(http://www.disthai.com/images/content/original-1492671183159.jpg)ถิ่นกำเนิด เห็ดหลินจือ เป็นยาจีนที่ใช้กันมานานกว่า 2000 ปี เป็นของหายากที่มีคุณค่าสูง และได้ถูก บันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณ เซินหลงเปิ่นฉ่าวจิง ซึ่งเป็นตำราเก่าแก่และมีคนสนใจมากที่สุด ได้กล่าวไว้ว่า
เห็ดหลินจือ ใช้บำรุงร่างกาย เป็นอายุวัฒนะได้ดีเยี่ยมและสามารถรักษาโรคต่างๆได้ ปัจจุบันสามารถพบได้ในไทย ในประเทศไทยพบเห็นได้บนต้นไม้พวก คูณ ก้ามปู หางนกยูงฝรั่ง ยางนา ยางพารา ดอกเห็ดมักขึ้นกับตอไม้ที่ตายแล้ว บางทีเกาะอยู่กับรากไม้ หากยื่นออกมาจากโคนต้นไม้อาจจะไม่มีก้าน
ลักษณะทั่วไปของเห็ดหลินจือเห็ดหลินจือเป็นเชื้อราชนิดที่ขึ้นอยู่ตามต้นไม้ที่เน่าเปื่อย ผุพัง พบอยู่ทั่วไป ระดับความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1000 เมตร อุณหภูมิระหว่าง 8 – 38 องศาเซลเซียส ต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส เส้นใยและดอกยังสามารถมีชีวิตอยู่ได้แต่ไม่เจริญเติบโต เมื่ออากาศเริ่มอุ่นขึ้นก็สามารถเจริญเติบโตต่อไปได้ เห็ดหลินจือมีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามภาษาเรียก ประเทศจีนเรียกว่า หลิงชิง หรือหลินจือ สำหรับประเทศไทยเรียกว่า เห็ดกระด้าง เห็ดหั้งขอ เห็ดนางกวัก เห็ดแม่เบี้ยงูเห่า เห็ดจวักงู
แล้วยังแบ่งแยกไปตามชนิดของเห็ด ได้แก่- ดอกสีเขียว เรียกว่า ชิงจือ มีรสชาติขมเล็กน้อย มักพบในบริเวณที่มีอากาศหนาวเย็นใช้ในการรักษาโรคหัวใจ
- ดอกสีแดง เรียกว่า ฉื้อจือหรือต้นจืน มีรสขม ใช้เป็นยาแก้การแน่นหน้าอก เลือดตกค้าง บำรุงหัวใจ สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้เรื้อรัง ช่วยฟื้นฟูผู้ป่วยที่เป็นโรคสมองเสื่อม โรคเบาหวาน
- ดอกสีเหลือง เรียกว่า หวงจือหรือจีนจือ มีรสชาติหวานจืด มีสรรพคุณในการบำรุงประสาท บำรุงร่างกายระบบขับถ่ายให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น
- ดอกสีขาว เรียกว่า ไป่จือหรือวีจือ มีรสชาติฉุน ขมเล็กน้อย มีคุณประโยชน์การโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจ ปอด จมูก ทำให้หายใจคล่อง
- ดอกสีดำ เรียกว่า เฮจือหรือเสียนจือ มีรสชาติเค็มเล็กน้อยไม่ขม มีคุณประโยชน์ในการขับน้ำตกค้างในร่างกาย บำรุงไต ขับปัสสาวะ
- ดอกสีม่วง เรียกว่า จื่อจือหรือสีซ๊อคโกแลต มีรสชาติขมเล็กน้อย มีคุณประโยชน์รักษาโรคไขข้ออักเสบ หูอักเสบ
การขยายพันธุ์
เห็ดหลินจือ ขยายพันธุ์ได้โดยการเพาะปลูกและมีความต้องการสภาพต่างๆ ในการเพาะการขยายพันธุ์ ดังนี้
- ความต้องการธาตุอาหาร เห็ดหลินจือเป็นเห็ดที่ขึ้นบนไม้ผุ ในสภาพธรรมชาติ เมื่อทำการเพาะเลี้ยงใส่อาหารบางอย่างลงไปในอาหารด้วย เช่น คาร์บอน ไบโตรเจน ธาตุอาหาร ไวตามินที่ต้องการดังนี้
- คาร์บอน คาร์บอนรวมถึงน้ำตาล แป้ง ขี้เลื่อย เส้นใยและวัตถุกึ่งเส้นใย
- ไนโตรเจน รวมถึงกรดอะมิโน ยูเรีย แอมโมเนีย โปรตีน ก่อนใช้ละลายน้ำก่อน
- ธาตุอาหารรอง ต้องใส่ธาตุอาหารรองประมาณ 10 ชนิด ลงไปในอาหาร เช่น
โปรแตสเซียม โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส ซัลเฟอร์และสังกะสีเป็นต้น
- ไวตามินต้องใส่ไวตามิน B1 , B2 และ B3
- สภาพอุณหภูมิ อุณหภูมิที่ต้องการสำหรับการเติบโตของเส้นใย 20 องศา - 35 องศา โดยมีอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดอยู่ในช่วง 25 องศา – 28 องศา และอุณหภูมิที่ดีที่สุดคือ 28 องศา
- ความต้องการความชื้นและความชื้นในบรรยากาศ เช่นเดียวกับเห็ดนางฟ้า นางรมและเห็ดหอม เห็ดหลินจือต้องการความชื้น และความชื้นในอากาศค่อนข้างจำเพาะในอาหารเลี้ยง จะต้องมีความชื้น 60 – 65% ในระยะที่มีการเจริญเติบโตของเส้นใยความชื้นในบรรยากาศจะต้องเป็น 60% ถ้ามากกว่า 60% จะทำให้เกิดการปนเปื้อนในถุงเลี้ยงในระยะที่ดอกเห็ดมีการเจริญเติบโต จะต้องการความชื้นสัมพันธ์ในบรรยากาศ 58 – 95% ถ้าต่ำกว่า 85% ดอกเห็ดจะโตช้าและต่ำกว่า 60% ดอกเห็ดจะไม่แตกดอกหรือตายไป
- ความต้องการระบายอากาศเห็ดหลินจือ (http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD)ต้องการออกซิเจนในปริมาณที่มากพอ
- สภาพของแสงในระยะที่มีการเติบโตของเส้นใยจะไม่ต้องการแสง แต่ในระยะที่มีเติบโตของดอกเห็ด
Tags : เห็ดหลินจือ