(http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87.png)
ช้าง (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87/)
ช้างเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Elephas maximas Linnaeus
จัดอยู่ในวงศ์ Elephantidae
มีชื่อสามัญว่า Asiatic elephantหรือ Indian elephant
ชีววิทยาของช้าง
ช้างพลายหรือช้างตัวผู้ที่โตสุดกำลังสูงราว ๓.๒๐ เมตรน้ำหนักตัวราว ๕.๔ ตัน ส่วนช้างตัวเมียหรือช้างตัวเมียสูงราว ๒.๗๐ เมตรน้ำหนักตัวราว ๔.๑ ตัน ตอนยังเล็กอยู่มีขนสีดำปกคลุมลำตัวมากแต่จะหลุดไปเมื่อโตขึ้นเหลือแค่ขนห่างๆเห็นตกอยู่เฉพาะที่ขนตาและปลายหางเมื่อ อายุราว ๔๐ ปีขนหางเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาวผิวหนังสีน้ำตาลเข้มหรือสีเทาช้างตัวผู้บางตัวมีงายาวเรียกช้างพลายส่วนตัวผู้บางตัว มีงาขนาดเล็กรวมทั้งซ่อนอยู่ ภายในเรียกช้างสีดอ ขนาดเล็กแล้วก็สั้นที่หลบอยู่นั้น เรียก ขนาย ช้างตัวเมียเรียกช้างตัวเมีย ลางตัวอาจมีขนายได้ งาจะเจริญเติบโต กระทั่งตลอดชีพ ช้างมักอาศัยรวมกันเป็นฝูง ตั้งแต่ ๕ ถึง ๗๐ ตัว มีตัวเมีย อายุมากเป็นจ่าฝูง ในโขลงอาจมีตัวผู้ที่อยู่ในวัยผสมพันธุ์ได้ ๑ ตัว ส่วนตัวผู้ขนาดใหญ่ตัวอื่น มักอยู่โดดเดี่ยว ช้างเป็นสัตว์ขี้ร้อนถูกใจเล่นน้ำเวลาตกมันจะดุร้าย และก็นิสัยไม่ดี ฉี่กะปริบกะปรอย และน้ำมันไหลออกมาจากต่อมที่ขมับ รอบๆผิวหนัง ที่มีน้ำมันห้อย มีสีดำและกลิ่นเหม็นมากช้างตัวผู้ตกมันนานราว ๑๔-๓๐ วัน รวมทั้ง ตกมันปีละครั้ง รับประทานหญ้าหน่อไม้ใบไม้ แล้วก็กาบไม้เป็นของกิน ดื่มน้ำมากมายวันละ ๒๐๐ ลิตร โตเต็มวัยพร้อมผสมพันธุ์ได้ เมื่ออายุ ๑๕-๑๘ปีท้องนาน ๒๒-๒๔ เดือน ตกลูกทีละ ๑ ตัว ลูกช้างอยู่กับแม่ช้างนาน ๓-๕ปีช้างโดยธรรมดาอายุยืน ๖๐-๗๐ปี ช้างจำพวกนี้พบได้ในทุกภาคของเมืองไทย ในต่างประเทศเจอที่อินเดียศรีลังกาบังกลาเทศ เนปาลเมียนมาร์ภาคใต้ของจีน ลาวเวียดนามเขมรมาเลเซียแล้วก็อินโดนีเซีย
(http://www.xn--[url=http-ui2a7a34agf://www.disthai.com/%5D%5Bb%5D%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3%5B/b%5D%5B/url%5D.com/wp-content/uploads/2017/09/20170313050931_3157071210..jpg)
คุณประโยชน์ทางยา (http://www.disthai.com/)
แพทย์แผนไทยใช้ "งาช้าง" เข้าเครื่องยาหลายขนานงาเป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในพิกัดยาไทยที่เรียกว่า "นวเขี้ยว" หรือ "เนาวเขี้ยว"เช่นเขี้ยวหมู เขี้ยวหมี เขี้ยวเสือ เขี้ยวแรดเขี้ยวสุนัขป่า เขี้ยวปลาพะยูน เขี้ยวจระเข้เขี้ยว แกงเลียงหน้าผาและก็งา (มองคู่มือการปรุงยาแผนไทย ๑ เล่มน้ำกระสายยา ) ในพระตำรามุจฉาปักขันทิกา ให้ยาพอกองคสูตรไว้ขนานหนึ่ง เข้างานช้าง เป็นเครื่องยาด้วยดังต่อไปนี้ ยาพอกองคสูตร เอาผักบุ้ง ขัน๑ งา ๑ เขากวาง (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99/) ๑ รากถั่วพู ๑ มูลโคเผา ๑ มหาหิงค์ (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/08/%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B9%8C/) ๑ โปตัสเซี่ยมไนเตรดขาว ๑ ขมิ้นอ้อย (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/07/%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2/) ๑ บดพอกองคชาตแลแลพอเพียงหัวเหทุ่งนา หน้า ๓ วัน หายแล
Tags : สัตววัตถุ