cmxseed สังคมราตรี

Seed market => Cmxseed Market => หัวข้อที่ตั้งโดย: แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2017, 17:24:52

ชื่อ: ความหมายของสมุนไพรโกษฐ
โดย: แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์ เมื่อ 25 พฤศจิกายน 2017, 17:24:52
(http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/wp-content/uploads/2017/09/54.png)
สมุนไพรพิกัดโกษฐ์ (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/09/%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B9%8C/)
โกรธเป็นพิกัดเครื่องยาหมู่หนึ่งที่ใช้มากในไทย หนังสือเรียนโบราณเขียนชื่อพิกัดยาพวกนี้ต่างกันออกไปหลายแบบ ในศิลาจารึกหนังสือเรียนที่วัดราชบุตรชายสาราม ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (แต่ว่าครั้งท่านยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นพระผู้เป็นเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์) ได้โปรดกรุณาเกล้าให้จารึกไว้เป็นวิทยาทาน เมื่อทรงซ่อมวัดนี้ใน พุทธศักราช ๒๓๖๔ มอบเป็นพระราชบุญกุศลแก่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ปรากฏชื่อพิกัดเครื่องยาไทยหมู่นี้เป็น โกด ทั้งหมดทั้งปวง เป็นต้นว่า (พิมพ์ตาตัวหนังสือที่ปรากฏในแผ่นจารึก) หากบุทคลใครกันแน่จับไข้เพื่อเสลด ปิตะ วาตะ สมุถานดีแล้ว ทำให้หิวโหยหาแรงไม่ได้ ให้ระลอตเตอรี่ไป ให้ใจขุ่นหมองมิได้ชื่น ให้สวิงสวายหากำลังมิได้  ถ้าหากจะเอายานี้แก้ ยาชื่อมหาสมมิตร เอาโกดทั้งยังห้า เทียรทั้งยังห้า ตรีผลา (http://www.disthai.com/16653544/%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B2) จันทังสอง ลูกจัน (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/08/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C/) ดอกจัน (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/08/%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C-%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C/) แขนวาน กานพูล (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/07/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B9/) ขิงแห้ง ดีปลี (http://www.disthai.com/16488287/%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B5) หญ้าแห้วหมู (http://www.disthai.com/16488293/%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9) ไคร้เครือ เกษรบัวหลวง เกษรสารภี เกษรบัวเผื่อน เกษรบัวขม ดอกคำ ดอกผักตบ ดอกพิกุน เกสรบุนนาค ดอกสลิด พยาน ชลูด อบเชย (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/07/%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%A2/) ชะเอม (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/2017/06/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%8A%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/) ปริศนา ชะมดเชียง พิมเสน เอาเท่าเทียมกันทำเป็นจุณ เอาดีงูเหลือม เช่น้ำดอกไม้ประสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำดอกไม้ก็ได้ น้ำตาลทรายก็ได้ น้ำแรมคืนก็ได้ กินแก้รส่ำรสายแลดับพิษไข้ทั้งผอง ทำให้คลั่งให้เพ้อให้เชื่อมให้มัว แก้ลิ้นกระด้างคางแข็ง แลชูกำลังยิ่งนักฯ
ส่วนแผ่นจารึกหนังสือเรียนที่วัดพระเชตุๆพนวิมลมังคลาราม(วัดโพธิ์) พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯให้จารึกไว้เพื่อเป็นวิทยาทาน คราวที่ทรงซ่อมแซมแก้ไขฟื้นฟูใหญ่เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๗๕ และคณะอาจารย์สถานศึกษาแพทย์แผนโบราณได้เก็บรวบรวมพิมพ์เป็นเล่มเมื่อ พุทธศักราช ๒๕๐๕  ในหนังสือเรียนยาฯนี้บันทึกชื่อเครื่องยาในพักนี้เป็น โกฐ ทั้งหมด เป็นต้นว่าศิลาจารึกที่ศาลา ๗ เสา ๖  แผ่น ๔ ดังนี้
ปุนะจะปะรัง ลำดับนี้จะกล่าวด้วยนัยหนึ่งใหม่ กล่าวถึงลักษณะสันนิบาตอันมีขึ้นเพื่อดีรั่วนั้นเป็นคำรบ ๔  เมื่อจะเกิดขึ้นแก่บุคคลใดก็ดี ก็ทำให้ลงดุจกินยารุ มูลนั้นเหลืองดังน้ำขมิ้นสด ให้เคลิบเคลิ้มไปพบสติมิได้ แลให้หิวโหยนัก บริโภคของกินไม่อยู่ท้อง ให้สวิงสวาย ให้แน่นหน้าอกเป็นอันมาก ให้อุทธรลั่นอยู่เป็นนิจไม่ได้ขาด ถ้าเเลลักษณะเป็นดังที่กล่าวผ่านมาแล้วมานี้ ฯ ถ้าเกิดจะแก้เอาสมอ ๓ มะขามป้อม (http://www.disthai.com/16488243/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A1) ผลกระจู๋ม จันทน์อีกทั้ง ๒ โกญสอ โกฐเขมา โกฐก้านพร้าว โกฐพุงปลา โกฐน้ำเต้า (http://www.disthai.com/16488286/%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%90%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2) กฤษณา กระลำพัก แก่นสน กรักขี แก่นประดู่ รากขี้กา ๒ ใบสันมีดพร้ามอน ใบคนทีสอ (http://www.disthai.com/16536669/%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%AD) รากกระทมือก รากทิ้งถ่อน รากผักหวาน ว่านน้ำ ไคร้หอม เท่าเทียมกันต้มตามแนวทางให้กิน แก้สันนิบาตอันเกิดขึ้นเพื่อปิตตะสมุฏฐานโรค กล่าวคือดีรั่วนั้นหายดีเลิศนักฯสำหรับ คู่มือแพทย์แผนไทยแผนโบราณ ซึ่งรวบรวมโดยขุนโสภิตบรรณรักษา (อำพัน กิตติแพร่) เขียนชื่อหมู่นี้เป็น โกฏ ทั้งหมดทั้งปวง เป็นต้นว่ายาแก้คอแห้งในคู่มือเล่ม ๓ เวลาที่ว่าด้วยเสมหะทุพพลภาพและยาแก้ ดังต่อไปนี้ ยาแก้คอแห้งผาก แก้เสลดเหนียว แก้คลื่นไส้ เอาโกฏทั้ง ๕ เทียนทั้งยัง ๕ ลูกจันทน์ ดอกจันทน์ ลูกกระวาน กานพลู ว่านน้ำ (http://www.disthai.com/16488304/%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3) ประพรมมิ ดอกบุนนาค เกสรบัวหลวง ลูกราชดัด ขิง (http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87) พริกไทย (http://www.disthai.com/16488254/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2) บดละลายน้ำท่าแทรกเกลือกิน แก้คลื่นไส้ละลายน้ำลูกยอต้มกิน
                     (http://www.xn--42cg8cuanoj5b9czdzg.com/wp-content/uploads/2017/09/%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B9%8C-300x191.jpg)
ส่วนในหนังสือศาสตร์วัณ์ณที่นา – ตำราเรียนหมอแบบเก่า
ซึ่งเรียบเรียงโดยนายสุ่ม วรกิจพิศาล ตามตำราของพระยาวิเศษศาสตร์ดำรง(หนู) ผู้เป็นพ่อ บันทึกชื่อเครื่องยาหมู่นี้เป็น โกฏฐ์ ทั้งปวง ดังเช่นว่า ยาเทพนิมิตรในเล่ม ๔ ดังต่อไปนี้ หากจะเอายาชื่อเทพนิมิตต์ขนานนี้ ท่านให้เอาโกฏฐ์สอ ๑ โกฏฐ์เชียง ๑ โกฏฐ์เฉมา ๑ โกฏฐ์น้ำเต้า ๑ สมุลแว้ง ๑ อบเชย ๑ ขมิ้นเครือ ๑ แก่นสน ๑ ประจักษ์พยาน ๑ กระวาน ๑ กานพลู ๑ สิ่งละ ๒ ส่วน ดอกลำดวน ๑ กระดังงา ๑ ดอกจำปา ๑ สิ่งละ ๓ ส่วน จันทน์ทั้งยัง ๒ กฤษณา ๑ กระลำพัก ๑ ขอนดอก ๑ แก่นประพรม ๑ ชะเอมเทศ ๑ หวายตะค้า ๑ ดอกคำฝอย (http://www.disthai.com/16488279/%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B8%9D%E0%B8%AD%E0%B8%A2) ๑ เลือดแรด ๑ สารส้ม ๑ สิ่งละ ๔ ส่วน การบูร ๑ พริกไทย ๑ สิ่งละ ๕ ส่วน แก่นแสมสมุทร ๑๖ ส่วน เบ็ญจเราล ตามพิกัด ทำเป็นผงแล้วเอาแห้วหมูเป็นน้ำกระสาย บดทำแท่งไว้ละลายน้ำเนื้อไม้ต้มแทรกพิมเสนให้กิน แก้เลือดธรรมดาโทษอันมีขึ้นแม้กระนั้นกระดูกนั้นหายวิเศษนักแล
จึงเห็นได้ว่าแบบเรียนยาโบราณของไทยใช้ชื่อเครื่องในหมูนี้เป็น โกด โกฐ โกฏ หรือ โกฏฐ์ แตกต่างไปตามแต่จะเขียน เรื่องยาพิกัดนี้ทุกประเภทเป็นของที่มีกำเนิดในต่างประเทศ และมีพ่อค้าฝรั่งนำเข้ามาขายในประเทศไทยนานแล้ว อย่างต่ำก็ก่อนยุคสมเด็จพระท้องนารายณ์มหาราช (พุทธศักราช ๒๑๗๕ – ๒๒๓๑) เพราะในตำราเรียนหมอแผนไทยซึ่ง แบบเรียนพระยาพระนารายณ์ได้อ้างถึง ๒ เล่ม เป็นคัมภีร์โรคนิทาน และก็คู่มือมหาโชตรัต มียาที่เข้าเข้าพิกัดนี้มากมายก่ายกองหลายขนาน แล้วก็ใหหลายขนานในตำราพระโอสถพระนารายณ์เอง แม้กระนั้นชื่อเครื่องยาหมู่นี้ควรจะเขียนเป็นยังไง มีที่มารวมทั้งความหมายอย่างไร นอกนั้นเครื่องยาหมู่นี้บางชนิดเป็นยังไง มีมูลเหตุเช่นไรอย่างเป็นข้อพิพาทที่ยังหาผลสรุปมิได้
สิ่งที่ทำให้เกิดคำ โกษฐ์
โกษฐ์ พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถานพ.ศ . ๒๕๔๒ เลือกเก็บคำ โกฐ ไว้โดยนิยามดังนี้ โกฐ (โกด) น. ชื่อยาสมุนไพรจำพวกหนึ่ง ได้จากส่วนต่างๆของพืช มีหลายแบบ ตำรายาแผนโบราณเขียนเป็น โกฎ โกฏ โกฏฐ์ โกด หรือ โกษฐ์ ก็มี (เปรียญโกฏฐ) คำ โกฐ ที่ราชบัณฑิตยสถาน (โดยพหูสูตรทางบาลี-สันสกฤต) เลือกเก็บไว้นั้น มีในภาษาสันสกฤตจริง แม้กระนั้นเป็นชื่อที่ใช้เรียกสมุนไพรซึ่งหมอแผนไทยเรียกโกฐกระดูก (kut หรือ kuth ) ก็เลยน่าจะเป็นที่มาของการเลือกเก็บคำ โกฐ ของราชบัณฑิตยสถาน อย่างไรก็ดี คำ โกฐ นี้แปลว่าโรคเรื้อน ส่วนคำ โกฏฐ ในภาษาบาลีมีความหมายว่า ลำไส้ ท้อง คำทั้งยัง ๒ คำนี้ ไม่น่าจะเป็นชื่อพิกัดเครื่องยาสมุนไพร นอกจากนี้ คำที่อ่านออกเสียงว่า โกด เขียนได้อีกหลายแบบ แม้กระนั้นก็บอกความหมายที่ต่างกัน อย่างเช่น
โกส แปลว่า ผอบ; หมายความว่าผอมบางมาตราวัดความยาวพอๆกับ ๕๐๐ ชั่ว
โกฏิ แสดงว่า ๑๐ ล้าน
โกษ มีความหมายว่า อัณฑะ
สมุนไพร (http://www.disthai.com/) โกศแปลว่า ที่ใส่ศพนั่ง , ที่ใส่กระดูกผี ฝัก , กระพุ้ง, คลัง คำที่ออกเสียง โกด ที่ใช้เรียกชื่อและก็พิกัดเครื่องยาสมุนไพรควรเขียนอย่างไรนั้น คงจะสืบสาวราวเรื่องหาต้นเหตุของคำนี้ แล้วเขียนให้ถูกต้อง ให้ตรงหรือใกล้เคียงกับคำในภาษาเดิมให้มากที่สุด เพื่อให้คงจะความหมายเดิมให้มากที่สุด น่าสังเกตว่า เรื่องยาสมุนไพรพิกัดมีทั้งผองเป็นเครื่องยาเทศหรือเครื่องยาจีน เป็นสมุนไพร (http://www.disthai.com/)ที่รู้จักกันว่าเป็นของดีและก็ใช้กันมาในประเทศถิ่นกำเนิดและก็ประเทศใกล้เคียง แล้วก็คำที่ออกเสียงแบบนี้ในภาษาไทยไม่มีคำไหนที่สื่อความหมายเกี่ยวกับยาหรือการบำบัดรักษาเลย คำนี้ก็เลยน่าจะเป็นคำในภาษาอื่น อาจเป็นภาษาจีนหรือภาษาแขก เพราะว่าอายุรเวทซึ่งพัฒนาขึ้นในชมพูทวีปและก็การแพทย์แผนจีนมีผลกระทบอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการแพทย์ทางการแพทย์แล้วก็การปรุงยาแผนแพทย์แผนไทยมาแม้กระนั้นโบราณ แต่ว่าคำที่ออกเสียงตัวสะกดแม่กดนั้นไม่มีใช้ในภาษาจีน ด้วยเหตุดังกล่าว คำที่ออกเสียง โกด ก็เลยคงจะมีที่มาจากภาษาพื้นเมืองใดในอินเดียหรืออิหร่านในหนังสืออายุรเวทของอินเดีย มีคำ kuth หรือ kuth root เป็นชื่อเครื่องยาชนิดหนึ่งในภาษาพื้นบ้านของแคว้นกัษมิระ แล้วก็ตำราฯว่ามีรากศัพท์มาจากคำ kusta ในภาษาประเทศอิหร่านหรืออิหร่าน ส่วนภาษาสันสกฤตเป็น kushta ภาษาฮินดีและเบงกาลีเป็น kut ภาษาทมิฬเป็น kostum หรือ goshtam แบบเรียนยาไทยเรียกเครื่องยาจำพวกนี้ว่า โกษฐ์กระดูก (costus) จึงได้ข้อยุติในในขั้นต้นว่าคำ โกษฐ์ นี้น่าจะมาจากภาษาอิหร่าน และก็คำนี้สื่อความหมายอย่างไร
ความหมายของคำ โกษฐ์
เมื่อคำ โกษฐ์ เป็นคำในภาษาเปอร์เซีย ก็เลยจำต้องค้นหาความหมายของคำในภาษาอิหร่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำในภาษาดังกล่าวมาแล้วข้างต้นที่ใช้กับยาบำบัดโรคในคัมภีร์อูนานิ (Unani) หมอโอนาไม่หลังจากที่ได้พยายามค้นหาความหมายของคำนี้มาเป็นเวลานานหลายสิบปี เมื่อเร็วๆนี้เองก็เลยได้พบคำนี้ในหนังสือเก่าชื่อ หนังสือเรียนยาที่การแพทย์ตะวันออกของหมูแฮมดาร์ด (Hamdard Pharmacopoeia of Eastern Medicine) เรียบเรียงข้อเสนอของสภาที่ปรึกษาทางเภสัชศาสตร์แห่งหมูแฮมดาร์ด (The Pharmaceutical Advisory Council of Hamdard) มีนาย ฮะกิม อับดุล ฮาเมด (Hakim Abdul Hamed) เป็นประธาน รวมทั้งนายฮากิม โมฮัมเมด ซาอิด (Hakim Mohammed Said) เป็นบรรณาธิการ (หนังสือไม่ได้กำหนดปีที่พิมพ์และก็สถานที่พิมพ์) ในตำราดังที่กล่าวถึงมาแล้ว ๒๒๒ มียาหมวดหนึ่งเรียก kushta เขียนไว้ดังนี้
kushta is the past participle of kushtan (Persian for to kill) kushta therefore means killed or conquered In the Tibbi terminology kushta is employed for a medicine that used in small quantities and one that is immediately effective A kushta is a blend of metallic oxides , non-metals and their compounds, or minerals The ingredients are oxidized through the action of heat-a process that is rather specialized.The preparation of kushta results in the efficacy of a medicine and, after effecting its entry into the body the kushta discharges its curative role promptly and effectively.
ก็เลยสรุปได้ว่า คำนี้เป็นคำในภาษาเปอร์เซีย แปลว่า ฆ่า ปราบ กำจัด ทําให้หายไป เปรียบเทียบเสียงเป็น kushta แล้วก็ควรจะเปรียบเทียบเป็นภาษาไทยว่า โกษฐ์ จึงจะตรงกับคำในภาษาเดิมสูงที่สุด รวมทั้งบอกความหมายที่ไม่อาจเป็นอย่างอื่นได้ คำ โกษฐ์ นี้อาจจะเข้ามาสู่อาณาจักรสยามพร้อมๆกับวัฒนธรรมอื่นๆของเปอร์เซีย รวมทั้งการแพทย์โบราณแห่งประเทศสยามน่าจะยืมคำนี้มาใช้เรียกเครื่องยาหลายอย่าง ซึ่งแม้จะใช้เพลงปริมาณน้อย แม้กระนั้นก็ทรงพลังสำหรับเพื่อการบรรเทาโรคในตอนระยะเวลาสั้นๆ
โกษฐ์ที่ใช้ในยาไทย
แพทย์แผนไทยรู้จักในเครื่องยาจีนรวมทั้งเครื่องยาเทศหลายแบบในยาไทย การแสดงให้มองเห็นความคิดอันเฉียบแหลมชาญฉลาดของบรรพบุรุษไทยที่รู้จักใช้ของดีๆของฝรั่งในยาไทย เครื่องยาเหล่านี้หลายชนิดเรียก โกษฐ์ โดยจัดเป็นพิกัดตัวยาเป็น โกษฐ์ ๕ โกษฐ์  ๗ โกษฐ์  ๙ และก็โกษฐ์พิเศษ นอกเหนือจากนี้ยังมีกดอีกหลากหลายประเภทที่ไม่ได้จะเข้าเอาไว้ในพิกัดตัวยาเรียกโกษฐ์นอกพิกัด
ตารางที่๒ เครื่องยาในพิกัดโกษฐ์
เครื่องยา                ชื่อพฤษศาสตร์ของที่มา สกุล             ส่วนของพืช
โกษฐ์เชียง              Angelica sinensis (Oliv.) Diels      Umbelliferae     รากแห้ง
โกษฐ์สอ Angelica dahurica (Fisch. Ex Hoffm.)
Benth. Hook.f. ex France&Sav.  Umbelliferae     รากแห้ง
โกษฐ์หัวบัว            Ligusticum sinense Oliv. cv. Chuanxiong                Umbelliferae     เหง้าแห้ง
โกษฐ์เฉมา    Atractylodes lancea (Thunb.) DC.              Compositae        เหง้าแห้ง
โกษฐ์จุฬาลัมพา    Artemisia annua L.           Compositae        ใบและเรือนยอดที่-มีดอก
โกษฐ์ก้านพร้าว     Picrorhiza kurrooa Royle ex Benh.            Scrophulariaceae             เหง้าแห้ง
โกษฐ์กระดูก          Saussurea lappa Clarke  Compositae        เหง้าแห้ง
โกษฐ์พุงปลา         Terminalia chebula Retz.               Combretaceae  ปุ่มหูดที่กิ่งอ่อนและก็ใบ
โกษฐ์ชฎามังษี       Nardistachys grandiflora DC.       Valerianaceae   รากรวมทั้งเหง้าแห้ง
โกษฐ์กะเกลือก        Strychnos nux-vomica L.               Loganiaceae       เมล็ดแก่จัดเหง้าแห้ง
โกษฐ์กรักกรา        Pistacia chinensis Bunge spp. Integerrima (Stew. Ex Brandis) Rech.f.        Anacardiaceae  ปุ่มหูดที่กิ่งอ่อน
โกษฐ์น้ำเต้า           Rheum officinale Baill. หรือ R.palmatum L. หรือ R. tanguticum (Maxim.) Maxim. Ex Regel  Polyganaceae    รากแล้วก็เหง้าแห้ง
โกฐทั้งยัง  ๕ (ห้าโกษฐ์)  เป็นพิกัดเครื่องยาไทยได้แก่ โกษฐ์เชียง โกษฐ์สอ โกษฐ์หัวบัว โกษฐ์เขมา แล้วก็โกษฐ์จุฬาลัมพา แบบเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่ายาหมู่นี้มีสรรพคุณโดยรวมแก้ไข้ แก้ไข้เพื่อเสลด แก้หืดไอ แก้โรคปอด แก้โรคในปาก บำรุงกำลัง บำรุงโลหิต แล้วก็แก้ลมในกองธาตุ โกษฐ์อีกทั้ง ๕ นี้เป็นเครื่องยาจีนที่มีขายในประเทศไทยมาแต่โบราณ นอกจากยังเป็นเครื่องยาที่ใช้มากทั้งในอดีตและก็ยาไทย
โกษฐ์ อีกทั้ง  ๗ (สัตตโกษฐ์)  เป็นพิกัดตัวยา ประกอบด้วยเรื่องยา ๗ ประเภท คือโกษฐ์ (โกษฐ์เชียง โกษฐ์สอ โกษฐ์หัวบัว โกษฐ์เฉมา และโกษฐ์จุฬาลัมพา ) โกษฐ์ก้านพร้าว และ โกษฐ์กระดูกอีก ๒ จำพวก หนังสือเรียนโมสรรพคุณยาโบราณว่ายาหมู่นี้มีสรรพคุณโดยรวมแก้ไข้ แก้ไข้เพื่อเสลด แก้หืดไอ แก้โรคปอด แก้โรคในปาก บำรุงกำลัง บำรุงเลือด แก้ลมในกองธาตุ แก้ไข้เรื้อรัง แก้หอบสะอึก แล้วก็บำรุงกระดูก
โกษฐ์  ๙ (เนาวโกษฐ์)
เป็นพิกัดตัวยา มีโกษฐ์ทั้งยัง๗ (โกษฐ์เชียง โกษฐ์สอ โกษฐ์หัวบัว โกษฐ์เขมา และโกษฐ์จุฬาลัมพา โกษฐ์ก้านพร้าว โกษฐ์กระดูก) กับ โกษฐ์ชฎามังษีและก็โกษฐ์พุง
โกษฐ์พิเศษ
มีเครื่องยา ๓ ชนิด ดังเช่นว่า โกษฐ์กะเกลือก โกษฐ์กักกรา รวมทั้งโกษฐ์น้ำเต้า พิกัดโกษฐ์นี้มีคุณประโยชน์โดยรวมแก้โรคในปากในคอ ขับพยาธิ แก้พิษสัตว์กัดต่อย แก้ในกองอติสาร แก้ริดสีดวงทวาร ขับลมในลำไส้ แก้หนองใน ขับเมนส์ร้าย เพื่อช่วยให้นักศึกษาวิชาการปรุงยาแผนไทยจำชื่อโกษฐ์ทั้งผองได้ มหากัน สิกขรชาติ ได้เขียนกลอนช่วยกันจำเกี่ยวกับโกษฐ์ชนิดต่างๆในพิกัดยาไทยเรียงเป็นลำดับดังต่อไปนี้
เชียงสอขอหัวบัว เขมาชั่วลักจุฬา
ก้านพร้าวเผากระดูก พุงปลาปลูกในชฎา
กะกลิ้งและกรักกรา โกษฐ์น้ําเต้าตามสาเหตุ
โกษฐ์เชียง
โกษฐ์เชียงเป็นรากแห้งของพืชอันมีชื่อวิชาพฤกษศาสตร์ว่า Angelica sinensis (Oliv.) Diels ตระกูล Umbelliferae คำว่า เชียง แปลได้หลายแบบ เช่น แปลว่ามาจากเมือง หรือเมือง (ที่อยู่ชายน้ำ) ก็ได้ แต่ในที่นี้แปลว่า (มาจาก) ที่สูง มีชื่อพ้อง Angelica polymorpha Maxim. var. sinensis Oliv.จีนเรียกเครื่องยานี้ว่า ตังกุย มีชื่อสามัญว่า Chinese angelica พืชที่ให้โกษฐ์เชียงเป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปีสูง ๔๐-๑๐๐ ซม. ร่างอวบดก รูปทรงกระบอก แยกเป็นรากแขนงหลายราก มีกลิ่นหอมสดชื่นแรงเฉพาะ ลำต้นตั้งตรง สีเขียวอมม่วง ใบหยักลึกแบบขนสามชั้น รูปไข่ (ตามแนวเส้นรอบนอก) ขนาดกว้าง ๒๕ ซม. ยาว ๓๐ เซนติเมตร แฉกใบมีก้านเห็นได้ชัดเจน
รูปไข่ถึงรูปใบหอก ปนรูปไข่ กว้าง ๐.๘-๒.๕ ซม. ยาว ๒-๒.๓ เซนติเมตร ขอบหยักฟันเลื่อยแบบไม่บ่อยนัก มักแยกเป็นแฉกย่อย ๒-๓ แฉก แผ่นใบเรียบ (นอกจากบริเวณเส้นใบ) ก้านใบยาว ๕-๒๐ ซม. โคนแผ่นเป็นกาบแคบๆสีอมม่วง ดอกออกเป็นช่อซี่ร่ม ออกตามปลายกิ่งหรือออกด้านข้างตามซอกใบ ก้านช่อยาว ๘-๑๐ เซนติเมตร ใบแต่งแต้มมี ๐-๒ ใบ รูปแถบ มีช่อซี่ร่มย่อยขนาดแตกต่างกัน ๑๐-๓๐ ช่อ ใบประดับประดาย่อยมี ๒-๔ ใบ รูปแถบ ยาวได้ถึง ๕ มิลลิเมตร ช่อซี่ร่มมีดอกย่อยสีขาว (บางครั้งบางคราวสีแดงอมม่วง) ๑๓-๓๕ ดอก กลีบเลี้ยงฝ่อ รูปไข่กลับ ปลายเว้าตื้น ฐานก้านเกสรเพศเมียกลมแบน ขอบรอยแผลปีกยื่นออก ผลได้ผลสำเร็จแบบผักชี ด้านล่างแบนข้าง รูปขอบขนานปนรูปรีถึงรูปไข่กลับ กว้าง ๓-๔ มิลลิเมคร ยาว ๔-๖ มม. สันข้างล่างหนาแคบ ข้างๆมีปีกบาง กว้างราวความกว้างของผล มีท่อน้ำมัน ๑ ท่อต่อ ๑ ร่อง แต่ว่ามี ๒ ท่อตรงแนวเชื่อม พืชประเภทนี้มีเขตผู้กระทำระจายชนิดในป่าดงดิบ ตามภูเขาสูงทางภาคกลางของจีน คือรอบๆมณฑลกานซู หูเปย์ ซานซี ซื่อชักชวน (เสฉวน) และก็หยุนครึ้มน (ยูนนาน) พบขึ้นในที่สูงจากระดับน้ำทะเล ๒๕๐๐-๓๐๐๐ เมตร ออกดอกในเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม เป็นผลในก.ค.ถึงกันยายน พืชประเภทนี้ถูกปรับปรุงสายพันธุ์เป็นพืชพืชปลูกลงในเมืองจีนมานานนับพันปีแล้ว ตอนนี้ปลูกเป็นพืชอาสินในประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น เกาหลี รวมทั้งเวียดนาม
โกษฐ์เชียงเป็นรากแห้ง แบบทรงกระบอก ปลายแยกเป็นแขนง ๓-๕ กิ้งก้าน หรือมากกว่า ยาว ๑๕-๒๕ เซนติเมตร เปลือกนอกสีน้ำตาลอมเหลืองถึงสีน้ำตาล มีรอยย่นตามแนวยาว รอยช่องอากาศตามแนวขวาง ผิวไม่เรียบ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๑.๕-๔ ซม. มีแอนนูลัส ปลายมนและก็กลม มีร่องรอยส่วนโคนต้นและจากใบสีม่วงหรือสีเขียวอมเหลือง รากแขนง ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสูงสุด ๐.๓-๑ ซม. ตอนบนครึ้มตอนล่างเรียวเล็ก ส่วนมากบิด มีแผลที่เกิดขึ้นจากรากฝอย เนื้อเหนียว รอยหักสีขาวหรือสีน้ำตาลอมเหลือง เปลือกรากครึ้ม มีร่องแลกเปลี่ยนจุดจำนวนไม่น้อย ส่วนเนื้อรากสีจางกว่า มีวงแคมเบียมสีน้ำตาลอมเหลือง มีกลิ่นหอมยวนใจแรง รสหวาน ฉุน รวมทั้งขมน้อย
ชาวจีนนิยมใช้ โกษฐ์เชียง เป็นเครื่องยาในยาขนาดต่างๆเยอะมาก ด้อยกว่าก็แม้กระนั้นชะเอม (licorice) เท่านั้น จีนใช้ขวดเชียงแตกต่างกันเป็น รากหลักที่จีนเรียก (ตัง) กุยเท้า (สำเนียงแต้จิ๋ว) ใช้เป็นยาบำรุงกำลัง ส่วนรากกิ้งก้านน้ำจีนเรียก (ตัง) กุยบ๊วย (สำเนียงแต้จิ๋ว) ใช้เป็นยาขับรอบเดือน แพทย์แผนจีนใช้เครื่องยาชนิดนี้ในยาเกี่ยวกับโรคเฉพาะสตรี ได้แก่ ยาขับรอบเดือน ยาโรคตีขึ้น แก้ไข้บนกระดานไฟ เกี่ยวกับอาการเลือดออกทุกประเภท แก้หวัด แก้ท้องเฟ้อ ท้องอืด ตกมูกเลือด ขนาดที่ใช้คือ ๓-๙ กรัม สตรีจีนนิยมใช้โกษฐ์เชียงเป็นยากระตุ้น อวัยวะเพศ เพื่อปฏิบัติสามีก้าวหน้าแล้วก็เมื่อมีให้มีลูกดก โกษฐ์เชียงที่ขายตามร้านขายยาเครื่องยาสมุนไพรมักเป็น(ตัง) กุยบ๊วย ตำราบริบูรณ์ยาโบราณว่าโกษฐ์เชียงมีกลิ่นหอมสดชื่น รสหวานขม แก้ไข้ แก้สะอึก แก้เสียดแทงสองราวข้าง โกษฐ์นี้เป็นโกษฐ์ชนิดหนึ่งในพิกัดโกษฐ์ ๕ โกษฐ์ทั้ง ๗ รวมทั้งโกษฐ์อีกทั้ง ๙ โกษฐ์เชียงน้ำมันระเหยง่ายอยู่ราวปริมาณร้อยละ ๐.๑-๐.๓ ในน้ำมันระเหยง่ายมีสารเชฟโรล (safrole) สารไอโซเซฟโรล (isosafrole) สารคาร์วาครอล (carvacrol) ฯลฯ นอกจากน้ำมันระเหยง่ายแล้วยังมีสารอื่นๆอีกหลายประเภท ได้แก่ สาร ไลกัสติไลค์ (ligustilide) กรดเฟรูลิก (ferulic acid) กรด เอ็น-วาเลอโรฟีโนน-โอ-คาร์บอกซิลิก(n-valerophenone-O-carboxylic acid)
โกษฐ์สอ
เป็นรากแห้งของพืชอันมีชื่อวิชาพฤกษศาสตร์ว่า Angelica dahurica (Fisch ex Hoffm.) Benth & Hook.f. ex Franch , Sav. ในตระกูล Umbelliferaeมีชื่อพ้องหลายชื่อ ดังเช่นว่า Callisace dahurica Franch & Sav., Angelica macrocarpa H.Wolff, Angelica porphyrocaulis Nakai &Kitag.,Angelica tschiliensis H.Wolff คำ สอ เป็นภาษาเขมรแปลว่าขาว หนังสือเรียนโบราณลางเล่มเรียกเครื่องยานี้ว่า โกษฐ์สอจีน จีนเรียก พ่อยจื่อ (สำเนียงแมนดาริน) เปะจี้ (สำเนียงแต้จิ๋ว) มีชื่อสามัญว่า Dahurain angelica พืชที่ให้โกษฐ์สอเป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี สูง ๑.-๒.๕๐ เมตร รากอวบใหญ่ เนื้อแข็ง รูปกรวยยาว ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๓-๕ ซม. อาจยาวได้ถึง ๓๐ ซม. หรือมากยิ่งกว่า บางทีอาจแยกกิ่งก้านสาขาตรงปลาย มีกลิ่นหอมสดชื่นแรงเฉพาะ ลำต้นตั้งตรง เจ้าเนื้อสั้น โคนต้นมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง ๒-๕ ซม. (หรือมากกว่า) มีสีม่วงแต้มน้อย ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก หรือหยักลึกแบบขน ๓ ชั้น แผ่นใบรูปไข่ปนสามเหลี่ยม (ตามแนวเส้นรอบนอก) กว้างถึง ๔๐ เซนติเมตร ยาวถึง ๕๐ ซม. แฉกใบไม่มีก้าน รูปรีแคบถึงรูปใบหอกแกมรูปขอบขนาน กว้าง ๑-๔ ซม. ยาว ๔-๑๐ ซม. ปลายแหลม โคนเป็นครีบเล็กน้อย ขอบหยักฟันเลื่อยห่างๆก้านใบยาว โคนแผ่เป็นปีก ใบด้านบนรถรูปเหลือเพียงแค่กาบที่แทบไม่มีแผ่นใบ ดอกเป็นดอกช่อซี่ร่มย่อยขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลาง ๑๐-๓๐ เซนติเมตร สีขาว ใบเสริมแต่งมี ๐-๒ ใบ เหมือนกาบ ป่องออกหุ้มช่อดอกเมื่อยังอ่อนอยู่ มีซี่ร่มย่อย ๑๘-