(http://www.disthai.com/images/content/original-1492676674722.jpg)ถิ่นกำเนิด มะขามป้อม   หาพบได้ทั่วไปในป่าเขตร้อนของทวีปเอเชียตอนใต้ และตะวันออกเฉียงใต้ แถบภาคกลางและใต้ของอินเดีย ปากีสถาน  บังคลาเทศ  ศรีลังกา จีน  มาเลเซีย  เมียนมาร์  ไทย ลาว กัมพูชา  เวียดนาม ฟิลิปปินส์  ในประเทศไทยพบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ  ภาคตะวันออก  และภาคกลาง  มักขึ้นในธรรมชาติในป่าเบญจพรรณแล้ง  ป่าเต็งรัง และป่าแดงประเทศ  แต่มีมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ การกระจายพันธุ์เกิดจากการที่เมล็ดร่วงลงดิน  หรือมีสัตว์ป่ามากินแล้วคายเมล็ดไว้
ลักษณะทั่วไปของ
มะขามป้อม (http://www.disthai.com/) เป็นพันธุ์ไม้ที่ทนแล้วได้ดี  และไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 8 – 20 เมตร  ขนาดโตวัดรอบไม่เกิน 80 ซ.ม และลำต้นมักคดงอ  เปลือกค่อนข้างเรียบเกลี้ยง สีน้ำตาลอ่อน  เปลือกในสีชมพูสด เรือนยอดรูปร่ม
- ใบ มะขามป้อมมีใบเป็นช่อ แต่ละช่อมีใบย่อยเล็กๆ รูปขอบขนานติดเป็นคู่ๆ เยื้องๆ กัน ปลายใบมน ยังมีรอยหยักเว้าเล็กน้อย ขอบใบเรียบ สีเขียวอ่อน  กว้าง 0.25 – 0.50 เซนติเมตร  ยาว 0.8 – 1.2 ซ.ม  เรียงชิดกัน ก้านใบสั้นมาก  ใบย่อยจำนวน 22 คู่ เส้นใบไม่ชัดเจน เส้นกลางใบเห็นได้รางๆ
 
- ดอก มะขามป้อมมีดอกเล็ก สีขาวนวล แยกเพศกัน แต่เกิดบนกิ่งและต้นเดียวกัน ออกดอกตามง่ามใบ 3 – 5 ดอก มีกลีบรองดอก 6 กลีบ ดอกเพศผู้มีเกสรเพศผู้ 3 อัน ฐานรองดอกมี 6 แฉก ดอกเพศเมีย มีฐานรองดอกเป็นรูปถ้วย ขอบถ้วยหยัก รังไข่มี 3 ช่อง หลอดท่อรังไข่ปลายแยกเป็น 2 แฉก ไม่เท่ากัน
 
- ผล กลม มีเนื้อหนา เส้นผ่านศูนย์กลาง 1.2 – 2 เซนติเมตร ลูกอ่อนมีสีเขียวอ่อน ผลแก่มีสีเขียวค่อนข้างใส มีเส้นริ้วๆ ตามยาวพอสังเกตได้ 6 เส้น เนื้อกินได้ มีรสฝาด เปรี้ยว ขม และอมหวาน เปลือกหุ้มเมล็ดแข็ง 6 สัน มี 6 เมล็ดใน 1 ผล
 
- ระยะเวลาในการออกดอกและเป็นผล ประมาณเดือนกันยายน และเป็นลูกประมาณเดือน พฤศจิกายน –ธันวาคม-มกราคม-กุมภาพันธ์
 
 มะขามป้อมปัจจุบันนิยมขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ดที่กระตุ้นด้วยความร้อนล่อน จะนำไปเพาะปลูก  ต่อไป ต้นมะขามป้อมสามารถขึ้นได้   ในดินทุกประเภทที่มีการระบายน้ำดี  ต้องการความชื้นในระดับน้อยถึงปาน กลาง  และต้องการแสงมาก
 องค์ประกอบทางเคมี ของมะขามป้อม
 มีวิตามินสูง (ในผลมะขามป้อม 1 ผลมีปริมาณวิตามินซีเทียบเท่ากันส้ม 2 ลูก)  นอกจากนี้ยังพบ rutin,  mucic acid, gallic acid, phyllemblic, acid ascorbic acid, furanoloatones, sterols,  carbohydratas สารกลุ่มแทนนิน  เบนซินอยด์ เทอร์ปีน  ฟลาโวนอยด อัลคาลอยด์  คูมาริน   เป็นต้น
 
 
 Tags : งานวิจัย สมุนไพร,อาหารเสริม,สมุนไพร