(https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1495529297632.jpg)
ข้อควรรู้และควรระวังในการใช้ว่านชักมดลูก
ตามภูมิปัญญาของไทยเกี่ยวกับการใช้สมุนไพรที่มีมาตั้งแต่ในอดีตนั้น หมอยาพื้นบ้านหรือหมอยาสมุนไพรพื้นเมืองในแต่ละถิ่นแต่ละชุมชนนั้น ล้วนแล้วแต่จะมีข้อจำกัดหรือข้อกำหนดในการใช้สมุนไพรชนิดต่างๆเสมอ เนื่องมาจากว่าในการใช้ตัวยาสมุนไพรชนิดต่างๆนั้น ล้วนจะมีผลกระทบกับสุขภาพของผู้ใช้แตกต่างกันออกไป กล่าวคือ เมื่อมีการใช้ยาสมุนไพรในการบำบัดรักษาโรคแล้วใช้ว่าจะมีอาการที่พึงประสงค์ในทุกๆรายไป นั่นก็เพราะว่ามีข้อจำกัดเกี่ยวกับปัจจัยหลายๆด้าน เช่นว่า สุขภาพของผู้ใช้สมุนไพรในตอนนั้นเป็นปกติหรือไม่ หรือเมื่อใช้สมุนไพรไปแล้วได้ใช้ตามขนาดหรือเวลาที่ได้แนะนำหรือไม่ รวมถึงได้อุปโภคของแสดงที่มีฤทธิ์ไปกดตัวยาสมุนไพรที่ใช้หรือเปล่า เหล่านี้คือข้อจำกัดในการใช้สมุนไพรซึ่งมีมาตั้งแต่อดีตและในปัจจุบันนี้ก็ยังมีอยู่ ในบทความนี้จึงจะขอนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับข้อควรรู้และข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรว่านชักมดลูก ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วว่านชักมดลูกนี้ก็นับว่าเป็นสมุนไพรไทยที่คนไทยใช้กันมาเนิ่นนานแล้ว เป็นภูมิปัญญาของไทยที่สืบต่อกันมารุ่นสู่รุ่นจนมาถึงปัจจุบัน เพียงแต่ในปัจจุบันนี้ได้มีการแปรรูปว่านชักมดลูกไปทำสมุนไพรในรูปแบบที่ทันสมัยขึ้น และยังสะดวกในการอุปโภครวมถึงทำให้เป็นสากลเหมือนกับยาแผนปัจจุบันอีกด้วย ส่วนข้อควรรู้และข้อควรระวังในว่านชักมดลูกมีดังนี้ ในตำรายาพื้นบ้านได้ระบุว่า 1.ในการต้มยาว่านชักมดลูกนั้นต้องต้มให้ฟองยุบลงจึงจะอาจนำมาใช้ได้โดยหากฟองยังไม่ยุบไม่ควรนำมาใช้อาจทำให้เกิดอาการเบื่อเมา 2.การใช้ว่านชักมดลูกเข้าอู่นั้นสตรีหลังคลอดควรรอให้มีน้ำนมก่อนจึงจะอาจใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้ผล 3.ในการที่จะนำว่านชักมดลูกมาใช้นั้น ควรเก็บว่านชักมดลูกในฤดูแล้ง(ประมาณ พฤศจิกายน – มีนาคม) โดยหากเก็บหลังจากฝนตกแล้วคุณสมบัติของว่านชักมดลูกจะน้อยลง เพราะตัวยาในหัวและแขนงของว่านชักมดลูกจะสะสมได้สูงสุดในช่วงหน้าแล้งหากเลยไปถึงหน้าฝนตาของแขนงจะงอกออกมาเป็นต้นใหม่ทำให้ตัวยาในหัวและแขนงว่านชักมดลูกน้อยลง 4.เมื่อผู้หญิงที่มีร่ายกายไม่ค่อยแข็งแรงใช้ว่านชักมดลูกนั้น อาจมีอาการปวดศีรษะ ตัวร้อน มีไข้ จึงควรหยุดรับประทานสักพักหากหายไข้แล้วสามารถบริโภคต่อได้โดยลดตัวยาลงด้วย 5.ในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนหลังจากใช้ว่านชักมดลูกแล้วอาจมีประจำเดือนเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ต้องตกใจเพราะมันจะค่อยๆหายไปเอง โดยอาจใช้ว่านชักมดลูกได้ตามปกติ 6.หากใช้ว่านชักมดลูกแล้วควรงดของที่คาวและมัน เพราะอาจทำให้ตัวยามีฤทธิ์อ่อนลงได้ ส่วนในการค้นพบในปัจจุบันระบุไว้ว่า 1.ไม่ควรใช้ว่านชักมดลูกในผู้ป่วยที่มีปัญหาท่อน้ำดีอุดตัน เพราะว่านชักมดลูกนี้มีฤทธิ์ไปกระตุ้นทางเดินน้ำดี อาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้ 2.มีงานค้นคว้าในกระต่ายว่าว่านชักมดลูก (http://www.disthai.com/)มีผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือด เช่นเดียวกับกระเทียม แปะก๊วย โกจิเบอร์รี่ จึงไม่ควรใช้ว่านชักมดลูกร่วมกับยาต้านเกร็ดเลือดจำพวก แอสไพริน วาร์ปาริน และยาสลายลิ่มเลือดทุกประเภท ทั้งหมดนี้คือข้อควรรู้และข้อควรระวังในการใช้ว่านชักมดลูกซึ่งผู้เขียนคิดว่าก่อนจะนำมาใช้ควรต้องรู้เรื่องราวเหล่านี้จะเป็นการใช้ที่ถูกต้องและปลอดภัย
ข้อระวังในเรื่องของการกินสมุนไพรว่านชักมดลูก(https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1498044460431.png)
้เรื่องระวังเกี่ยวกับการใช้ว่านชักมดลูก(https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1498044460431.png)
ความเป็นพิษว่านชักมดลูก(https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1498044460431.png)