6 ตัวละคร ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากคนที่มีตัวตนจริงๆ
มาทำความรู้จักบุคคลในประวัติศาสต์ที่มีตัวตนอยู่จริงๆ และพวกเขาเหล่านี้เป็นบุคคลสำคัญที่เป็นแรงบันดาลใจ
ให้นักเขียนชื่อดังหลายท่านสร้างสรรค์ตัวละครที่คนทั่วโลกจดจำตราตรึงไว้ในใจได้เสมอ แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร
พวกเขาทุกคนล้วนมีเอกลักษณ์และความโดดเด่นที่ทำให้นักเขียนหยิบมาใช้เป็นวัตถุดิบในการเขียนนิยาย
จนมีชื่อเสียงโด่งดังได้ ซึ่งจะมีใครและตัวละครใดบ้างไปดูกันเลย
ตินติน (Tintin)
เรื่อง การผจญภัยของตินติน (The Adventures of Tintin )
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1500022069-0155.jpeg)
ตินติน (แตงแตง อ่านออกเสียงตามหลักภาษาฝรั่งเศส) ถือกำเนิดเมื่อปี ค.ศ. 1929 เป็นตัวการ์ตูนที่วาดโดยนักวาดการ์ตูน
ชาวเบลเยียม ชื่อ จอร์จ เรมี (Georges Remi) นามปากกาว่า แอร์เช่ (Hergé) ซึ่งเขียนไว้ได้เพียง 24 ตอนก่อนจะ
เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1983
หนังสือการ์ตูนชุดนี้ได้รับความนิยมมากในทวีปยุโรปช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ได้รับการแปลมากกว่า 80 ภาษา
และมียอดจำหน่ายกว่า 350 ล้านเล่มทั่วโลก มีสินค้าอื่นๆต่อยอดอย่างมากมายรวมถึงภาพยตร์อนิเมชั่นที่กำกับ
โดยสตีเว่น สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg)
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1500022069-0248.jpeg)
การผจญภัยของตินติน (The Adventures of Tintin ) เป็นเรื่องราวการผจญภัยของนักข่าวหนุ่ม ชื่อว่า ตินติน
ที่ต้องเดินทางไปหาข้อมูลยังสถานที่สำคัญต่างๆ รอบโลก เขาเป็นคนกระตือรือร้น และรักความถูกต้องเป็นที่สุด
ด้วยนิสัยแบบนี้บ่อยครั้งเขาจึงต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์อันตราย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังต่อสู้เพื่อความถูกต้อง
โดยมีสุนัขสีขาวคู่ใจ สโนวี่ (Snowy) เป็นเพื่อนรักและเป็นผู้ช่วยคนสำคัญที่ขาดไม่ได้
บุคคลต้นแบบ
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1500022069-0129.jpeg)
ว่ากันว่าตัวละครตินตินได้แรงบันดาลใจมาจากหนุ่มน้อยหน้าใสจากประเทศเดนมาร์ก นามว่า พาเล ฮัลด์ (Palle Huld)
หนุ่มอายุ15ปีคนนี้ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมกิจกรรมการผจญภัยรอบโลก 46 วัน {กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อระลึกในวาระ
การครบรอบ 100 ปี ของฌูล แวร์น (Jules Verne) นักเขียนชื่อดังชาวฝรั่งเศส ผู้เขียนหนังสือเรื่อง 80 วันรอบโลก
(Around the World in 80 Days)} ซึ่งหนุ่มฮัลด์ใช้เวลาเดินทางรผจญภัยอบโลกเพียงแค่ 44 วันเท่านั้น
โดยนำทักษะการเอาตัวรอดต่างๆ มาจากสมัยเขาเป็นลูกเสือเก่า หลังจากนั้นเขาก็เขียนหนังสือบันทึกการผจญภัยครั้งนี้
ออกมาในชื่อ การผจญภัยรอบโลกใน 44 วัน โดย พาเล (Around the World in 44 days by Palle)
เมื่อปี ค.ศ. 1928 ก่อนที่ตินตินจะเกิดในปี ค.ศ. 1929 เลยมีความเชื่อกันว่าและเรื่องราวการผจญภัยของเขาได้
กลายเป็นแรงบันดาลใจให้แอร์เชสร้างตินตินขึ้นมา
ไอรอนแมน (Iron Man)
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1500022199-0984.jpeg)
ไอรอนแมน (Iron Man) เขาคือฮีโร่ในชุดเกราะรบสีแดงทองที่แฟนคลับชาวไทยคุ้นหน้าคุ้นตากันดีจากภาพยนตร์ไอรอนแมน
มหาประลัยคนเกราะเหล็ก, ดิ อเวนเจอร์และกัปตันอเมริกาซีวิลวอร์ ที่พึ่งจะลาโรงบ้านเราไปหมาดๆ
ไอรอนแมน หรือ โทนี่ สตาร์ค (Anthony 'Tony' Stark) เป็นตัวละครที่ถือกำเนิดมาจากมาร์เวลคอมมิค โดยสแตน ลี (Stan Lee)
ผู้สร้างจักรวาลมาร์เวลที่นึกอยากจะได้ตัวละครฮีโร่ที่ต่างจากตัวอื่นๆ หลังจากคิดกันหลายตลบจึงตกลงกันได้เป็น
"...ชายหนุ่มในยุคศตวรรษที่ 20 ที่สวมชุดเกราะแล้วกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่.."
และก็เป็นไอรอนแมนอย่างที่เราเห็นกันแบบนี้
โทนี่ ในคอมมิคและภาพยนตร์นอกจากจะเป็นฮีโร่ผู้ปกป้องโลกแล้ว ตัวละครนี้ยังเป็นนักธุรกิจเจ้าของบริษัทสตาร์ค อินดัสทรีส์
(Stark Industries ) เขาเป็นมหาเศรษฐีหนุ่มที่รวยอยู่อันดับต้นๆ ของการจัดอันดับซูเปอร์ฮีโร่ที่รวยที่สุดในโลกด้วย
แต่รวยอย่างเดียวไม่พอ โทนี่มาพร้อมกับสมองระดับอัจฉริยะ เขาสามารถประดิษฐ์ชุดเกราะรบสุดเท่ต่างๆ ที่ทำให้ผู้สวมใส่
มีพลังเหนือมนุษย์ บินได้ และมีอาวุธพร้อมรบครบครัน รวมไปถึงอาวุธสงครามเจ๋งๆ อีกมากมาย และแน่นอนว่าหนุ่มหล่อ
บ้านรวยแถมยังฉลาดเป็นกรดระดับนี้มีหรือจะพลาดตำแหน่งเพลย์บอยตัวพ่อไปได้
บุคคลต้นแบบ
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1500022213-9352.jpeg)
สแตน ลี ได้แรงบันดาลใจการสร้างตัวละครไอรอนแมนมาจาก ฮาวเวิร์ด ฮิวจ์ (Howard Hughes) มหาเศรษฐีหนุ่ม นักธุรกิจ
และเป็นตำนานแห่งเพลย์บอยที่ควงสาวๆ คนดังระดับฮอลลีวูดมาแล้วนับไม่ถ้วน รวมไปถึงยังเป็นนักประดิษฐ์ผู้พัฒนาอุตสาหกรรม
การบินให้ก้าวไกล (เขาเป็นคนรักเครื่องบินมาก สมัยที่เขาสร้างชื่อจากการกำกับภาพยนตร์นั้น ก็ยังสร้างภาพยนตร์เกี่ยวกับ
เครื่องบินที่ชื่อ Hell's Angle อีกด้วย) เขาออกแบบและสร้างเครื่องบินมากมาย โดยหนึ่งในนั้นมีเครื่องบินลำยักษ์ชื่อว่า 'เฮอร์คิวลิส'
ที่ว่ากันว่าเป็นเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในสมัยช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย
แต่สิ่งที่แตกต่างกันของสองหนุ่มนี้ก็คือ หลังจากชีวิตวัยหนุ่ม ฮิวจ์มีอาการของ โรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive Compulsive Disorder)
เขากลัวเชื้อโรคและความสกปรกถึงกับต้องล้างมือซ้ำๆ (จนถึงขั้นเลือดออกเลยทีเดียว) ซึ่งอาการเหล่านี้เกิดจากการถูกปลูกฝังในวัยเด็ก
ให้รักษาความสะอาด ซึ่งส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อเขา จากการล้างมือบ่อยๆ กลายเป็นการไม่กล้าสวมเสื้อผ้า ไม่อาบน้ำ
เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องเพราะกลัวเชื้อโรคอย่างหนัก และเสียชีวิตบนเครื่องบินที่เขารักด้วยอาการไตวาย เมื่อปี ค.ศ. 1976 ในวัย 70 ปี
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1500022230-6659.jpeg)
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1500022230-7115.jpeg)
ฮิวจ์ นอกจากเป็นแรงบันดาลใจให้กับตัวละครไอรอนแมนแล้ว เรื่องราวของเขาก็ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับมาร์ติน สกอร์เซซี
(Martin Scorsese) สุดยอดผู้กำกับของวงการหนัง ซึ่งได้ถ่ายทอดชีวประวัติของเขาออกมาเป็นภาพยนตร์เรื่อง The Aviator
หรือชื่อไทย บินรัก บันลือโลก นำแสดงโดย ลีโอนาร์โด ดิคาปรีโอ (Leonardo DiCaprio) ซึ่งตัวหนังจะนำเล่าเรื่องฮิวจ์
ในช่วงวัยหนุ่มที่ยังเต็มไปด้วยความฝัน และความคลั่งไคล้เครื่องบิน เรื่องราวความรักกับสาวสวยระดับซูเปอร์สตาร์ รวมไปถึง
ชีวิตที่พลิกผันจากอาการของโรคย้ำคิดย้ำทำด้วย
ป๊อบอาย (Popeye)
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1500022680-7797.jpeg)
ป๊อปอาย พ่อหนุ่มกะลาสีเรือกล้ามโต ผู้เป็นแรงผลักดันให้เด็กๆทั่วประเทศอเมริกาชื่นชอบการกินผักโขม ซึ่งเป็นตัวละครจากปลายปากกา
เอลซี ซีการ์ (Elzie Segar) ในคอลัมน์การ์ตูนทิมเบิล เธียเตอร์ (Thimble Theatre) หลังจากนั้นก็โด่งดังและกลายเป็นสินค้า วิดีโอเกม
รวมไปถึงภาพยนตร์การ์ตูนมากมาย
ป๊อปอายเพิ่มพลังขึ้นได้จากการกินผักโขมกระป๋อง เพื่อต่อสู้กับบรูตัส(ฺBrutus)หนุ่มกล้ามใหญ่จอมขี้โกง คู่ปรับตลอดกาลของป๊อปอาย
ซึ่งบรูตัสแอบชอบ แฟนสาวของป๊อปอาย คือ โอลีฟ ออยล์ (Olive Oyl) จึงทำให้พวกเขาต้องปะทะกันอยู่บ่อยๆ แต่สุดท้ายตัวร้ายก็คือตัวร้าย
ไม่มีทางชนะพระเอกอย่างป๊อปอายไปได้หรอกเนอะ
บุคคลต้นแบบ
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1500022714-8743.jpeg)
ซีการ์ได้แรงบันดาลใจป๊อปอายมาจาก แฟรงค์ ร็อคกี้ ฟีกัล (Frank 'Rocky' Fiegal) กะลาสีหนุ่มจากเมืองเชสเตอร์ รัฐอิลลินอยด์
ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของซีการ์ด้วย ฟีกัลผู้มีดวงตาข้างเดียว ฟันหลอ ชอบคาบไปป์และมักจะมีเรื่องชกตีกับชาวบ้านไปทั่ว
แต่จริงๆแล้วเป็นคนดี ที่ทำไปก็เพื่อปกป้องคนที่อ่อนแอกว่านั่นเองค่ะ
นอกจากนี้ ตัวละคร โอลีฟ แฟนสาวของป๊อปอายนั้นก็ได้แรงบันดาลใจมาจากเพื่อนบ้านของซีการ์ที่ชื่อว่า ดอร่า ปาสเคล (Dora Paskel)
สาวร่างผอมสูงที่ชอบเกล้าผมมวย ตรงกับคาแรคเตอร์เป๊ะๆ ทั้งคู่เลย
ถ้านับตั้งแต่วันที่ถือกำเนิดเมื่อปี 1929 ปัจจุบันป๊อปอายก็มีอายุเกือบ 90 ปีแล้วนะเนี่ย ไม่รู้ตอนนี้คุณปู่ป๊อปอายจะบู๊ไหวอยู่รึเปล่า
เซเวอรัส สเนป (Severus Snape)
จากวรรณกรรมเยาวชนชุดแฮร์รื พอตเตอร์
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1500023095-7626.jpeg)
เซเวอรัส สเนป อาจารย์ประจำวิชาปรุงยาของโรงเรียนเวทมนตร์ฮอกวอตส์ ผู้ซึ่งแสดงออกว่าจงเกลียดจงชังแฮร์รี่ พอตเตอร์
พระเอกของเรื่องอยู่เสมอ สเนปไม่ได้เป็นเพียงแค่ตัวละครที่ออกมาคอยจิกกัด พูดจาเหน็บแนมพอตเตอร์และเพื่อนๆเท่านั้น
เขาเป็นตัวละครที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นอย่าง ผิวขาวซีด ใบหน้าเย็นชา จมูกงองุ้ม ผมยาวรุงรัง และยังมีความลับมากมาย
ซ่อนไว้กับตัวซึ่งเรียกได้ว่า สเนปเป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญมากของเรื่องคนหนึ่งไม่แพ้เหล่าตัวเองเลยล่ะ
แม้จะเป็นตัวละครที่หลายคนหมั่นไส้และไม่ชอบหน้าในช่วงแรก แต่ความลับของเขาจะสามารถเปลี่ยนใจนักอ่าน
ให้กลับมารักในตอนท้ายๆได้
บุคคลต้นแบบ
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1500022818-4268.jpeg)
เจ.เค.โรว์ลิ่งผู้แต่งได้ออกมายอมรับว่ากับนักอ่านว่า ''...ฉันได้แรงบันดาลใจ(สเนป)มาจากคุณครูคนหนึ่งของฉันสมัยมัธยม...''
ซึ่งว่ากันว่าโรว์ลิ่งก็ไม่ค่อยชอบหน้าคุณครูคนนี้เหมือนกัน ก็เลยเขียนโดยเข้าใจความรู้สึกของแฮร์รี่ที่ไม่ชอบหน้าสเนปได้ดี
คุณครูคนนั้นก็คือ จอห์น เนทเทิลชิพ (John Nettleship) อาจารย์โรงเรียนมัธยมผู้สอนวิชาปรุงยา หรือวิชาเคมีแบบที่
ชาวมักเกิ้ลเรียกกันที่โรงเรียนเวย์ดีน (Wyedean School) ในประเทศอังกฤษ มณฑลมณฑลกลอสเตอร์เชอร์ บ้านเกิดของโรว์ลิ่ง
จอห์นไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเค้าเคยเป็นแรงบันดาลใจให้กับโจแอน โรว์ลิ่ง จนกระทั่งลูกศิษย์ในชั้นเรียนและภรรยาของเขาต่างก็ทักว่า
ทำไมอาจารย์ปรุงยาที่รับบทโดย อลัน ริคแมน (Alan Rickman) ดูช่างคล้ายกับเขาเหลือเกิน เมื่อตอนภาพยนตร์ภาคแรกออกฉาย
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1500022818-4931.jpeg)
หลังจากที่เขาทราบว่าเขาคือส่วนหนึ่งของการกำเนิดเซเวอรัส สเนป เขาให้สัมภาษณ์ว่า
''...ผมตกใจมากเลยนะ ผมก็รู้ว่าผมเองเป็นครูที่ค่อนข้างดุและเข้มงวด แต่ผมก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นเสียหน่อย ฮ่าๆ
แต่ผมก็ยอมรับนะว่า สมัยก่อนผมเคยเป็นครูปรุงยาที่ไว้ผมยาวมันเยิ้มเหนียวหนืด นิสัยค่อนข้างอารมณ์ร้อน
และเคยมีช่วงชีวิตน่าเศร้าในห้องปรุงยา..'' (แต่สุดท้ายเขาก็กลายเป็นแฟนคลับของสเนปไปจนได้ หุหุ)
นอร์แมน เบตส์ (Norman Bates)
จากนวนิยายเรื่อง ไซโค (Psycho)
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1500023153-4725.png)
นอร์แมน เบตส์ ชายวัยกลางคน นิสัยเงียบๆและเก็บตัว อาศัยอยู่กับแม่ นอร์ม่า เบตส์ (์Norma Bates) ในโรงแรมเล็กๆ
ที่เขาเป็นเจ้าของ เบตส์ โมเทล (Bates Motel) ด้วยความที่โรงแรมนั้นตั้งอยู่ห่างไกลจากถนนสายหลัก ทำให้นานๆครั้ง
จะมีคนผ่านเข้ามาเช่าห้องสักที ซึ่งถ้าดูจากภายนอก เบตส์โมเทลก็ดูเหมือนโรงแรมทั่วๆ ไป แต่ที่จริงแล้วโรงแรมแห่งนี้
มีความลับอันสุดสยองซ่อนอยู่ ไม่ว่าใครที่หลงเข้ามาพักแล้วจะไม่มีวันได้เช็คเอ๊าท์ออกไป!
นอร์แมน เบตส์ ตัวละครฆาตกรต่อเนื่องโรคจิตของโรเบิร์ต บล็อกช์ (Robert Bloch) นักเขียนชาวอเมริกันผู้แต่งนวนิยาย
แนวระทึกขวัญเรื่องไซโค (Psycho) ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1959 หลังจากนั้นหนึ่งปีก็ได้กลายเป็นภาพยนตร์ขาวดำ
สร้างโดยอัลเฟรด ฮิตช์ค็อก (Alfred Hitchcock) เขาเปลี่ยนบทของนอร์แมนจากนิยายที่เป็นชายหนุ่มรูปร่างอ้วน
ไปเป็นชายหนุ่มรูปบอบบาง อายุราว 30 ต้น ๆ ขี้อาย ซึ่งดูภายนอกไม่เหมือนคนโรคจิตสักนิด
แม้ว่าจะเป็นเวลาผ่านมาเกือบ 60 ปีแล้วหลังจากตีพิมพ์ครั้งแรก นอร์แมน เบตส์ ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรโรคจิตชื่อดัง
ที่นักอ่านรู้จักเป็นอันดับแรกๆ ของเหล่าตัวร้าย เป็นเพราะนักอ่านชื่นชอบในความโรคจิตและพล็อตเรื่องที่หักมุม
ซึ่งนอกจากเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่โด่งดัง เมื่อปี ค.ศ. 2013 นอร์แมนก็ได้ไปโลดแล่นผ่านหน้าจอโทรทัศน์
ในภาพยนตร์ซีรีส์เรื่อง เบตส์ โมเทล (Bates Motel) โดยนำเสนอเรื่องราวของนอร์แมนในช่วงวัยรุ่นและปม
ที่เป็นจุดกำเนิดโศกนาฎกรรมของครอบครัวเบตส์
บุคคลต้นแบบ
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1500023185-7815.jpeg)
ซ้าย : แอนโทนี เพอร์กินส์ ผู้รับบทนอร์แมน เวอร์ชั่นภาพยนตร์
ขวา : เอ็ด กีน ฆาตรกรโรคจิตต้นแบบของนอร์แมน
นอร์แมน เบตส์มีที่มาจากฆาตรกรต่อเนื่องโรคจิตชื่อดัง เอ็ดเวิร์ด ทีโอดอร์ กีน (Edward Theodore Gein)
หรือ เอ็ด กีน ชาวอเมริกันที่ก่อเหตุสยองขวัญขึ้นในรัฐวิสคอนซินช่วงทศวรรษที่ 50
เอ็ดเป็นลูกชายคนที่สองของครอบครัวกีน เขาเป็นคนขี้อาย เก็บตัว และโดดเดี่ยว โดยมีแม่ผู้เคร่งศาสนาและเข้มงวด
ทำหน้าที่สอนหนังสือและเลี้ยงดูเขาอย่างเด็กผู้หญิง เพราะอยากได้ลูกสาว เธอมักบอกกับเอ็ดว่า การมีความสัมพันธ์
กับผู้หญิงเป็นสิ่งผิด ผู้หญิงคนอื่นเหล่านั้นล้วนเป็นคนบาป และเขาไม่สามารถมีเพื่อนคนอื่นได้นอกจากแม่
ซึ่งทำให้เอ็ดไม่เคยได้รู้จักกับผู้หญิงคนอื่นเลย และมองแม่เป็นคนสำคัญสำหรับเขาเสมอมาตั้งแต่เด็ก
จนกระทั่งเมื่อครอบครัวของเขาทั้งหมดเสียชีวิตลง จุดเริ่มต้นความสยองก็เริ่มต้นขึ้น (ว่ากันว่าเอ็ดฆ่าพี่ชายของตัวเอง
เพราะเห็นเค้าพูดจาไม่ดีใส่แม่สุดที่รักของตน และเอ็ดอยากจะเก็บแม่ไว้ครอบครองคนเดียว)
เมื่อหญิงแก่ 2 คนเริ่มหายตัวไปในเวลาไล่เลี่ยกัน และเมื่อตำรวจเริ่มสืบค้นหลักฐานพบว่าบุคคลสุดท้ายที่อยู่กับเหยื่อ
ทั้ง 2 ตามลำพังคือเอ็ด พวกเขาบุกบ้านของเอ็ดที่คนแถวนั้นเรียกกันว่าบ้านผีสิง และต้องตกตะลึกกับซากศพและ
ชิ้นส่วนมนุษย์กว่าหลายชิ้นที่แขวนไว้ในบ้าน และเอ็ดยอมรับสารภาพทั้งหมดยกเว้นเรื่องที่มีข่าวลือว่าเขากินเนื้อมนุษย์!
ภายหลังจากการชันสูตรศพในบ้านหลังนั้น พบว่าเป็นศพคนกว่า 50 ศพที่ระบุชื่อไม่ได้ รวมไปถึงชิ้นส่วนที่ไม่สามารถ
ประกอบเป็นร่างได้อีกหลายร้อยกว่าชิ้น ซึ่งเจ้าของโรงเลื่อยคนหนึ่งที่เคยขายเลื่อยให้เอ็ดได้เล่าให้ฟังภายหลังว่า
''ตอนที่มารี (เหยื่อรายแรก) หายตัวไป เอ็ดบอกผมว่า เธอไม่ได้หายไปไหนหรอก แต่อยู่ที่ฟาร์มผมนั่นแหละ
ตอนนั้นผมก็คิดว่าเขาพูดเล่นเสียอีก...''
บรึ๋ยส์ นักฆ่าต้นตำรับคนนี้น่ากลัวกว่าในหนังสือเยอะเลย
โมบีดิก (Moby-Dick)
จากนวนิยายเรื่อง โมบีดิก (Moby-Dick)
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1500023224-2992.jpeg)
มาถึงคนสุดท้ายกันแล้ว แต่มาในร่างวาฬหัวทุยสีขาวตัวยักษ์ โมบิดิก จากนวนิยายชื่อดังที่ได้รับยกย่องว่าเป็นนวนิยาย
ภาษาอังกฤษที่ยอดเยี่ยมที่สุด โมบิดิก (Moby-Dick) ประพันธ์โดยนักเขียนชาวอเมริกัน เฮอร์มัน เมลวิลล์
(Herman Melville) เมื่อปี ค.ศ. 1851
โมบิดิก เล่าเรื่องราวความแค้นของกัปตันอาฮับ(Ahab) ผู้เดินทางผจญภัยไปในท้องทะเลเพื่อตามล่าและแก้แค้น โมบิดิก
วาฬหัวทุยสีขาวขนาดมหึมาที่นิสัยดุร้ายมาก ซึ่งเคยทำลายเรือของเขาจนพังยับและยังกัดขาเขาจนกลายเป็นคนพิการ
โดยมีกะลาสีหลายชีวิตร่วมชะตากรรมไปด้วยบนเรือ และหนึ่งในนั้นคือ อิขมาเอล (Ishmael) ทำหน้าที่เล่าเรื่องบรรยาย
สภาพชีวิตของกะลาสีบนเรือ ไปจนถึงการผจญภัยสุดระทึกในการตามล่าวาฬยักษ์
ซึ่งได้รับการวิจารณ์ว่าเป็นผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่น่ายกย่องในยุคหลังศตวรรษที่ 18 เมลวิลล์แต่งนิยายเรื่องนี้ขึ้นโดยสื่อถึง
เรื่องของชนชั้นและฐานะทางสังคม ความดี ความชั่ว และการมีอยู่ของพระเป็นเจ้าผ่านสายตาอิชมาเอลได้อย่างสวยงาม
นักวิจารณ์ว่ากันว่า เขาใช้เทคนิคเดียวกับวรรณกรรมของเชกสเปียร์ (เป็นการเล่าผ่านมุมมองเหมือนกำลังดูละครเวที)
ซึ่งนอกจากรูปแบบวรรณกรรมแล้วก็ยังมีเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่เพิ่งเข้าฉายไปเมื่อปลายปีที่แล้วในชื่อว่า หัวใจเพชรฆาตวาฬมหาสมุทร
(In the Heart of the Sea) นำแสดงโดยแฟนหนุ่มของพี่วิวเอง คริส เฮมส์เวิรธ (Chris Hemsworth)
เรื่องราวนั้นลุ้นระทึกไม่แพ้ต้นฉบับนวนิยายเลยหละ
บุคคลต้นแบบ
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1500023224-2853.jpeg)
โมบิดิก มีตัวตนอยู่จริงๆ ในชื่อว่า โมชาดิก (Mocha-Dick) วาฬหัวทุยขนาดยักษ์ที่ปรากฎตัวครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1810 บริเวณเกาะโมชา
ประเทศชิลี ตั้งแต่นั้นมาชาวเรือจึงเรียกมันว่า โมชาดิก และเริ่มตามล่าตัวมัน (ว่ากันว่ามันทำลายเรือล่าวาฬไปกว่า 20 ลำเลยทีเดียว )
เจ้าโมชาดิก ถูกค้นพบโดยนักสำรวจและนักเขียนชาวอเมริกัน เจเรมายห์ เรย์โนลด์ (Jeremiah N. Reynolds) ซึ่งตีพิมพ์เล่าเรื่องการค้นพบนี้
ในนิตยสารรายเดือน ดิ นิกเกอร์บอกเกอร์ (The Knickerbocker) เมื่อปี ค.ศ. 1839 ในชื่อ โมชาดิก : วาฬขาวแห่งมหาสมุทรแปซิฟิก
(Mocha Dick: Or The White Whale of the Pacific) และได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจให้เมลวิลล์เขียนเรื่องราวการผจญภัย
ในท้องทะเลและตามล่าวาฬในตำนานนี้ขึ้นมา ซึ่งผู้เขียนก็ยังใช้ประสบการณ์ในอดีตที่เคยเป็นลูกเรือมาก่อน นำมาเขียนในส่วนเกียวกับ
การเล่าบรรยายชีวิตบนเรืออีกด้วย
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1500023224-2914.jpeg)
เจ้าโมชาตัวจริงตายในปี ค.ศ. 1838 (ว่ากันว่าในร่างกายของมันนั้นพบฉมวกล่าวาฬเกือบ 20 อัน และบาดแผลที่ด้านนอกร่างกายนับไม่ถ้วน)
พวกเขานำเขี้ยวของมันมาทำเครื่องประดับ และนำ ขี้วาฬ (รูปร่างและสีคล้ายอำพัน บางครั้งก็เรียกอำพันทะเล ซึ่งจะมีกลิ่นหอม)
มาใช้เป็นส่วนผสมพิเศษในการทำน้ำหอมด้วย ซึ่งสมัยนั้นมีค่ามากกว่าทองคำเสียอีก
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://flavorwire.com/230949/10-famous-literary-characters-and-their-real-life-inspirations
http://www.barnesandnoble.com/blog/10-fictional-characters-based-on-real-people/
http://listverse.com/2013/02/19/10-fictional-characters-based-on-real-people/