประวัติ
เด็กชายในฐานข้อมูลDNAระดับชาติ แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่ได้รับคำตอบแต่อย่างใด ว่าเด็กชายคนนี้คือใครกันแน่ และทำไม
เขาต้องถูกฆ่า??ปัจจุบันเรื่องราวของเด็กชายในกล่องถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนต์ ละครมากมาย หนึ่งในนั้นคือภาพยนต์
ซีรีย์เรื่องCSI
อันดับ7. Jack the Stripper
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1484970676-712.jpeg)
แจ๊ค เดอะ สทริปเปอร์(Jack the Stripper) หรือแจ๊คเปลือยเสื้อผ้า เป็นฉายาฆาตกรต่อเนื่องปริศนาในลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ระหว่างปี ค.ศ.1964ถึง ค.ศ.1965ซึ่งถูกขนามนามว่าเป็นแจ๊คหมายเลข 2เเนื่องมาจากพฤติกรรมในการสังหารเหยื่อที่เป็นโสเภณี
เหมือนกันกับของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ ซึ่งเหยื่อที่ถูกมันฆ่ามีจำนวนทั้งหมด 6 ราย(หรืออาจมากกว่านี้ก็ได้) ในทั้งหมดถูกค้นพบ
ในสภาพเปลือย(ยกเว้นมีศพหนึ่งมีถุงเท้าสวมใส่อยู่)สภาพศพขาดอากาศหายใจ น่าจะเกิดจากการที่ฆาตกรบีบคอเหยื่ออย่างรุนแรง
หรือเอาไปถ่วงหน้าให้หายใจไม่ออก ที่ปากของพวกเธอถูกยัดลงคอด้วยกางเกงชั้นใน (กางเกงชั้นในของอังกฤษสมัยก่อนมีขนาด
ใหญ่มาก คิดดูสิเวลายัดลงในปากศพจะมีสภาพสยองขนาดไหน) และสถานทีพบศพส่วนใหญ่จะอยู่ในแม่น้ำเทมส์และจุดต่างๆ
ในกรุงลอนดอนนั้นเองที่ทำให้ฆาตกรคนนี้ถูกตั้งฉายาว่า "Jack the Stripper"
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1484970676-713.jpeg)
และหลังจากนั้นในปีค.ศ.1965ก็หยุดอาละวาดและหายตัวไปอย่างปริศนา โดยทิ้งปริศนาเอาไว้ให้หลายๆ ฝ่ายคาดเดาต่างๆ นาๆ
คดีนี้มีการสอบสวนจากตำรวจสก็อตแลนด์ยาร์ด แต่จนบัดนี้คดีก็ไม่สามารถคลีคลายได้ มีการคาดเดาต่างๆ ถึงตัวจริงฆาตกรรายนี้
บ้างก็ว่า เป็นนักการเมืองของอังกฤษ, วงการภาพยนต์โป๊ แต่ไม่มีหลักฐานใดๆ ที่จะเชื่อมโยงถึงผู้ต้องสงสัยทั้งหลายได้ และคนที่
น่าจะเป็นฆาตกรรายนี้มากที่สุดดันชิงฆ่าตัวตายลึกลับเสียก่อนโดยเขาทิ้งข้อความไว้ว่า
"ทนไม่ไหวแล้ว (unable to take the strain any longer head)"
ผลคือชื่อและหน้าของเขาไม่ได้ถูกประกาศสู่สาธารณชน(นี่จากจะทำให้ครอบครัวผู้ตายเดือดร้อน) ทำให้คดีนี้กลายเป็น
ปริศนาที่ไขไม่ออกในที่สุด
อันดับ6. The Axeman of New Orleans
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1484970723-1184.jpeg)
แอกซ์แมน ออฟ นิวออร์ลีน (Axeman of New Orleans) เป็นฉายาฆาตกรต่อเนื่องปริศนาที่ก่อการอาละวาดฆาตกรรมผู้คนใน
นิวออร์ลีนและหลุยเซียนา ในระหว่าง พฤษภาคม 1918 ถึง ตุลาคม 1919นอกจากนี้ยังคาดว่ามันน่าจะฆ่าคนในปี 1911 ด้วย
(แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน)
คดีนี้เริ่มต้นเมื่อกลางดึกวันที่23พฤษภาคม1918โจเซฟ แมกกิโอ(Joseph Maggio) คนขายของชำชาวอิตาลีถูกโจมตีขณะที่การนอน
อยู่ข้างแคทเธอลีน แมกกิโอ(Catherine Maggio)ภรรยาของเขา ในบ้านของเขาบนมุมมุมถนนอัพเพอร์ลีนและถนนแมกโนเลีย
โจเซฟถูกฟาดหนึ่งแผลก่อนจะถูกปาดคอด้วยมีดโกน เขาอยู่รอดโดยไม่ตายหลายนาทีก่อนที่พี่ชายและน้องชายของเขา เจค และ แอนดรูว
ซึ่งอาศัยอยู่ตึกหลังถัดไป ยินเสียงร้องของพี่ชายจึงรีบวิ่งเข้ามาดู แต่ช่วยชีวิตไม่ทัน ส่วนภรรยาของเขา แคทเธอลีน แมกกิโอ ฆาตกร
ฆ่าเธอโหดกว่านั้น มันใช้ขวานจามขวานที่คออย่างรุนแรงจนขวานนั้นลึกจนคอเกือบขาด ซึ่งเหลือเพียงผิวหนังอีกเสี้ยวเดียวที่ยึดคอเธอ
ไว้ติดกับตัว
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1484971024-2096.jpeg)
และนี้คือจุดเริ่มต้นของแอกซ์แมน ออฟ นิวออร์ลีน หลังจากนั้นก็มีรายงานการปรากฏตัวของฆาตกรรายนี้จนสร้างความหวาดกลัวต่อผู้คน
ในพื้นที่อยู่มาก เพราะเหยื่อที่ถูกมันฆ่าส่วนใหญ่จะสุ่มฆ่า และถูกมันโจมตีอย่างฉับพลัน เช่น เปิดประตูบ้านก็ถูกขวานจามอย่างรุนแรง
หรือบุกไปฆ่าตอนเจ้าของบ้านนอนหลับอย่างสบายบนเตียง มันฆ่าคนแม้กระทั้งผู้หญิงตั้งครรภ์ และแม้แต่ทารกที่ฆ่าในแขนของแม่
นอกจากนี้มันยังเขียนจดหมายเหน็บแนมให้หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเมืองบอกใบ้เหยื่อรายต่อไปที่มันจะไปฆ่าด้วย แสดงถึงนิสัยบ้าบิ่น
และความสนุกสนานในอาชญากรรมของฆาตกรรายนี้เป็นอย่างดี แต่แล้วจู่ๆ มันก็หยุดอาละวาดฆ่าคนเสียดื้อๆ หลังจากอาละวาด
ฆ่าคนไปแปดศพหลายๆ ฝ่ายพยายามหาข้อสมมุติฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลายคนให้ข้อคิดเห็นว่า บางทีเจ้าฆาตกรคนนี้อาจเป็นมาเฟีย
จากอิตาลี หรืออาจเป็น โจเซฟ มัมเฟร(Joseph Momfre) ผู้ซึ่งถูกเปปิโทเน่(PietroPepitone) ภรรยาม่ายของเหยื่อรายสุดท้าย
ฆ่ามันด้วยปืนสั้น ซึ่งหลังจากการตายของมัมเฟร แอกซ์แมนก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นที่นิวออร์ลีนส์อีกเลย และปัจจุบันมันก็ไม่ถูกตำรวจจับกุม
ไม่มีใครรู้ว่าเขาคือใคร และคดีก็ยังเป็นปริศนาอยู่ในแฟ้มต่อไป
อันดับ 5 JonBenet Ramsays
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1484970797-5761.jpeg)
โจนเบนท์ แรมซี่ย์(JonBenet Ramsays)เป็นเด็กหญิงอายุเพียง 6 ปีมีสวยเสน่ห์ ฉลาด ช่างพูด ร้องเล่นเต้นรำบนเวทีเก่ง เธอทำได้
ราวจนเป็นมืออาชีพ ใคร ๆ ก็ชื่นชม เธอพึ่งได้รับเกียรติจากโรงเรียน ให้เป็นผู้ชนะรางวัล"นักเรียนดีเด่น"มาหมาด ๆเธอเป็นนางงามเด็ก
ที่ประกอบที่ไหนก็ได้รับรางวัลที่นั่นทั่วสหรัฐอเมริกา เป็นบุตรสาวของตระกูลแรมซี่ย์ครอบครัวที่มั่งคั่งแห่งเมืองโบลเดอร์
วันที่25ธันวาคม ปี1996เป็นวันคริสต์มาสสำหรับหลายๆ คน แต่เป็นวันหายนะของครอบครัวแรมซี่ย์ เมื่อเช้าวันนั้นแม่ของเธอแจ้งความ
ว่าเธอได้รับโน้ต เนื้อความประมาณว่าลูกสาวของเธอโดนคนคนร้ายลักพาตัวไปให้เงินประกันมาไถ่ แน่นอนตำรวจการดำเนินหาตัวเธอ
ก็เริ่มขึ้น แปดชั่วโมงผ่านไปแต่ก็ไม่มีใครพบเบาะแส ขณะที่ทุกคนมึนงงอยู่นั้น สมาชิกในบ้านแรมซีย์ก็พบเธอที่ชั้นใต้ดิน...เด็กหญิง
นอนหงายเธอถูกทุบกระโหลก และเธอถูกรัดคอตายอย่างโหดร้ายโดยสายเชือกสีขาวรัดแน่นมากอยู่ลำคอ มันมีแท่งไม้เสียบคล้าย
ขันชะเนาะฆาตกรคงใช้ไม้ขันชะเนาะนั้นรัดคอเด็กหญิงคนนั้นแบบช้าๆ
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1484970797-588.jpeg)
คดีนี้สร้างความพิศวงไปทั่วอเมริกา ปกติคดีฆ่าเด็กหญิงผู้ต้องสงสัยจะเป็นสมาชิกครอบครัวของเธอเป็นอันดับแรก แต่ปรากฏว่า
จากการสอบสวนแล้วไม่พบพิรุธในครอบครัวของเธอเลยหลักฐานต่อมาน่าฉงนยิ่งกว่า นั่นก็คือ โน้ตหรือจดหมายลักพาตัวนั้น
ถูกเขียนโดยปากกาในบ้านนั้นเอง ... แต่ลายมือไม่ใช่ของคนในบ้าน อีกหลักฐานที่พิศวงคือมีร่องรอยมีร่องรอยการข่มขืน
ยาวนานของหนูน้อยคนนี้แต่ครอบครัวแรมซีย์ปกปิดเงียบ ไม่รู้ว่าครอบครัวนี้ปกปิดเพื่ออะไร?มันสำคัญนักเหรอ?
และปรากฏคราบอสุจิและรอยเลือดที่แคมใหญ่ แต่คราบอสุจิและเลือดถูกใครบางคนใช้ผ้าเช็ดออกไปอย่างหมดจดก่อนโดนฆาตกรรม
แต่กระนั้นตำรวจก็ยังได้DNAที่คาดว่าจะเป็นของฆาตกร หากแต่เมื่อตรวจสอบพบว่าDNAอันนี้ไม่ตรงกับของใครเลย ทั้งสมาชิกแรมซีย์
และผู้เกี่ยวข้องDNAถูกส่งไปยังFBIเพื่อตรวจฐานข้อมูลแห่งชาติแต่ก็ไม่ปรากฏว่าไม่ตรงกับของใครเลยปัจจุบันคดียังมีการสืบสวนอยู่
(กฎหมายคดีฆาตกรรมเมืองโบลเดอร์ไม่หมดอายุความ) แต่ดูเหมือนยังมืดแปดด้าน
เพราะหลักฐาน DNA จนบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่ามันเป็นของใคร....คดีนี้จึงเป็นคดีปริศนาอีกคดีหนึ่ง
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1484970797-5832.jpeg)
อันดับ 3Black Dahlia
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1484970854-8739.jpeg)
อลิซาเบธ ช็อท(Elizabeth Short) เกิด 29 กรกฎาคม1924เป็นหญิงชาวอเมริกันฉายา "ดอกรักเร่สีดำ"ฉายาของเธอมาจาก
การแต่งตัวสีดำเกือบทั่วตัว จนหลายคนเปรียบเทียบเธอกับตัวละครในหนังเรื่อง "รักเร่สีดำ"ซึ่งเป็นหนังดังในขณะนั้น และเธอถูก
ฆาตกรสังหารในสภาพพิสดารมาก ศพของเธอถูกพบเมื่อวันที่ 15 มกราคม 1947 ถูกทิ้งไว้ข้างทางถนนนอร์ตัน สวนสาธารณะ
ไลเมิร์ต ชานเมืองลอสแอนเจลีส สหรัฐอเมริกาสภาพเหมือนหุ่นเสื้อที่ชำรุด คือสภาพเปลือยเปล่าถูกถ่ายเลือดออกจนขาวโพลนนั้น
ถูกพบในสภาพขาดเป็นสองท่อน ปากถูกกรีดตั้งแต่หูซ้ายจรดหูขวา ทั่วทั้งตัวถูกล้างจนสะอาดหมดจด ที่คอมีร่องรอยการถูกรัด
ด้วยของที่คล้ายเชือก แต่จากการชันสูตรพบว่าสาเหตุการตายโดยตรงคือแผลขาดสองท่อนกลางลำตัวขณะที่มีชีวิตอยู่
แต่น่าพิศวงมากกว่านั้นที่กระเพาะของเธอปรากฏว่ามีอุจจาระจำนวนมาก ไม่รู้เป็นของเธอหรือฆาตกร แต่กระนั้นฆาตกร
ก็บังคับให้เธอกลืน จนอิ่มเต็มกระเพาะ!
1อาทิตย์หลังจากพบศพ มีการพบพัสดุสีน้ำตาล เหม็นกลิ่นน้ำมันหึ่ง และมีโน๊ตสั้นๆ ที่ใช้ตัดคำมาจากหนังสือพิมพ์แล้วมาแปะ
ใจความว่า"นี้คือสมบัติส่วนตัวของ ดาห์เลีย และเอกสารที่เป็นเบาะแส"
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1484970854-8868.jpeg)
ภายในมีสมุดบันทึก นามบัตร บัตรประจำตัว บัตรประกันสังคมซึ่งเป็นของอลิซาเบธ แต่ทั้งหมดก็ถูกแช่น้ำมันเบนซิลจนไม่สามารถ
ตามเบาะแสหรือหารอยนิ้วมือคนส่งได้ มีการสืบพยานและผู้ต้องสงสัยหลายรายจากสมุดบันทึก แต่เนื่องจากผู้ตายมีผู้ชายติดพัน
หลายคน อีกทั้งมีข่าวลือว่าเธอเป็นเลสเบี้ยนอีกด้วย ทำให้คดีนี้ยุ่งยากมากๆ จนปัจจุบันนี้ก็ยังไม่พบตัวคนร้ายที่แน่นอน เรื่องการ
ฆาตกรรมอลิซาเบธ ช็อทก็ยังคงเป็นปริศนาต่อไป
อันดับ3 Andrew and Abby Borden
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1484971056-5329.jpeg)
เช้าของวันพฤหัสบดี วันที่4สิงหาคม1892แอนดรูว์ เบอร์เด็น(Andrew Borden) เศรษฐีผู้มั่งคั่งประจำเมืองนิวอิงแลนด์ประเทศ
สหรัฐอเมริกากลับมาบ้านเลขที่92เซคันด์สตรีทซึ่งเป็นบ้านของเขา ในเวลานั้นในบ้านของเขามีภรรยาคนที่สองชื่อแอบบี้เบอร์เด็น
(Abby Borden), สาวใช้ไอริชบริจิต ซาลีแวน(Bridget Sullive) และลูกสาวของเขาลิซซี่ เบอร์เด็น(Lizzie Borden)
(แอนดรูว์มีลูกสาวอีกคนแต่งวันนั้นเธอออกทำธุระนอกบ้าน) เขาพูดคุยกับสมาชิกในบ้านนิดๆ หน่อยก่อนที่จะขึ้นบนบ้าน
และโน้นตัวลงบนโซฟาเพื่อหลับนอน
เวลา11.05น. ลิซซี่ก็ได้ศพของพ่อเธอถูกฆ่าตายบนโซฟา เขาถูกขวานจามเข้าที่ศีรษะขณะกำลังงีบหลับอยู่ถึง11แผล หูถึงกับขาด
และตาทั้งสองหลุดทะลุออกมาจากเบ้าตาอย่างหฤโหด เมื่อตำรวจและแพทย์มาถึงบ้านตระกูลเบอร์เดน พวกเขาก็ได้พบกับอีกศพ
แอบบี้ถูกฆ่าตายอยู่ในห้องพักแขกชั้นสอง เธอถูกจามศีรษะด้านหลังถึง19แผล จนลงกองไปกับพื้น ผลจากการตรวจพบว่า
นางแอบบี้ตายก่อนหน้าแอนดรูว์หลายชั่วโมง
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1484971056-5192.jpeg)
ต่อมาตำรวจทำการจับกุมลิซซี่ เบอร์เดน เนื่องจากตำรวจสืบพบว่าเธอซื้อยาพิษจากร้านขายยาเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมไม่กี่วันก่อน
เกิดเหตุ(แต่หาซื้อไม่ได้)และมีคนพบเห็นเธอเผาชุดเปื้อนเลือดที่เตาไฟ และขวานที่เป็นอาวุธฆาตกรรมอยู่ชั้นใต้ดิน ลิซซี่ เบอร์เด็น
ถูกนำตัวขึ้นศาล แต่ผลสุดท้ายศาลตัดสินว่าไม่มีความผิดและปล่อยตัวออกมาอย่างน่าพิศวง นั้นเองที่ทำให้หลายฝ่ายต่างสงสัยว่า
ทำไมลิซซี่จึงบริสุทธิ์ทั้งๆ ที่มีหลักฐานอยู่ตรงหน้า สาเหตุอาจมาจากอิทธิพลของตระกูลเบอร์เดนซึ่งครอบคลุมอุตสาหกรรมต่างๆ
ในเมืองทั้งหมด จึงไม่น่าแปลกที่มีหลายคนพยายามรวมหัวกันช่วยลิซซี่ เบอร์เดน ซึ่งหลังจากลิซซี่ เบอร์เดนรอดพ้นคดี เธอยังคง
อาศัยในบ้านที่เกิดคดีฆาตกรรมหลังนั้นจนกระทั่งเธอเสียชีวิตเมื่ออายุ67ปี
อันดับ 2 The Zodiac Killer
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1484971010-0177.png)
The Zodiac Killerเป็นฉายาของฆาตกรโรคจิต ที่โหดเหี้ยม ฉลาด และดวงดีสุด ๆ มันฆ่าเหยื่อจำนวนใดก็ไม่ทราบ ก่อวีรกรรม
อุบาทว์ในแถบ เบย์ แอเรีย เมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย เริ่มต้นในปี1968และออกอาละวาดฆ่าคนเป็นระยะยาวนานถึง6ปี
มันชอบแอบดอดไปฆ่าหนุ่มสาวที่กำลังจู๋จี๋ในรถหรือที่ลับหูลับตาชาวบ้านอย่างยิ่ง เหยื่อของมันโดนทั้งมีดทั้งปืน
เมื่อมันออกปฏิบัติการ มันจะใส่ชุดดำ มีฮู้ดคลุมหัวที่ติดตรารูปวงกลม สัญลักษณ์จักรราศี มีอยู่บ่อย ๆ เลยล่ะที่มันทิ้งหลักฐาน
เอาไว้ ให้เห็นชัด ๆ เลยล่ะว่าข้านี้แหละเป็นคนฆ่า
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ บางครั้งมันก็เปิดหน้าตาของตัวเอง และเจตนาให้เหยื่อเห็นเลยแหละ ให้จำลักษณะของมันแล้วไปฟ้องตำรวจเลย
ยิ่งกว่านั้นมันยังมีนิสัยชอบกวนประสาทด้วยการติดต่อถึงตำรวจด้วยตนเอง ส่วนใหญ่เป็นทางจดหมายทางไปรษณีย์ เขียนด้วยลายมือจริง ๆ
ข้อความในจดหมายก็มีรหัสลับแปลก ๆลงท้ายด้วย สัญลักษณ์วงกลมที่ถูกเขียนกางเขนทับกับคำขู่ว่าเหยื่อรายต่อไปจะเป็นใครด้วย
แม้ฆาตกรรายนี้ แทบจะเปิดเผยตัวเองต่อสาธารณชนและมีการติดต่อกับตำรวจตลอดเวลา แต่ก็จับตัวมาลงโทษก็ไม่ได้
และหลังจากตำรวจได้รับจดหมายจากโซดิแอค คิลเลอร์ ในปี1974การปฏิบัติการโหดของฆาตกรก็หยุดเฉย ๆ และจดหมาย
ฉบับสุดท้าย ส่งเมื่อ1978ก็ไม่รู้ว่าเป็นของจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้เมื่อเมษายน2004 SFPD (กรมตำรวจประจำซานฟรานซิสโก)
ได้ประกาศปิดคดีนี้ลงโดยที่ยังไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้อย่างเป็นทางการ เป็นเวลากว่า26ปีทีเดียวหลังจากที่เบาะแสสุดท้าย
ของฆาตกรซึ่งเรียกตัวเองว่าโซดิแอคขาดหายไป จนปัจจุบันนี้ก็ยังมีรหัสลับมากมายที่เขาทิ้งไว้และยังไม่มีใครไขออก
อันดับ 1 Jack the Ripper
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1484971173-4834.jpeg)
เราขอเสียใจกับอันดับ 1 ที่น่าเบื่อหน่าย เราทราบดีว่า 10 คดีฆาตกรรมปริศนาที่ไขไม่ออก อันดับ 2 และ 1 มันเหมือน10 คดี
ที่ไขไม่ออกของเก่าราวกับแกะ ก็เพราะว่า 2 ฆาตกรปริศนานี้มันช่างสุดยอดจริงๆ และเป็นหนึ่งในฆาตกรในดวงใจของหลายๆ คน
(แต่ไม่ครองใจผมสักเท่าไหร่)
แม้จะผ่านมากว่า100ปีหลังจากเกิดคดีแล้ว แต่คนทั่วโลกต่างพูดถึงแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์อย่างไม่เสื่อมคลายและและคาดเดา
ไปต่างๆนานาว่าเขาเป็นใคร คดีนี้เริ่มต้นตอน รุ่งสางของวันที่31สิงหาคม1888ตำรวจซึ่งลาดตระเวนในตรอกไวท์แชปเปล
ในมหานครลอนดอน ซึ่งเป้นสถานที่แหล่งเสื่อมโทรมของลอนดอน โสเภณีเป็นอาชีพสุดฮิตของที่นี่ และไม่น่าแปลกที่
สถานที่แห่งนี้จะเกิดคดีอาชญากรรมขึ้นปล่อยๆ แต่วันนั้นต่างกันออกไป เมื่อเขาได้พบศพหญิงโสเภณีคนนอนหงายอยู่บนพื้น
เธอถูกปาดคอ ไส้ทะลักออกมานอกร่างกาย และมีรอยแทงด้วยของมีคมที่อวัยวะเพศ
และนี้คือเหยื่อรายแรกของ เดอะ ริปเปอร์ และในเวลาต่อมาก็มีหญิงโสเภณีตกเป็นเหยื่อของฆาตกรรายแล้วรายเล่า ทุกศพ
บ่งบอกสภาพถึงการฆ่าที่โหดร้าย ไม่ว่าจะเป็นการใช้มีชำแหละปาดคอ การกระหน่ำแทงด้วยมีดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ควักไส้กระจัด
กระจายไปกับพื้น อวัยวะบางส่วนหายไป จนกระทั้งรายสุดท้าย(คาดว่า)จบลงเมื่อมี วันที่9พฤศจิกายน การพบศพโสเภณี
อายุ25ปีในห้องพักของเธอเอง ในสภาพสยดสยองจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นฝีมือมนุษย์ ฆาตกรชำแหละเธอทั่วทั้งร่าง ท้องถูกผ่า
เปิดออกเพื่อล้วงอวัยวะภายในทั้งหมดออกมาข้างนอก ใบหน้าถูกมีดถลกจนเห็นกระดูก คอถูกเชือดจนเห็นกระดูก ซึ่งเธอ
เป็นเหยื่อรายสุดท้ายของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ซึ่งดูเหมือนฆาตกรจะสะใจกับการฆาตกรรมรายนี้มาก และมันก็จากไป
โดยไม่มีใครได้ยินข่าวเกี่ยวกับตัวมันอีกเลย........
เรื่องราวของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์มีมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจดหมายที่อ้างว่าเป็นฆาตกรในคดีนี้ที่ส่งมายังตำรวจเป็นของจริง
หรือไม่?เหยื่อของฆาตกรรายนี้มีกี่รายกันแน่?ฆ่าโสเภณีนี้เพื่ออะไร และสุดท้ายฆาตกรคดีนี้เป็นใครกันแน่ จนบัดนี้ก็ไม่ได้
คำตอบของปริศนานี้แต่อย่างใด............
http://listverse.com/2007/09/11/top-10-unsolved-murders
ปริศนาลึกลับ eta32 eta32
เป็นคดีที่ลึกลับและหน้ากลัวจริงๆ แต่ละคดีผ่านมาหลายปีแต่ก็ยังคงน่ากลัวอยู่ eta20
อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (http://gioscix.com/)