ถ้านับย้อนถอยหลังไปเมื่อสักแทบ 10 ปีที่แล้ว หากจะให้เอ่ยชื่อยอดกุนซือที่ไปถึงเป้าหมายรวมทั้งมีคนให้ความเคารพสูงที่สุดสักคน แน่นอนว่าชื่อของอาร์แซน เวนเกอร์ควรต้องถูกจับยกขึ้นมาเป็นแน่แท้
ตั้งแต่แมื่อปี 1996 ที่เจ้าตัวเข้ามารับตำแหน่งกุนซือใหญ่ของทีม เวนเกอร์ก็เปลี่ยนให้อาร์เซนอล กลายมาเป็นพี่บิ๊กประจำเกมลูกหนังเมืองผู้ดี ขับเคี่ยวแย่งแชมป์กับบรรดากลุ่มอื่นๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในยุคที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันยังทำทีมอยู่เช่นเดียวกัน
แชมป์พรีเมียร์ ลีก 3 สมัยและก็เอฟเอ คัพอีก 6 สมัยเป็นสิ่งรับประกันได้อย่างดีถึงการบรรลุผลที่กุนซือเมืองน้ำหอมมีในถิ่นเอมิเรตส์ สเตเดี๊ยม
หากแต่ว่าโน่นเป็นเพียงแค่ 6 ถ้วยรางวัลที่เกิดขึ้นตลอดการคุมทีม 21 ปีแล้วก็แชมป์ระดับเมเจอร์หนสุดท้ายก็จำต้องย้อนยาวกลับไปตั้งแต่เมื่อ 12 ปีกลายกับการคว้าถ้วยพรีเมียร์ ลีกโน่นเลย
สมัยก่อนอันหอมขจรกระจายเชื้อเชิญฝันของเวนเกอรกับ "ปืนใหญ่ (http://negoumelgolaf.com/2017/04/09/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A5/)" เกิดขึ้นในตอน 1998 ถึง 2004 ต่อจากนั้นพวกเขาก็กระท่อนกระแท่นในประเด็นการไล่ล่าแชมป์ตลอดมา แม้ว่าจะรักษาการติดอันดับท็อปโฟร์มาได้อย่างนานจนกระทั่งเปลี่ยนเป็น "ซิกข์เนพบร์" ของที่ปรึกษาหน้าเฉาไปแล้วว่า ถึงไม่แชมป์แม้กระนั้นก็รับรองการได้ไปเล่นแชมป์เปี้ยนส์ ลีก
สถานการณ์ไม่มีแชมป์ถ้วยใบใหญ่ว่าห่วยแตกแล้ว แต่ภาพสะท้อนของทีมและก็แนวความคิดของ เวนเกอร์ ในตอนยาวนานหลายปีข้างหลังมานี่สิที่แย่กว่า !
ตราที่รู้กันของนักฟุตบอลอาร์เซนอลในยุคนี้เป็นการที่มักจะ "ท่าดี ทีเหลว" เริ่มฤดูกาลด้วยการยอดเยี่ยมในทีมเต็งแชมป์ ฟอร์มรุนแรงรวมทั้งชอบดร็อปลงไปดื้อรั้นๆข้างหลังผ่านปีใหม่ นักฟุตบอลเล่นเหมือนไร้แรงกระตุ้น จังหวะที่เรียกว่า "จำต้องเอา" กลับทำไม่ได้ ครั้นจะโทษนักฟุตบอลก็อย่างไรอยู่ เพราะว่ายาวนานหลายปีผ่านพ้น มีนักฟุตบอลเดินเข้าและออกทางเข้าออกของชมรมมามากมายผู้คนจำนวนมาก แม้กระนั้นภาพที่ออกมากลับอยู่ในกรอบเดียวกัน โดยเหตุนี้แล้วผู้ใดก็จำต้องเบนเป้าไปที่หัวเรือใหญ่กันทั้งหมด
เวนเกอร์คือผู้ที่รับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในฐานะที่ปรึกษาของกลุ่ม แม้กระนั้นมันไม่ใช่แค่เรื่องภาพลักษณ์ของนักฟุตบอลที่สะท้อนออกมาให้พวกเราได้ทราบกันแค่นั้น ตัวกุนซือหน้าเฉาเองก็โดนติชมโดยตรงเช่นเดียวกันกับเรื่องของ ความซน ที่บากบั่นยึดติดอยู่กับสูตรการเล่นแบบเดิม รวมถึงนักเตะที่ขอนิยามว่าเป็น "ลูกรัก" ซึ่งชอบได้ลงสนามและถูกมอบโอกาสอยู่เสมอ
ส่วนบรรดานักฟุตบอลที่ว่านั้นเป็นคนไหนกันบ้าง มั่นใจว่าทุกคนคงทราบหรือไม่ก็หาข้อมูลกันเองได้ ผมอาจจะไม่พูดว่านักฟุตบอลอย่างธีโอ วัลค็อตต์, อเล็กซ์ อ็อกเหลด แชมเบอร์เลน, อารอน แรมซี่ย์หรือโอลิวิเย่ร์ ชิรูด์เนี่ยเข้าข่ายหรอกนะ อุ้บส์ ! 555
ความสวยในกระบวนการทำเกมที่น่าดู แต่ไม่มีประสิทธิภาพในการหวังผลระยะยาวคือสูตรสำเร็จของ "ปืนใหญ่" ในสมัย(หลัง)ที่ เวนเกอร์ กุมบังเหียน จนมีบ่อยหลายคราที่แฟนบอลต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลง แต่จนแล้วจนรอดที่ปรึกษาวัย 67 ปีก็ยังคงรักษาเก้าอี้ตัวเองไว้ได้อย่างกล้าแกร่ง
แว่วว่าเพราะเหตุว่านอกเหนือจากเรื่องเชิงแท็คติกแล้ว เวนเกอร์ยังมีส่วนร่วมอย่างมากในการจัดการทีมจนกระทั่งทำให้มีจำนวนเงินเข้าขั้นกำไร ภายหลังจากจำต้องเป็นหนี้ด้วยเหตุว่าย้ายสนามจากไฮบิวปรี่ มาเป็นเอมิเรตส์ สเตเดี๊ยม บรรดาผู้บริหารเลยยิ้มกริ่มไปตามๆกัน
จนกว่ามาถึงฤดูกาลนี้ ที่ดูเหมือนจะเป็นเส้นแบ่งสำคัญระหว่างอาร์เซนอลและเวนเกอร์จริงๆเสียเชิง เนื่องจากว่าภายหลังหมดลุ้นแชมป์พรีเมียร์ ลีกไปเป็นระเบียบ พร้อมร่วงไปอยู่อันดับ 6 บนตาราง เพราะแข่งขัน 5 เกมข้างหลัง ดันแพ้ไปซะ 4 พวกเขายังมือเด็นไม่เข้ารอบแชมป์เปี้ยนส์ ลีก ด้วยน้ำมือของบาเยิร์น มิวนิคที่ยิงระเบิดไปคาดลอยด้วยสกอร์วมถึง 10-2 ในเวลานี้แฟนบอลส่วนหนึ่งส่วนใดออกมาเฉดหัวไล่กุนซือชาวประเทศฝรั่งเศสแบบเต็มตัว ไม่ว่าจะเป็นการยกป้าย ด่าทอและก็ยังรวมทั้งจ้างเรือบินเพื่อแสดงข้อความให้มีการปลดเขาจากตำแหน่งไปซะ เช่นเดียวกันกับทางข้างผู้ที่ได้การสนับสนุนที่ใช่แนวทางการเช่นกัน
ท่ามกลางการสู้รบการประจันหน้าความเชื่อถือรวมทั้งศรัทธาของแฟนบอลที่แตกออกเป็นสองฝั่ง เวนเกอร์กลับตีมึนเรื่องอนาคตของตนเองว่าจะอยู่ทำทีมถัดไปไหมภายหลังจากจบฤดูนี้ซะอย่างงั้น
บอกตามจริงมาถึงจุดนี้ผมเองก็ "มึน" ไปกับเขาด้วยเหมือนกัน ว่าเพราะอะไรนอกเหนือจากการออกมาให้สัมภาษณ์ป้องกันผลงานของกลุ่มแล้วนั้น เวนเกอร์กลับไม่แสดงทีท่าอะไรต่อเหตุการณ์ที่เป็นอยู่เลย
อย่าลืมนะครับว่าเวลานี้อาร์เซนอลมิได้อยู่ในกลุ่มผู้นำที่จำเป็นต้องรักษาสถานะของตนเองเอาไว้หรือกำลังติดลมบนไปได้งามไม่อยากที่จะก่อให้เสียสมาธิจากเรื่องนอกสนาม มิหนำซ้ำพวเขายังอยากได้ "จุดแปลง" ที่เข้าไปกระตุ้นเพื่อทำผลงานให้ดีมากยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ ขั้นต่ำๆก็เพื่อจะให้กลับไปติดอันดับ 1 ใน 4 ให้ได้
เว้นเสียแต่ตัว เวนเกอร์ เองก็ไม่มั่นใจว่า อนาคตของตนเองจะสามารถสร้างอิมแพ็คให้กับกลุ่มได้เสมือนอย่างที่เคยหรือเปล่า
ด้วยเหตุว่าแม้แต่วลีที่ว่า "In Arsene, We Trust" ซึ่งเอาไว้โน้มน้าวรวมทั้งกระตุ้นแฟนบอลให้ผ่านพ้นขณะที่ยากลำบากไปให้ได้แล้วนั้น ก็แทบจะไม่มีผู้ใดใช้กันแล้ว
วงในเปิดเผยว่าปัจจุบันนี้ที่ปรึกษาเลือดน้ำหอมได้สูญเสียความเชื่อมั่นและมั่นใจในห้องแต่งตัวที่นักฟุตบอลมีให้เขาไปแล้ว จากปัญหาต่างๆที่ได้กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้
จริงอยู่ที่ ระยะเวลาการคุมทีมอันยาวนานกระทั่งถูกบันทึกเข้าไปในหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ฟุตบอลอาจจะเกิดเรื่องที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็อย่าลืมว่า ถ้าเกิดมันเป็นเพียงแค่ระยะเวลาอันนานที่ปราศจากความสำเร็จอันน่าพอใจ มันก็เป็นเพียงการนับรอบของเข็มนาฬิกาที่หมุนไปเพียงแค่นั้น
เมื่อมาถึงจุดนี้แล้วนั้น หาก เวนเกอร์ เลือกที่จะเลิกบทบทการเป็นที่ปรึกษาให้กับทีมอาร์เซนอล เขาควรตัดสินใจให้เด็ดขาด ทุ่มทั้งหมดที่ตัวเองมี เพื่อให้ทีมอยู่ในชั้นที่ดีเยี่ยมที่สุด ส่งไม้แม้กระทั่งกับคนที่จะเข้ามาสานงานได้อย่างไม่มีขัดข้อง พร้อมสารภาพบทสรุปที่บางทีอาจจะไม่สวยงามมากแค่ไหนนักในฐานะกุนซือที่ดีเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของชมรม
หรือถ้าเกิดต่อสัญญาออกไป เขาควรทราบว่าต้องทำยังไงถึงจะพาทีมพุ่งชนความสำเร็จให้ได้ภายในช่วงเวลาอันสั้นที่สุด เพื่อสิ้นสุดทางของตนเองกับกลุ่มอย่างสมบูรณ์แบบ เพราะว่าไม่งั้นแล้วมันก็จะเข้าสู่วังวนเดิมๆที่เคยผ่านมา
พร้อมกับสร้างรอยด้างด่างให้กับตนเองและสมาคมถัดไป จนถึงแยกทางกันแบบช้ำๆนั่นแหละขอรับ
เครดิต : http://negoumelgolaf.com/2017/04/09/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A5/ (http://negoumelgolaf.com/2017/04/09/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A5/)
Tags : อาร์แซน เวนเกอร์,ปืนใหญ่