(https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1494387765654.jpg) ถิ่นกำเนิดทับทิม ทับทิมมีถิ่นกำเนิดจากตะวันออกของประเทศอิหร่าน (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99) ทางตอนใต้ของอัฟกานิสถาน (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%9F%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%99)และทางตอนเหนือของเทือกเขาหิมาลัย (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%A2) ทับทิมจึงชอบอากาศหนาวเย็นและอยู่บนพื้นที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลอย่างน้อย 300 เมตร ยิ่งอากาศหนาวเนื้อทับทิมจะมีสีแดงเข้มมากขึ้น ทับทิมคงเป็นพืชที่ได้รับความนิยมมากว่าพันปีแล้ว จึงมีการ เพาะปลูกแพร่กระจายออกไปทั้งในเขตร้อน (tropical) และกึ่งร้อน (Sub-tropical) ของทวีปเอเชีย ยุโรป รวมทั้งในทวีปแอฟริกาด้วย พันธุ์ทับทิมเก่าแก่ที่มีการ เพาะปลูกทับทิมในประเทศไทยในระยะแรกนั้น คือ พันธุ์บางปลาสร้อย ที่มีแหล่ง เพาะมากในแถบภาคใต้บริเวณอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดใกล้เคียง แล้วค่อยแพร่ไปสู่จังหวัดอื่นๆ
ลักษณะทั่วไปของทับทิมรากทับทิม รากทับทิมตามธรรมชาติที่ขยายพันธุ์ด้วยการ เพาะเมล็ดจะมีระบบรากแก้ว และรากฝอย หากขยายพันธุ์ด้วยการตอนจะมีเพียงระบบรากฝอย
ลำต้นทับทิม ทับทิมจัดเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก แต่มีอายุนานได้ถึง 100 ปี ลำต้นสูงประมาณ 2-4 เมตร ลำต้นแตกกิ่งตั้งแต่ระดับล่าง ลำต้นมีเปลือกบาง และติดแน่นกับแก่นไม้ ผิวลำต้นมีสีเทา และเป็นมันเงา ส่วนเนื้อไม้มี คุณสมบัติแข็ง และเหนียว ยอดหรือกิ่งอ่อนมักเป็นเหลี่ยม และมีหนามยาว แต่หนามไม่แข็ง และไม่คม
ใบทับทิม ใบทับทิมจัดเป็นใบเลี้ยงคู่ แทงออกสลับใบ ใบมี ชนิดเรียวยาวเหมือนหอก โคนใบมนแคบ ปลายใบแหลมสั้น ใบเรียบมีสีเขียวเข้ม และมันวาวจากสาร cutin ที่เคลือบไว้ ใต้ท้องใบมีสีอ่อนกว่าด้านบน และจะเห็นเส้นใบได้ชัด ใบกว้างประมาณ 1-2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 2.5-6 ซม.
ดอกทับทิม ดอกทับทิมเป็นดอกสมบูรณ์เพศ อาจออกเป็นช่อ 3-5 ดอก หรือ เป็นดอกเดี่ยว แทงออกบริเวณปลายยอดตรงง่ามกิ่ง ดอกมีขนาดใหญ่ ขนาดประมาณ 2-3 เซนติเมตร ดอกประกอบด้วยกลีบเลี้ยง 5-6 กลีบ มีรูปร่างคล้ายหม้อ และกลีบดอก 6 กลีบ ปลายกลีบแยกออกจากกัน ดอกมีหลายสี เช่น สีขาว สีส้ม หรือ สีแดง ถัดมาตรงกลางเป็นเกสรตัวเมีย 1 อัน และเกสรตัวผู้จำนวนมาก ดอก อาจผสมได้ในตัวเอง และผสมข้ามดอกจากต้นเดียวกันหรือคนละต้น มีระยะบานประมาณ 2 วัน
ผลทับทิม ผล
ทับทิม (http://www.disthai.com/)มี คุณสมบัติกลม ขนาดผลประมาณ 8-10 ซม. เปลือกผลหนา ผิวเปลือกเกลี้ยง และเป็นมันวาว ผลสุกมีเปลือกสีเหลืองอมแดงหรือบางพันธุ์มีสีแดงอมชมพู เมื่อสุกมาก เมล็ดด้านในจะขยายทำให้เปลือกปริแตก ภายในผลมีเมล็ดที่ถูกแบ่งเป็นช่องด้วยเยื่อสีครีมอมเหลือง จำนวน 5 ช่อง แต่ละช่องมีเมล็ด ปริมาณมาก เมล็ดมีเนื้อหุ้มที่ฉ่ำด้วยน้ำหวาน รูปทรงสี่เหลี่ยม เนื้อนี้ใช้ รับประทานมีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย เนื้อเมล็ดที่ยังไม่สุกมีสีขาวอมชมพู และเมื่อผลสุกจะมีสีชมพูอมแดงหรือแดงเข้ม ส่วนเมล็ดที่เอาเนื้อออกแล้วจะมี ลักษณะยาวรี ทั้งนี้ หลังจากติดผลจนถึงผลแก่เต็มที่จะใช้เวลาประมาณ 4-5 เดือน
การขยายพันธุ์ของทับทิม การปลูกทับทิม การ เพาะทับทิมเพื่อการค้าหรือ เพาะปลูกคุณภาพหลายต้นมัก ปลูกในแปลงใหญ่หรือ ปลูกแซมกับพืช คุณสมบัติอื่น เช่น สวนกล้วย สวนน้อยหน่า เป็นต้น ทั้งนี้ การ เพาะทับทิม นิยม ปลูกจากต้นกล้าที่เตรียมได้จากการ เพาะเล็ด และการปักชำ
- การเตรียมดิน การ เพาะปลูกในแปลงใหญ่ควรไถพรวนดิน และตากดินให้แห้ง 1-2 ครั้งก่อน พร้อมกำจัดวัชพืชร่วมด้วย
- ขั้นตอนการ เพาะ
– ใช้กล้าที่มีอายุ 2-3 เดือน หรือต้นกล้าสูง 30-40 เซนติเมตร
– ขุดหลุมลึก 20-30 ซม.
– ใส่ปุ๋ยคอก และปุ๋ยเคมี 15-15-15 รองก้นหลุม 2 ต้น/กำ พร้อมคลุกผสมให้เข้ากับดินก้นหลุม
– ระยะ เพาะปลูกที่ 4×3 หรือ 5×3เมตร
- การให้น้ำ
– ระยะแรกหลังการ ปลูก 2-3 อาทิตย์ จะให้น้ำทุกวัน
– หลังจากต้นกล้าตั้งตัวได้แล้วจะให้น้ำ ประมาณ 3 ครั้ง/สัปดาห์
- การใส่ปุ๋ย
– หลังการ เพาะ ประมาณ 1 เดือน ให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ร่วมกับปุ๋ยคอก 1-2 กำ/ต้น
– ให้ปุ๋ยปีละ 2 ครั้ง
– ก่อนต้นติดดอกครั้งแรก ให้ปุ๋ยสูตร 12-12-24 ประมาณ 1 กำ/ต้น และให้ในทุกปี
- การเก็บเกี่ยว ทับทิมที่ ปลูกจากกิ่งตอนจะเริ่มออกดอก และติดผลภายใน 6-8 เดือน ขึ้นอยู่กับกิ่งตอนได้จากต้นแม่ที่มีอายุมากน้อยเพียงใด หากได้จากต้นแม่ที่เริ่มติดผลแล้วก็จะใช้เวลาไม่นาน แต่หากได้จากต้นที่ยังอ่อน 1-2 ปี ก็จะใช้เวลาที่นานกว่า
สำหรับการ เพาะทับทิมจากต้นกล้าที่ได้จากการ ปลูกเมล็ดจะใช้เวลานานในการติดดอก และติดผลครั้งแรก ซึ่งต้นทับทิมจะมีอายุประมาณ 2-3 ปี กว่าจะให้ผลได้
องค์ประกอบทางเคมี
คุณค่าทางโภชนาการทับทิม
– พลังงาน : 70 กิโลแคลอรี่
– คาร์โบไฮเดรต : 17.17 กรัม
– โปรตีน : 0.95 กรัม
– น้ำตาล : 16.57 กรัม
– วิตามิน C : 6.10 มก.
– แคลเซียม : 3.00 มิลลิกรัม
– เหล็ก : 0.30 มก.
– โพแทสเซียม : 259 มิลลิกรัม
(https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1494387765654.jpg)