(https://static1-velaeasy.readyplanet.com/www.disthai.com/images/content/original-1498277703255.png)สมุนไพรกวาวเครือขาว จัดเป็นไม้เลื้อย หรือพืชในตะกูลถั่ว โดยเป็น 1 ใน 4 ประเภทของกวาวเครือขาวทั้งหมด มีหัวอยู่ใต้ดิน คุณสมบัติกลม มีหลายขนาด ถ้าหัวที่มีอายุมากอาจหนักถึง 20 กิโลกรัม เมื่อเอามีดผ่าออกจะมียางสีขาวคล้ายน้ำนมเนื้อในจะมีสีขาวคล้ายมันแกว เนื้อเปราะ มีเส้นมาก ส่วนหัวเล็ก เนื้อในจะละเอียดมีน้ำมาก และนิยมเพาะปลูกหรือพบมากทางภาคเหนือและอีสานของประเทศ กวาวเครือขาวเป็นสมุนไพรไทยที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้หญิงแต่สำหรับเพศชายก็อาจทานได้เช่นกัน ซึงตามคุณสมบัติช่วยทำให้สาธารณสุข จัดให้ขึ้นทะเบียนเป็นตำหรับยาแผนโบราณและยาแผนโบราณสามัญประจำบ้าน ซึ่งอาจทานได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์
กวาวเครือขาว ในปัจจุบันมีจำหน่ายในรูปของแคปซูลที่เป็นกระปุกหลากหลายยี่ห้อ เพื่อความปลอดภัยของผู้ที่จะกิน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แนะนำ ไม่ควรกินผงกวาวเครือขาวเกินวันล้ะ 1-2 มก. ต่อน้ำหนักตัว 1 กรรมการอาหารและยากำหนดขนาดในการกินว่าห้ามเกินวันล้ะ 100 มิลลิกรัม เวลา เช้า-เย็น ก่อนอาหารครึ่งชั่วโมง ( หรือตอนตื่นกับนอน) และเว้นช่วงที่มีประจำเดือนหรือต้องรอให้ประจำเดือนหมดก่อนแล้วค่อยเริ่มกินสำหรับผู้ที่กินยาคุมแบบ 21 เม็ดก็ให้เว้นช่วง 7 วันที่หยุดอุปโภค แต่ถ้าเป็นแบบ 28 เม็ดก็ให้เว้นการกินในช่วงที่กินเม็ดแป้ง 7 เม็ด (แต่อีกตำราบอกว่าไม่ควรบริโภคกวาวเครือขาวร่วมกับยาคุมกำเนิด เพราะอาจทำให้เกิดผลที่ขัดแย้งกัน ควรเลือกรับประทานอย่างใดอย่างหนึ่ง) หรืออีกวิธีใช้ผงกงกราวเครือขาวผสม กับน้ำผึ้งปั่นปั่นเป็นลูกขนาดเท่าเมล็ดพริกไทยรัอุปโภควันละ 1 เมล็ด
กวาวเครือขาวผลเคียง1.ตำรายาแผนโบราณระบุไว้ว่า คนหนุ่มสาวห้ามอุปโภค (ในที่นี้คงจะหมายถึงผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 20 ปี )
2.ห้ามใช้ในสตรีวัยเจริญพันธุ์ เพราะตัวยาอาจจะไปรบการทำงานของฮอร์โมนเพศและระบบประจำเดือนได้ หรือควรปรึกษาแพทย์ก่อนอุปโภค
3.เด็กผู้หญิงวัยก่อนมีประจำเดือน ไม่ควรกิน
- สตรีที่อยู่ในระหว่างให้นมบุตร ไม่ควรกิน
5.ผู้ที่เป็นโรคมะเร็ง เนื้องอก หรือเป็นลูกต่อมไทรอย์โต ไม่ควรบริโภค
6.ผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับทรวงอก มดลูกและรังไข่ เช่น เช่น เป็นซีสต์ พังพืดเนื้องอกเป็นก้อน มะเร็ง ก็ไม่ควรบริโภค
7.ผู้ที่กินสุรา และมีประวัติเป็นโรคตับเป็นพาหนะไวรัสตับอักเสบบีมีโอกาสเป็นมะเร็งตับสูง ก็ไม่ควรกิน
8.กวาวเคครือขาวอันตรายไม่ควรไม่ควรกินในจำนวนมากและต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานหรือติดต่อกันนานกว่า 2 ปี
9.ห้ามบริโภคเกินขนาดที่แนะนำ (ไม่เกินวันล้ะ 100 มก.)
10ห้ามรับประทานของหมักดองเปรี้ยว ดองเค็ม (ตำราแผนโบราณ)
11.ควรอาบน้ำวันละ 3 ครั้ง (ตำราแผนโบราณ)
12.ห้ามไม่ให้ตากอากาศเย็นเกินไป (ตำราแผนโบราณ)
13.ฮอนโมนเหล่านี้หากได้รับมากจนเกินไปอาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้
14.โทษของของกวาวเครือขาว อาจจะทำให้เยื่อหุ้มอัณฑะหนาตัวและอาจเป็นมะเร็ง
อันฑะในเพศชายได้ หากรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน
15.อันตรายจากกวาวเครือขาวในเพศหญิง อาจมีผลทำให้เต้านมแข็งเป็นก้อนหรืออาจทำให้เกิดเนื้องอกจนเป็นมะเร็งเต้านมได้ หากบริโภคติดต่อ กันเป็นเวลา
16.กวาวเครือขาวนั้นมีพิษทำทำให้เมาเบื่อตัวเองการอุปโภคมาเกินไปอาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืดได้ด้วยเหตุนี้ควรกินสมุนไพรที่มีส่วนช่วยป้องกันหรือเยียวยาอาการท้องอืดร่วมด้วย เช่น พริกไทย เป็น
17.หากอุปโภคกวาวเครือขาวแล้วอาจจะทำให้ประจำเดือนมามากกว่าปกติ จนบางท่านรู้สึกกังวล แต่การที่ประจำเดือนมามากนี้ก็ถือเป็นผลดีต่อร่างกายในการขับของเสียทำให้ระบบไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น จึงไม่ต้องกังวล
- สามารถใช้ครีมบำรุงทรวงอก (Breast Cream) ร่วมกับกวาวเครือขาว (http://www.disthai.com/16484910/%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7)ได้ในการเพิ่มขนาดทรวงอกได้
19.กวาวเครือขาว ผลข้างเคียงและอาการอื่นๆที่พบได้ทั่วไป เช่น เจ็บเต้านม ปวดศรีษะ คลื่นไส้ มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด เป็นต้น