(http://www.disthai.com/images/content/resize-1492671107597.jpg)ถิ่นกำเนิดแปะก๊วย แปะก๊วยมีถิ่นกำเนิดอยู่แถบตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน เชื่อกันว่าเป็นพืชที่เก่าแก่ที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง ที่หลงเหลืออยู่ในประเทศจีน ซึ่งเป็นพืชที่หายากและใกล้จะสูญพันธุ์ โดยพบอยู่ในธรรมชาติไม่กี่ต้น ต่อมามีการนำต้นแปะก๊วยไปเพาะในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี และในราวศตวรรษที่ 18 ได้มีการปลูกในทวีปยุโรป ปัจจุบันต้นแปะก๊วยเป็นไม้ให้ความร่มเงาตามแถวถนนและสวนสาธารณะทั่วไปทั่งในยุโรป ออสเตรเลีย และอเมริกา
ลักษณะทั่วไปแปะก๊วย ต้นแปะก๊วยเป็นไม้ยื่นต้นปริมาณใหญ่อาจสูงได้ถึง 35 – 40 เมตร ต้นโตเต็มที่มีเส้นรอบวงประมาณ 3 – 4 เมตร และอาจโตได้ถึง 7 เมตร ใบเป็นใบเดียว ลักษณะคล้ายพัด กว้าง 5 – 10 เซนติเมตร ก้านใบยาว ใบแก่มีรอยหยักเว้าตรงกลาง ใบออกเวียนสลับกัน หรือออกเป็นกระจุกตามปลายกิ่ง เส้นใบขนาดกันจำนวนมาก ใบอ่อนเป็นสีเขียว สามารถเปลี่ยนเป็นสีเข้มได้เมื่อโตเต็มที่ และเป็นสีเหลืองในฤดูใบไม้ร่วง ต้นแปะก๊วยจะมีต้นตัวผู้ และต้นตัวเมีย ซึ่งขนาดแตกต่างกัน
การขยายพันธุ์แปะก๊วย (http://www.disthai.com/)[/url] ปัจจุบันขยายพันธุ์โดยวิธีการ เพาะเมล็ด , ปักชำ , ทาบกิ่ง โดยวิธีการเพาะเมล็ด มีดังนี้
- ล้างเมล็ดในน้ำอุ่นให้สะอาดเพื่อไม่ให้เกิดเชื้อรา
- หมกเมล็ดที่ล้างแล้ว ในขุยมะพร้าวหรือขี้เถ้าแกลบในถุงซิบล็อก ปิดถุงให้สนิท แล้วนำไปเก็บไว้ในตู้เย็น (ช่องเก็บผัก) ประมาณ 12 อาทิตย์ ระหว่างนี้ให้คอยหมั่นตรวจดูว่ามีต้นอ่อนเริ่มแตกออกมาหรือยัง ถ้ามีเมล็ดไหนงอกก่อน 12 อาทิตย์ ก็แยกออกมาเพาะปลูกก่อน
- ให้นำเมล็ดที่งอกก่อนมาเพาะปลูกในถุงชำ ใช้ดินถุงที่ขายทั่ว ๆ ไป ฝังเมล็ดลงไปประมาณ 2 นิ้ว วางถุงเพาะชำให้โดนแดดอ่อน ๆ ให้ดินที่เพาะเมล็ดชื้ออยู่ตลอดเวลาแต่อย่าให้แฉะ หลังจากนั้นก็รอให้ต้นเขาโตขึ้นมาก่อนที่จะนำไปปลูกลงดิน
- สำหรับเมล็ดที่ไม่งอกก่อนกำหนด พบครบ 12 อาทิตย์ในตู้เย็นก็ออกมาเพาะต่อตามข้อ 3
องค์ประกอบทางเคมี
ใบแปะก๊วย มีสารประกอบทางเคมีมากมาย แต่ที่สำคัญมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ เทอร์ปีนอย์ (terpenoids) มีสารประกอบที่สำคัญชื่อ กิงโกไลด์ (ginkgolide) และมีบิโลบาไลด์ (bilobalide) และอีกกลุ่มคือ ฟลา-โวนอยด์ (flavonoids) นอกจากนี้ยังพบเจอในพวกสารสตีรอยด์ (steroide) อนุพันธ์กรดอินทรีย์และน้ำตาล
Tags : กระชายดำ,ว่านชักมดลูก,เจียวกู่หลาน