เรื่องเล่าสุดประหลาด แห่งดินแดนหลังม่านเหล็กcr. พี่น้ำผึ้ง@dek-d
หลุมประหลาดในป่าแถบไซบีเรีย(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1503732918-0763.jpeg)
เมื่อไม่นานมานี้ มีเว็บไซต์จำนวนมากรายงานว่า มีหลุมประหลาดโผล่ขี้นแถบตอนเหนือของไซบีเรีย มีทฤษฎีมากมาย
ที่พยายามอธิบายเรื่องนี้ตั้งแต่มนุษย์ต่างดาวเป็นคนทำหลุมอุกกาบาต, พวกมือบอนสร้างเรื่องปั่นหัวคนอื่น ภาวะโลกร้อน
กระทั่งการสะสมของก๊าซธรรมชาติที่อาจกำลังจะระเบิด ผู้คนส่วนมากเชื่อว่ามันคือก๊าซธรรมชาติ เพราะหลังจากที่มี
หลุมประหลาดผุดขึ้นมา ชาวบ้านละแวกนั้นก็มักจะเห็นแสงประหลาดและควันลอยขึ้นมา นักวิจัยหลายคนบอกว่า
บางทีอาจเป็นเพราะผืนโลกรอบๆ หลุมผลักสารอะไรสักอย่างขึ้นมา
หลุมนี้ลักษณะเป็นรูปทรงกรวย ความลึกราวๆ 100 เมตร ซึ่งก็ทำให้เกิดข้อสงสัยมากมาย นักวิจัยคนนึงบอกว่าหลุมนี้
ไม่น่าจะทำโดยมนุษย์ แต่ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นจากธรรมชาติเช่นกัน อ้าว ยังไงกันล่ะเนี่ย หลุมประหลาดนี้ บางคนบอกว่า
เกิดขึ้นในปี 2013 แต่ถ้าดูจากอายุพืชที่ขึ้นรอบๆ หลุม ดันพบว่าเกิดก่อนปี ค.ศ. 2013 ซะอีก ทุกวันนี้ยังไม่มีใครหา
คำตอบได้เลยค่ะว่าหลุมนี้เกิดขึ้นได้ยังไง
รถโวลก้าสีดำ(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1503732909-3654.jpeg)
ถ้าฟังชื่อก็ดูเหมือนว่าเป็นแค่รถโบราณสีดำธรรมด๊า ธรรมดาใช่มั้ยล่ะ แต่ถ้าคอเรื่องเล่าสยองขวัญจะต้องรู้จักแน่ๆ!
ตำนานรถสยองนี้เริ่มขึ้นเมื่อช่วงสงครามเย็น สมัยที่รัสเซียยังเป็นสหภาพโซเวียตอยู่นั่นเอง
เรื่องเล่ามีอยู่ว่าถ้ารถโวลก้าสีดำขับเข้าไปใกล้ใคร โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง คน ๆ นั้นจะถูกลักพาตัวและหายไปตลอดกาล
บ้างเชื่อว่าปีศาจร้ายเป็นคนขับ บ้างก็เชื่อว่าเป็นแผนการของรัฐบาลที่จะลักพาตัวผู้ที่กุมความลับ เพราะว่ารถโวลก้า
ในสมัยนั้นราคาแพงมากๆ ต้องเป็นนักการเมืองที่มีอำนาจมากจริงๆ ถึงจะเป็นเจ้าของได้ บางคนก็เชื่อว่าเป็นการลักพาตัว
ผู้หญิงเพื่อไปให้พวกทหารข่มขืน บางคนก็เชื่อว่าเพื่อฆ่าและนำอวัยวะไปใช้ในโครงการของรัฐบาล
น่ากลัวมากๆ แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะปัจจุบันพบเห็นได้ยากแล้วล่ะ
อเลสเฮนกา(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1503732918-0612.jpeg)
ช่วงฤดูร้อนปี 1996 ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของรัสเซีย หญิงชราสติไม่สมประกอบนามว่าทามาราได้พบเด็กทารกคนนึงในป่า
เธอพาเขากลับไปที่อพาร์ทเมนต์และตั้งชื่อเด็กน้อยคนนั้นว่า อเลสเฮนกา แต่ลูกสาวของหญิงชราบอกว่าเด็กทารกคนนี้
ไม่ใช่มนุษย์ เพราะไม่เคยขยับปากเวลากินอาหาร!
ด้วยความสงสัย ลูกสาวของหญิงชราก็เลยพาเพื่อนไปที่อพาร์ทเมนต์อีกครั้ง แต่ว่าคราวนี้เด็กทารกได้เสียชีวิตไปเสียแล้ว
พวกเขาเลยส่งเด็กให้ วลาดิเมีย เบนดลิน ตำรวจท้องถิ่นเพื่อตรวจสอบ เบนดลินได้ส่งศพทารกให้นักวิจัยสองท่าน
คนแรกคือ Dr. Irina Yermolaeva ที่บอกว่าทารกคนนี้พิการ ส่วนอีกคนคือ Lyubov Romanowa ซึ่งเชื่อว่าทารกคนนี้
ไม่ใช่มนุษย์ หลังจากนั้นไม่นาน ทามาราก็เสียชีวิตด้วยอาการประหลาด รายการโทรทัศน์ได้เปิดเผยเทปของเบนดลิน
ขณะที่เขาพูดคนเดียว
แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะผลการตรวจสอบล่าสุดพบว่า อเลสเฮนกา
เป็นเพียงแค่ตัวอ่อนของมนุษย์เท่านั้นแหละ บาบ้า ยากา และ Koschey ผู้เป็นอมตะ(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1503732909-3585.jpeg)
บาบ้า ยากา เป็นแม่มดของชาวสลาฟ ชาวรัสเซียบางส่วนเชื่อว่าเธอคือปีศาจร้าย เธออาศัยอยู่ในกระท่อมไม้ที่สร้างอยู่บนเสา
รูปร่างขาไก่ในป่า เสาแต่ละต้นจะมีหัวกะโหลกเสียบอยู่ รั้วก็ทำมาจากซี่กระดูก และไม่มีใครรู้ว่ากระท่อมนั้นอยู่ไหน แต่ถึงอย่างนั้น
แค่เราพูดว่า "หันหลังกลับไปที่ป่า เธออยู่ตรงหน้าฉัน" กระท่อมของบาบ้า ยากาก็จะปรากฏขึ้นมาทันที!
มีผู้คนมากมายต้องการเจอบาบ้า ยากา เพราะตำนานเล่าว่าเธอรู้วิธีที่จะคงความเยาว์วัยไปชั่วนิรันดร์ด้วยยาวิเศษที่มีแค่เธอเท่านั้น
ที่รู้สูตร บาบ้า ยากาก็เลยเป็นแม่มดที่สาวและอ่อนวัยมากๆ นอกจากนี้ หนึ่งในเพื่อนคนสำคัญของเธอก็คือ Koshchey ผู้เป็นอมตะ
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1503732909-3117.jpeg)
ไม่มีใครรู้ว่ารูปร่างหน้าตาของ Koshchey เป็นยังไง แต่หลาย ๆ คนก็เชื่อว่าน่าจะเป็นกระดูก เพราะคำว่ากระดูกในภาษารัสเซีย
คือ Kost นั่นเอง มันมีความสามารถพิเศษคือสามารถสลายตัวไปกับลมได้ อีกทั้งยังมีเสียงร้องอันน่าขนลุกเมื่ออยู่กับศัตรู
แต่มีเสียงไพเราะยามต้องขับกล่อมให้หญิงสาวนอนหลับก่อนจะลักพาตัวไป สิ่งเดียวที่ฆ่า Koshchey ได้คือเข็มวิเศษที่ซ่อนอยู่
ใต้มหาสมุทร ซึ่งเข็มนี้จะทำลายเวทมนตร์ และสลายวิญญาณของมัน
โอ้โห แฟนตาซีมาก ๆ เลยนะเนี่ย
บันทึกของสองพี่น้อง จูดิคา-คอร์ดิเกเลีย(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1503732909-3225.jpeg)
คิดว่าบางคนคงรู้จักบันทึกของอชิลลีและไกแอน สองพี่น้องตระกูลจูดิคา-คอร์ดิเกลีย ที่มีชื่อเสียงมาก ๆ ช่วงต้นทศวรรษ 1960
เพราะพวกเขามีความสามารถด้านการดักฟังสัญญาณ จนรู้ข้อมูลลับมากมายทั้งเรื่องสงครามอวกาศของรัสเซีย รวมถึงเรื่องผู้หญิง
คนแรกที่ได้ไปเยือนอวกาศ
เสียงเหล่านี้ถูกบันทึกเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 1960 ซึ่งเป็นระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่รัสเซียส่งนักบินอวกาศไม่ทราบชื่อ
ขึ้นไปบนอวกาศ สองพี่น้องบอกว่าผู้หญิงคนนี้ได้รับภารกิจให้โคจรรอบโลก 17 ครั้ง และเสียงที่ว่าก็ได้บันทึกช่วงสุดท้ายในชีวิต
ของเธอไว้ได้พอดี โดยในบันทึกเสียงนั้น เธอบ่นว่าอุณหภูมิเพิ่มขึ้นและดูเหมือนเธอกำลังจะชนอะไรสักอย่าง
(http://www.cmxseed.com/cmx_files/server/php/files/1503732981-3562.jpeg)
นี่เป็น 1 ใน 9 บันทึกที่ได้รับการเผยแพร่ และแสดงให้เห็นว่ามีผู้คนมากมายที่สละชีวิตเพื่อให้รัสเซียชนะในสงครามอวกาศครั้งนี้
ซึ่งแน่นอนว่าทางรัสเซียต้องออกมาปฏิเสธ แต่เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ. 1960 TASS ได้รับการบันทึกว่ามีดาวเทียมพุ่งชนโลก
และศพของนักบินอวกาศข้างในน่าจะเป็นผู้หญิง
อื้อหือ... จะโกหกทั้งที น่าจะเห็นใจคนที่เสียสละเพื่อประเทศหน่อยเนอะ
ขอบคุณข้อมูลจาก http://siberiantimes.com/science/casestudy/news/n0302-startling-changes-revealed-in-mystery-craters-in-northern-siberia/
http://almanacofmerriment.blogspot.fi/2007/06/rusalka-week-or-week-of-love-sickness.html
http://www.ancient-origins.net/myths-legends-europe/baba-yaga-confounding-crone-slavic-folklore-002836?qt-quicktabs=2&page=0%2C1
https://skeptoid.com/episodes/4115