(https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1494319542995.jpg)รูปแบบขนาดวิธีใช้ของเก๋ากี้
สำหรับโรคที่พบเห็นบ่อยอย่างความดันโลหิตสูง อาจต้มเก๋ากี้ 15 กรัมกับน้ำ ดื่มแทนน้ำชา หรือผู้ที่เป็นโรคสายตาฝ้าฟางในตอนกลางคืน ความ สามารถในการมองเสื่อม สามารถนำเก๋ากี้ 6 กรัม ไปต้มกับดอกเก๊กฮวยขาวใน จำนวนเท่ากัน ดื่มแทนน้ำชา จะช่วยลดอาการดังกล่าวได้เป็นอย่างดี หรืออาจกินเก๋ากี้สด 20 - 30 เม็ดจะช่วยลดอาการสายตาฝ้าฟางและชะลอความแก่ เเล้วทั้งนี้จะต้องรับประทานติดต่อกันเป็นเวลาระยะหนึ่ง จึงเกิดประสิทธิภาพ
เป็นที่ทราบกันดีว่า อาหารเสริมนานาชนิดไม่เหมาะที่จะกินในปริมาณมากเกินความจำเป็น ในฐานะที่เป็นสมุนไพรบำรุงร่างกายชนิดหนึ่ง จึงมีประโยชน์สูงสุดต่อเมื่อกินในปริมาณที่พอเหมาะ โดยผู้ใหญ่สามารถรับประทานวันละ 20 กรัม เเล้วแต่หากต้องการนำไปใช้เป็นตัวยาเยียวยาโรค อาจเพิ่มคุณภาพเป็น 30 กรัมต่อวัน
การใช้ เป็นเครื่องปรุงอาหารได้ เช่น ตุ๋นกับเนื้อสัตว์เป็นอาหารบำรุง โดยทั่วไปใช้เก๋ากี้ประมาณครั้งละ 6-12 กรัม ต้มกินน้ำดื่มแทนน้ำชา ทำเป็นยาเม็ดลูกกลอน ดองเหล้า หรือต้มจนเปื่อยกรองเอากากออก ทำเป็นขนมรับประทานเป็นของว่าง เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งในยุคนี้ มีเทคโนโลยีและนวัตกรรม ใหม่ๆ อาจเปลี่ยนเก๋ากี้ ให้กลายมาเป็นน้ำผลไม้สกัดเข้มข้น รสชาติอร่อย กลายเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่อยู่ในรูปน้ำผลไม้เสริมสร้างและบำรุงสุขภาพ ส่วนน้ำโกจิเบอร์รีก็ไม่ควรดื่มเกินวันละ 4 ออนซ์ (ประมาณ 118 มล.)
ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา - เป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยให้มีความสุข จากผลการค้นพบถูกตีพิมพ์ในวารสาร Alternative and Complementary Medicine เมื่อปี 2008 พบว่า อาสาสมัครที่ดื่มน้ำโกจิเบอร์รีเป็นประจำ นาน 15 วัน มีแนวโน้มสุขภาพแข็งแรงขึ้น อธิบายให้ชัดคือรู้สึกกระปรี้กระเปร่า มีพลังงานมากกว่าที่เคยเป็น เเละนอนหลับได้ดีขึ้น และมีความสุขมากขึ้นด้วย ซึ่งเมื่อค้นคว้าดื่มน้ำโกจิเบอร์รีต่อไปเรื่อย ๆ ก็วิจัยว่า กลุ่มอาสาสมัครมีความเครียดน้อยลง ความอ่อนเพลียเหนื่อยล้าลดลง ระบบย่อยอาหารดีขึ้น และมีแนวโน้มความสุขสูงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเทียบกับกลุ่มวิจัยที่ไม่ได้ดื่มน้ำโกจิเบอร์รีเป็นประจำ
- ปกป้องผิวจากรังสียูวี ผลการศึกษากับหนูที่ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Photochemical and Photobiological Sciences ปี 2010 พบว่า หนูที่ดื่มน้ำโกจิเบอร์รีจะมีแนวโน้มต้านรังสียูวีและการอักเสบที่เกิดจากรังสียูวีแผดเผาได้มากกว่าหนูที่ไม่ได้กินน้ำโกจิเบอร์รี ทั้งนี้นักวิจัยได้อ้างผลการค้นพบไว้ว่า อาจเป็นเพราะสารต้านอนุมูลอิสระในผลโกจิเบอร์รี ที่มีส่วนช่วยปกป้องและเยียวยาผิวจากรังสียูวีได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- บำรุงสายตา โกจิเบอร์รีมีสารทัวรีน (Taurine) ซึ่งผลการค้นคว้าจาก Optometry and Vision Science เมื่อปี 2011 พบว่า สารทัวรีนมีประโยชน์บำรุงสายตาให้แจ่มใส โดยเฉพาะสายตาของผู้สูงอายุและผู้ที่มีปัญหาสายตาอันสืบเนื่องมาจากโรคเบาหวาน
- มีประโยชน์ต่อตับ และป้องกันอัลไซเมอร์ การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Ethnopharmacology พบว่า ผลโกจิเบอร์รีช่วยลดความเสียหายของตับในหนูทดลองที่ได้รับสารเคมีที่เป็นพิษลงได้ โดยนักวิจัยคาดว่าประโยชน์ในการป้องกันนี้อาจเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระในโกจิเบอร์รีนั่นเอง
การศึกษาทางพิษวิทยา
ผลการค้นหาทางการแพทย์ล่าสุดชี้ให้เห็นว่า เก๋ากี้ (http://www.disthai.com/)เป็นสมุนไพรที่ปลอดสารพิษ สามารถใช้ประกอบอาหารหรือสกัดเป็นตัวยาและใช้เป็นเวลานานโดยไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ เเล้วยิ่งไปกว่านั้นเก๋ากี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนในหนังสือแพทย์แผนจีนร่วมสมัย The Pharmacopoeia of the People's Republic of China ที่ออกโดยกระทรวงสาธารณสุขจีนและเป็นยอมรับว่าเป็นสมุนไพรที่ใช้เป็นยาบำรุงร่างกายในวงกว้าง
ข้อแนะนำ/ข้อควรระวังของเก๋ากี้
โกจิเบอร์รี่ลดการแข็งตัวของเลือด ทำให้เลือดหยุดไหลช้า ดังนั้น จึงควรหยุดกินโกจิเบอร์รี่ในรูปผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 1 อาทิตย์ ก่อนการผ่าตัด หรือทำฟัน
ทั้งนี้ก่อนกินโกจิเบอร์รีอาจต้องลองปรึกษาแพทย์ก่อนด้วย โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต หรือผู้ที่รับประทานยาบางอย่างเป็นประจำ เพราะโกจิเบอร์รีอาจส่งผลกระทบโดยตรงกับตัวยาบางชนิดได้ เช่น ยาลดความดันโลหิตและยาขยายหลอดเลือด เป็นต้น
แต่ใช่ว่าเก๋ากี้จะเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย เพราะตัวสมุนไพรมีฤทธิ์ร้อน ดังนั้นผู้ที่ป่วยเป็นไข้ตัวร้อน ปรากฏมีอาการอักเสบ หรือท้องเดินจึงไม่เหมาะที่จะทานเพราะอาจทวีความรุนแรงให้กับโรคได้ เนื่องจากเป็นตัวยาที่กระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวของเส้นประสาทจึงไม่เหมาะกับผู้ที่มีความต้องการทางเพศสูงเช่นกัน ในทางกลับกัน เก๋ากี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอและมีภูมิคุ้มกันต่ำ
Tags : สมุนไพรเก๋ากี้
(https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1494319542995.jpg)