(http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%B0.png)
แพะเป็นสัตว์เลือดอุ่น (http://www.disthai.com/)
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Capra hircus Linnaeus
จัดอยู่ในตระกูล Bovidae
มีชื่อสามัญว่า goat
ชีววิทยาของแพะ
แพะเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายแกะ แต่ว่ามีลักษณะที่ไม่เหมือนกันที่เห็นได้ชัด คือ
๑.แพะมีหนวดเคราใต้คาง ส่วนแกะไม่มี
๒.แพะเพศผู้มีต่อมกลิ่นสาบที่ใต้โคนหาง กลิ่นสาบจะกระจายจากต่อมนี้ไปทั่วตัว เรียกกันว่า "กลิ่นแพะ" ส่วนแกะไม่มีต่อมกลิ่นดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว
๓.แพะไม่มีต่อมกลิ่นที่หว่างกีบ แต่ว่าแกะมีต่อมกลิ่นดังที่กล่าวถึงแล้ว
๔.แพะมักมีเขาคล้ายกระบี่ โค้งไปด้านหลัง แกะมักมีเขาม้วนกลับไปใต้หู แต่ก็ไม่เป็นแบบนี้เสมอไป
๕.แพะมักมีขนเป็นเส้นตรงๆ ส่วนใหญ่เป็นขนสั้นๆแต่ว่าลางชนิดที่เลี้ยงไว้บนที่สูงอาจมีขนยาว แม้กระนั้นแกะมีขนม้วนดกไปหมดทั้งตัว
แพะบ้านที่เลี้ยงกันทั่วไปมีวิวัฒนาการมาจากแพะป่า ( wild goat) ซึ่งมีความสูง ๗๐-๑๐๐ ซม. เขายาวโค้งไปด้านหลัง ยาวราว ๘๐-๑๓๐ ซม. โค้งข้างบนคมและหยักเป็นคลื่น ตัวเมียมีเขาสั้น ยาวราว ๒๐-๓๐ ซม. เขาโค้งนิดหน่อย เพศผู้มีหนวดเคราใต้คาง ไม่พบว่าตัวเมียมีเคราใต้คาง พบแพร่ขยายตามเกาะต่างๆของประเทศกรีซ ถึงตุรกี อิหร่าน ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอัฟกานิสถาน โอมาน ประเทศปากีสถาน และก็รอบๆใกล้เคียงในอินเดียในขณะนี้มีการเลี้ยงแพะบ้านกันในหลายประเทศ บางประเทศเลี้ยงเพื่อเอาขน แม้กระนั้นจำต้องเลี้ยงบนที่ราบสูงที่มีอากาศหนาวเย็น บ้างก็เลี้ยงไว้กินนม บ้างก็เลี้ยงไว้รับประทานเนื้อ คนมุสลิมชอบรับประทานเนื้อแพะมากมาย
(http://www.xn--[url=http-ui2a7a34agf://www.disthai.com/%5D%5Bb%5D%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3%5B/b%5D%5B/url%5D.com/wp-content/uploads/2017/09/8x.jpg)
คุณประโยชน์ทางยา (http://www.disthai.com/)
หมอแผนไทยรู้จักใช้เขาแพะแล้วก็น้ำนมแพะเป็นเครื่องยา บางขนานใช้น้ำนมแพะเป็นน้ำกระสายยาน้ำนมแพะได้จากเต้านมของแพะตัวเมียที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ แบบเรียนสรรพคุณยาโบราณว่า น้ำนมแพะมีรสหวาน ฝาด เย็น มีสรรพคุณแก้เลือด แก้โรคหืดไอ แก้ท้องเสีย