(http://www.xn--[url=http-ui2a7a34agf://www.disthai.com/%5D%5Bb%5D%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3%5B/b%5D%5B/url%5D.com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B8%8A%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87.png)
ชะมดเชียง (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B8%8A%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87/)
ชะมดเชียงเป็นสัตว์หลายแบบในสกุล Moschus จัดอยู่ในตระกูล Cervidae (ในความหมายหนึ่งของคำ "เชียง" หมายความว่าที่สูง) ตำราเรียนบางเล่มเรียกสัตว์พวกนี้ว่า กวางชะมด ตามชื่อสามัญที่เรียก musk deer แม้กระนั้นชะมดเช็ดมีลักษณะหลายประเภทที่ต่างจากกวาง (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%87/) อาทิเช่น ลำตัวมีขนาดเล็กถึงปานกลาง ตัวผู้มีเขี้ยวใหญ่และยาวมาก ข้างบนของกะโหลกไม่มีปุ่มกระดูกที่ทำหน้าที่เป็นฐานรองรับโคนเขา
ชีววิทยาของชะมดเชียง
ชะมดเชียงเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีกีบคู่ รูปร่างเหมือนสัตว์จำพวกกวาง มีขนาดเล็ก วัดจากปลายจมูกถึงก้น ๘๐-๑๐๐ ซม. น้ำหนักตัว ๗-๑๗ กก. หัวเล็ก ไม่มีเขา ตัวผู้มีเขายาวเหมือนใบมีด ยื่นพ้นฝีปากบนอย่างชัดเจน ตัวเมียมีเขี้ยวสั้นมากมายไม่ยื่นออกมาเหมือนตัวผู้ ใต้คอมีแถบขนสีขาว ๑-๒ แถบ ขนบนลำตัวค่อนข้างหยาบคาย สีลำตัวเปลี่ยนแปลงไปสุดแต่จำพวกมีตั้งแต่ว่าสีน้ำตาลอมเหลือง น้ำตาลเข้มจนกระทั่งสีคล้ำเกือบจะดำ ใต้ท้องสีจางกว่าลางชนิดมีจุดสีจางๆบนข้างๆของลำตัวมีถุงน้ำดี นมมี ๑ คู่ ขาคู่สันหลังยาวกว่าขาคู่หน้าราว ๕ เซนติเมตร กีบเท้ายาวเรียว ตัวผู้เมื่อโตเต็มกำลังมีต่อมเหมือนถุงอยู่ระหว่างอวัยวะสืบพันธุ์กับสะดือสำหรับผลิตสารที่มีกลิ่น ลักษณะเป็นน้ำมันเหมือนวุ้นสีน้ำตาลปนแดง เมื่อแห้งจะเป็นก้อน และก็เปลี่ยนเป็นสีดำ เรียกชะมดเชียงหรือ musk ซึ่งตำราเรียนหลายเล่มเขียนไม่ถูกว่า ชะมดเช็ดได้จากอัณฑะ(testes) ของสัตว์เหล่านี้ชะมดเชียงที่ใช้เครื่องยาที่เรียก ชะมดเชียง เหมือนกันนั้น อาจได้จากสัตว์ ๔ ประเภท คือ
๑.ชนิดที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Moschus moschiferus Linnaeus ประเภทนี้มีขนาดใหญ่ที่สุด ขนาดลำตัว ๕๕-๖๐ ซม. ลำตัวสีน้ำตาลเข้ม มักมีลายจุดรวมทั้งขีดสีจางกว่าบนลำตัว ขนออกจะยาวรวมทั้งนุ่ม ลำคอมีแถบสีขาวพาดตามยาว ๒ แถบ กระดูกขายาวกว่าจำพวกอื่นๆลูกชะมดเชียงประเภทนี้มีลายจุดและขีดสีขาวเด่นทั้งตัว เจออาศัยอยู่ในแคว้นไซบีเรียจนถึงเกาะแซ็กคาลินในประเทศรัสเซีย มองโกเลีย ประเทศเกาหลี และก็จีนทางเหนือ
๒.ชนิดที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Moschus chrysogaster (Hodgson) ขนาดลำตัว ๕๐-๕๖ เซนติเมตร หัวกะโหลกหัวมีส่วนปากยาวกว่าประเภทอื่น ลำตัวสีน้ำตาลเหลือง มีประสีจาง ไม่กระจ่างแจ้งนัก ปลายใบหูสีเหลือง คอมีแถบกว้างสีขาวเพียงแถบเดียวประเภทย่อยที่พบในรัฐสิกขิมของประเทศอินเดียรวมทั้งเนปาล มีลำตัวสีน้ำตาลคล้ำเกือบจะดำ ไม่มีแถบสีขาวที่ลำคอ อาศัยอยู่ตามพื้นที่สูงแถบเทือกเขาหิมาลัยและก็เทือกเขาใกล้เคียงในประเทศอัฟกานีสถานที่ ประเทศปากีสถาน ภาคเหนือของประเทศอินเดีย (ในรัฐชัมมูรวมทั้งกัศมีร์กับรัฐสิกขิม) ภูฏาน เนปาล และภาคตะวันตกของจีน
๓.ชนิดที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Moschus fuscus Li ขนาดลำตัว ๕๐-๕๓ ซม. ลำตัวสีดำเข้ม ไม่มีสีจางบนลำตัว มักอยู่ตามช่องเขาลึก ริมแม่น้ำในเขตยุนดกนของจีนและเขตปกครองตนเองทิเบต เมียนมาร์ทางเหนือ เนปาล รัฐสิกขิมของอินเดีย และภูเขาฏาน
๔.ประเภทที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Moschus berzovskii Flerov ชนิดนี้คราวขนาดเล็กที่สุด ขนาดลำตัวสั้นกว่า ๕๐ เซนติเมตร ลำตัวสีน้ำตาลเข้ม มีจุดละเอียดสีน้ำตาลเหลืองประตลอดลำตัว ลำคอมีลายแถบสีขาว ๒ แถบ ปลายใบหูมีสีดำ เจออาศัยอยู่ในป่าทึบของประเทศจีน ตั้งแต่ภาคตะวันตก ภาคใต้ ไปจนกระทั่งถึงชายฝั่งทะเลด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งในภาคเหนือของประเทศเวียดนาม
ชะมดเช็ดเป็นสัตว์ประหม่า
มักซุกซ่อนตัว มีประสาทรับเสียงดีเยี่ยม เมื่อตกใจจะกระโจนหนีไปอย่างรวดเร็ว ในตอนเช้าและก็เย็นจะออกมาจากแหล่งที่พักนอน ซึ่งเป็นตามซอกหินหรือขอนไม้เพื่อหาเลี้ยงชีพ ดังเช่นว่า ดอกไม้ ใบไม้ ยอดอ่อนของพืช และก็ต้นหญ้า ในฤดูหนาวจะกินก้านไม้เล็กๆมอส และก็ไลเคนเป็นประจำอยู่สันโดษทั้งปี ยกเว้นกรุ๊ปของชะมดเช็ดตัวเมียกับลูกแค่นั้นในเขตที่อาศัยมีทางเดินติดต่อกันระหว่างแหล่งอาหาร แหล่งหลบภัย และที่ถ่ายมูลหลังจากถ่ายมูลจะใช้ขาคู่หน้าเขี่ยดินกลบ ชะมดเช็ดตัวผู้แสดงแนวเขตโดยเอากลิ่นจากต่อมทาไว้ตามต้นไม้ กิ่งไม้ และก้อนหิน สังเกตได้จากคราบเปื้อนน้ำมันที่ติดอยู่รู้เรื่องว่ากลิ่นดังที่กล่าวมาแล้วยังใช้เป็นสื่อให้ตัวเมียเข้ามาหาด้วย
ฤดูผสมพันธุ์ของชะมดเชียง
อยู่ในราวเดือนพฤศจิกายนถึงธ.ค. เพศผู้วิ่งไล่ต้อนตัวเมียและก็สู้กับตัวผู้ตัวอื่นๆเพื่อช่วงชิงตัวเมีย เขี้ยวที่ยาวอาจก่อให้กำเนิดบาดแผลฉกรรจ์บนคอและบนแผ่นข้างหลังของคู่แข่งขัน ในตอนนี้ตัวผู้แทบจะอดอาหารเลย ทั้งตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาและก็วิ่งไปมาในบริเวณกว้าง เมื่อจบฤดูสืบพันธุ์จึงจะกลับไปอาศัยอยู่รอบๆที่อยู่เดิมอีกรอบหนึ่ง เมื่อผสมพันธุ์แล้ว ตัวเมียจะมีท้องนาน ๑๕๐-๑๘๐ วัน โดยปรกติจะคลอดครั้งละตัว ลูกอ่อนเมื่อทารกมีน้ำหนัก ๖๐๐-๗๐๐ กรัม ลำตัวมีจุดและขีดสีขาวอำพรางทั้งตัว ในตอนอาทิตย์แรก ลูกชะมดเชียงซุกตัวนิ่งอยู่ตามซอกหินหรือตามพุ่มทึบ ตัวเมียเข้าไปให้นมลูกเป็นครั้งคราว ในระหว่างกินนมลูกจะใช้ขาหน้าเกาะเขี่ยขาคู่ข้างหลังของแม่อยู่ตลอดเวลาเพื่อกระตุ้นให้น้ำนมไหล ความประพฤติแบบนี้ไม่พบในสัตว์พวกกวาง เมื่ออายุได้รา ๑ เดือน ก็เลยออกไปหากินพร้อมด้วยแม่ ชะมดเช็ดมีอายุ ๘-๑๒ ปี ถิ่นที่อยู่จำนวนมากเป็นป่าที่อยู่ไกลห่างจากชุมชน มักเป็นป่าสนหรือป่าผลัดใบที่รกทึบบนภูเขาหิน ในเขตหนาวแล้วก็เขตอบอุ่นของซีกโลกภาคเหนือ ตั้งแต่ประเทศรัสเซีย มองดูโกเลีย เกาหลี จีน ลงมาถึงตามประเทศที่อยู่ตามแนวเทือกเขา ในภูมิภาคทวีปเอเชียใต้ ดังเช่นว่า อัฟกานีสถานปากีสถาน ตอนเหนือของประเทศอินเดีย เมืองสิกขิม ภูฏาน เนปาล และก็ภูมิภาคในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งแต่ประเทศพม่าจนกระทั่งเวียดนาม
(http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/wp-content/uploads/2017/09/e0b88ae0b8b0e0b8a1e0b894e0b980e0b88ae0b8b5e0b8a2e0b887-e0b991-1.jpg)
สรรพคุณทางยา (http://www.disthai.com/)
สรรพคุณทางโบราณว่า ชะมดเชียงมีรสหอมเย็นรวมทั้งคาวนิดหน่อย ใช้ปรุงเป็นยาชูกำลังและบำรุง ดวงจิตมิให้ขุ่นหมอง ใช้ผสมในยาแผนไทยต่างๆหลายขนาน ดังเช่นว่ายาแก้ลมยาแก้เจ็บคอยาแก้ไข้หนาวสั่น ยาแก้โรคเกี่ยวกับข้อ แก้อาการเกร็งของกล้ามในโรคไอกรน แม้กระนั้นมักใช้ในจำนวนน้อย เพราะเหตุว่าแพงแพงและหายาก ชะมดเช็ดมีองค์ประกอบทางเคมี ชื่อสาร มัสโคลน(muscone)นอกนั้นยังมีชัน(resin)คอเลสเตอรีน(cholesterin) โปรตีนไขมันและสารอื่นๆอีกหลายชนิด ใช้ในอุตสาหกรรมทำน้ำหอม