cmxseed สังคมราตรี

หมวดหมู่ทั่วไป => ลี้ลับ ประวัติศาสตร์ ตำนานโลก => หัวข้อที่ตั้งโดย: etatae333 เมื่อ 16 กรกฎาคม 2024, 15:47:00

ชื่อ: Hello Kitty ธิดาปีศาจ ตำนานสยองจีน (เอ๊ะ!?)
โดย: etatae333 เมื่อ 16 กรกฎาคม 2024, 15:47:00
Hello Kitty ธิดาปีศาจ ตำนานสยองจีน (เอ๊ะ...?)

(https://www.cnxseed.com/cmx_files/server/php/files/1721372634-9156.jpeg)

Hello Kitty เป็นหนึ่งในตัวละครสำหรับเด็กที่มีชื่อเสียงรู้จักกันดีไปทั่วโลก แต่กลับมีเสียงเล่าลือ
เกี่ยวกับต้นกำเนิดที่แท้จริงของมันชาวจีนหลายคนกลับเชื่อว่า Hello Kitty คือปีศาจและเดิมที
เป็นผลมาจากการบูชามารและการทำสัญญากับซาตาน!?



ตำนานสยองขวัญของ Hello Kitty

(https://www.cnxseed.com/cmx_files/server/php/files/1721372662-1187.jpeg)

ตามตำนานเล่าขานกันว่า Hello Kitty ถูกสร้างขึ้นมาในปี 1970 โดยผู้หญิงชาวจีนคนหนึ่ง หลังจาก
ที่ลูกสาวของเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งที่ปาก แพทย์ลงความเห็นว่าเธอป่วยหนักมากและไม่
มีอะไรที่พวกเขาจะสามารถทำเพื่อเธอได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ผู้เป็นแม่ปฏิเสธความสิ้นหวัง เธอเดินทางไปเยี่ยมเยือนคริสตจักรทุกแห่งในเมืองเพื่อสวด
อ้อนวอนขอให้ลูกสาวกลับมาหายดี แต่มันกลับไม่ได้ผล ในที่สุดเมื่อความสิ้นหวังเดินทางมาจนถึงขอบเหว
เธอจึงได้หันไปพึ่งพาพิธีกรรมบูชาซาตาน และทำข้อตกลงกับปีศาจร้ายเพื่อช่วยชีวิตลูกสาว

มารร้ายได้เรียกร้องสิ่งตอบแทน โดยให้เธอสร้างตัวการ์ตูนที่สามารถดึงดูดใจเด็ก ๆ ทั่วโลก เพราะมันต้องการ
ใช้ความนิยมนี้ในการหลอกลวงให้ผู้คนหันมาบูชาซาตาน!? ดังนั้น เมื่อลูกสาวหายป่วยจากโรคมะเร็งจริง
เธอก็รักษาสัญญาด้วยการสร้าง Hello Kitty ขึ้นมา

เรื่องราวยังเล่าว่า เหตุผลที่ Hello Kitty ไม่มีปาก เป็นเพราะลูกสาวของเธอเป็นมะเร็งที่ปาก
ส่วนหูที่แหลมนั้น เป็นตัวแทนของปีศาจร้าย นอกจากนี้คำว่า Kitty ในภาษาจีนก็ยังแปลว่า "ปีศาจ"
ทำให้คำว่า Hello Kitty = Hell Demon


หลายคนจึงเชื่อว่า การซื้อสินค้าของ Hello Kitty คือการยินยอมให้ปีศาจเข้ามาสิงสู่ในจิตใจของตัวเอง
ความนิยมนี้เองที่ซาตานใช้ Hello Kitty เป็นเหมือนกับสัญญาณลับที่รู้กันเฉพาะกลุ่มผู้บูชาปีศาจ
หลายคนที่สักรูป Hello Kitty ลงบนผิวหนัง ที่จริงแล้วเป็นการสื่อสารว่านับถือปีศาจ
เพราะ Hello Kitty ถือว่าเป็นธิดาของปีศาจนั่นเอง



ความเป็นจริงของ Hello Kitty ที่ซ่อนอยู่หลังตำนานเมือง

(https://www.cnxseed.com/cmx_files/server/php/files/1721372662-4.jpeg)

เรื่องราวที่กล่าวถึงไปแล้วในข้างต้นเป็นเพียงตำนานเมืองในประเทศจีนเท่านั้น เพราะที่จริงแล้ว Hello Kitty
ถูกสร้างขึ้นมาจากบริษัทญี่ปุ่น ชื่อ Sanrio ที่เชี่ยวชาญในเรื่องของการออกแบบและสร้างแบรนด์ เดิมที
Hello Kitty ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องหมายการค้าที่ประดับบนกระเป๋าเงิน และคำว่า Kitty เอง
ก็ไม่ได้แปลว่าปีศาจในภาษาจีนอย่างที่ลือกัน


เหตุผลที่ Hello Kitty ไม่มีปาก เป็นเพราะนักออกแบบมีแนวคิดที่จะทำให้อารมณ์ของ Hello Kitty ดูคลุมเครือ
และมีการแสดงออกที่ว่างเปล่า เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ชมสามารถที่แสดงอารมณ์ของตัวเองลงบน  Hello Kitty
ได้ด้วยตัวเอง หากผู้ชมเศร้า  Hello Kitty ก็จะดูเศร้า หากผู้ชมมีความสุข Hello Kitty ก็จะดูมีความสุข
เหมือนกับอารมณ์ของผู้ชมทุกประการ

ดังนั้น.. Hello Kitty ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมบูชาซาตาน หรือการบูชาปีศาจแต่อย่างใด!?


อย่างไรก็ตาม ย้อนกลับไปในปี 2542 ที่เกาะฮ่องกง ได้มีคดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญคดีหนึ่งเกิดขึ้น
และมันก็ได้รับการขนานนามว่า....

'คดีฆาตกรรมคิตตี้สะเทือนขวัญ' (Hello Kitty murder)

(https://www.cnxseed.com/cmx_files/server/php/files/1721372721-7213.jpeg)

คดีนี้เกิด ขึ้นที่บริเวณย่านชุมชนที่มีชื่อว่า จิมซาจุ่ย ซึ่งผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการฆาตกรรมในครั้งนี้ก็คือ
หญิงสาววัย 23 ปีที่มีนามว่า ฟานมันยี โดยเธอนั้นโดนชาย 3 คนลักพาตัวไปขังไว้ในอพาร์ทเมนท์
ที่ถนนแกรนด์วิลล์ 31 ในย่านจิมซาจุ่ย และชายทั้ง 3 คนก็ได้ทรมานฟานมันยีด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยม
ต่างๆ นาๆ นานถึง 1 เดือน จนสุดท้ายเธอก็เสียชีวิตลงเพราะทนไม่ไหว


และหลังจากเธอเสีย ชีวิต ชายทั้งสามคนก็ได้ทำการอำพรางศพของเธอด้วยการหั่นร่างกายของเธอ
ออกเป็นชิ้นๆ เอาไปต้มให้สุก ก่อนที่จะนำเอาไปทิ้งตามที่ต่างๆ แต่คดีนี้เป็นที่สนใจของคนจำนวนมาก
ก็เนื่องมาจากคนร้ายได้ตัดเอาหัวของเธอไปยัดใส่ไว้ในตุ๊กตาเฮลโล คิตตี้นั่นเอง

(https://www.cnxseed.com/cmx_files/server/php/files/1721372746-2786.jpeg)

ส่วนสาเหตุของการที่คนร้ายจับเอาเธอมาทรมานจนตายนั้น เนื่องมาจาก ฟานมันยี นั้นมีหนี้สินที่ติดค้าง
ชายทั้งสามอยู่ 20,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (หรือประมาณ 2,560 ดอลลาร์สหรัฐในขณะนั้น)
และไม่สามารถใช้คืนได้ตามกำหนด

ฆาตกรทั้งสามนั้นมีชื่อว่า ชานมันลก, เหลียงชิงโช และ เหลียง ไหวหลัน พวกเขาจับเธอมาเมื่อ
วันที่ 17 มีนาคม 2542 และเริ่มต้นทรมานเธอด้วยวิธีการที่โหดร้ายต่างๆ นาๆ ไม่ว่าจะเป็นการซ้อม
ทุบตีให้ร่างกายเกิดบาดแผลแล้วเอาน้ำมันพริกมาทาตามตัว นำเอาพลาสติกที่หลอมละลายมาหยด
ใส่บนผิวหนัง นำไฟมาลนที่ฝ่าเท้า บังคับให้เธอดื่มและกินปัสสาวะและอุจจาระ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนั้น
เป็นวิธีการทรมานคนที่โหดเหี้ยมผิดมนุษย์มนา

จนกระทั่งเดือนเมษายนหลังจากที่เธอถูกจับมาทรมานเป็นเวลา 1 เดือน ฟานมันยีก็สิ้นลมหายใจ
และฆาตกรทั้งสามก็ได้กำจัดศพของเธอ ด้วยวิธีการที่กล่าวมาในข้างต้น ซึ่งมันออกจะเป็นวิธีการ
ที่ค่อนข้างวิปริตและหาเหตุผลแบบปกติไม่ได้ว่า มีแรงจูงใจอะไร ทำไมถึงต้องกระทำการโหดเหี้ยม
แบบนั้นทำแบบนั้น

(https://www.cnxseed.com/cmx_files/server/php/files/1721372778-8893.jpeg)

ในประเด็นนี้ พ.ต.ต. ดร.กฤษณพงศ์ พูตระกูล ประธานบริหารหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตร์มหาบัณฑิต
สาขาอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยา
ได้ให้ความเห็นว่า

"ผมเชื่อว่า รายนี้ ไม่ใช่รายแรกที่โดนกลุ่นคนร้ายกลุ่มนี้กระทำ มันต้องมีมาก่อนหน้านั้นแล้ว
แต่ว่ามันอาจจะไม่รุนแรงถึงตาย แต่พอเกิดการตายขึ้นมา ก็ต้องมีการคิดทำลายศพ ส่วนการ
ตัดศีรษะแล้วไปยัดไว้ในตุ๊กตานั้น มองแง่หนึ่งมันอาจจะเป็นการข่มขู่ลูกหนี้รายอื่น คือถ้ามีคนอื่น
ที่ไม่ยอมใช้หนี้ก็อาจจะเจออย่างนี้ได้ อีกประเด็นก็อาจจะเป็นเรื่องของความสะใจ ผมก็ไม่รู้ว่า
ก่อนเกิดเหตุคนร้ายและเหยื่อมีการปะทะคารมกันกี่ครั้ง อาจจะมีการท้าทายกันมาก่อน"


แต่อีก 2 เดือนต่อมา ในวันที่ 24 พฤษภาคม ปีนั้น แฟนสาวของหนึ่งในสามฆาตกรก็ได้เข้าไปแจ้งความ
กับตำรวจถึงคดีที่แฟนของตนเอง ก่อขึ้น ซึ่งเธอบอกว่าเหตุผลที่ต้องมาแจ้งความนั้น ก็เพราะว่าเธอนั้นโดน
ดวงวิญญาณของ ฟานมันยี มาตามรังควาญทุกคืน ทำให้ตำรวจฮ่องกงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุในเวลาต่อมา


ซึ่งภาพที่ ปรากฏต่อหน้าตำรวจ ก็คือห้องเช่าที่อยู่ในสภาพรกร้างที่มีกลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง ภายในเต็มไปด้วย
เศษขยะ คราบเลือดและยังคงมีหลักฐานบางอย่างหลงเหลืออยู่ นั่นก็คือบรรดามีดและอุปกรณ์เครื่องครัว
ทั้งหลายที่ใช่ในการกำจัดศพ นอกจากนั้นยังมีตุ๊กตาคิตตี้เปื้อนเลือดพิงอยู่ที่ผนังริมทางเดิน 1 ตัว ซึ่ง ข้างในนั้น
มีศีรษะและอวัยวะภายในบางส่วนของฟางมันยีบรรจุอยู่

(https://www.cnxseed.com/cmx_files/server/php/files/1721372811-7799.jpeg)
(https://www.cnxseed.com/cmx_files/server/php/files/1721372812-344.jpeg)

ต่อมาฆาตกรทั้งสามคนก็ถูกจับและทำให้พวกเขาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต เนื่องมาจากฮ่องกงไม่มีโทษประหาร
และด้วยความโด่งดังและน่าสะพรึงกลัวของคดีทำให้เกิดการสร้างภาพยนตร์เรื่อง 'Human Pork Shop'
ขึ้นในอีก 2 ปีต่อมา ซึ่งหนังเรื่องนี้อ้างอิงเรื่องราวมาจากคดีของฟานมันยีนั่นเอง

(https://www.cnxseed.com/cmx_files/server/php/files/1721372867-4276.jpeg)

"การ ที่คนร้ายพวกนี้มีพฤติกรรมที่ดูโหดเหี้ยมนั้น เป็นเพราะพื้นฐานจิตใจเขาเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
รูปแบบการกระทำเลยออกมาน่ากลัวสะเทือนขวัญ คือคนที่ทำอย่างนี้ได้ต้องมีปัญหาทางจิตมาก่อน
โดยหลักการนั้น คนแต่ละคนจะโตมาจากสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน ต่อให้เป็นพี่น้องกันก็อาจจะโตมา
ต่างกันได้คนร้ายทั้งสามต้องเติบโตมาอย่าง ไม่พร้อม และอาจจะเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่มีการ
ทุบตีทำทารุณกรรมกัน และมีพัฒนาการที่ไม่สมบูรณ์ตามทฤษฎีจิตวิเคราะห์ของซิกมัน ฟรอยด์
เจ้าตัวเองอาจจะไม่รู้ตัวก็ได้ว่าตนมีความกดดันหรือความเครียดที่ออกมาจิต ใต้สำนึก ดังนั้นการตอบโต้
หรือปฏิกิริยาที่ออกมาจากตัวคนเหล่านี้มันจะรุนแรงกว่า ปกติ"


พ.ต.ต. ดร.กฤษณพงศ์ กล่าวทิ้งท้ายถึงเหตุผลที่ทำให้คดีอาชญากรรมบางคดี
ดูโหดเหี้ยมผิดวิสัยที่ มนุษย์ทั่วไปจะสามารถกระทำ

(https://www.cnxseed.com/cmx_files/server/php/files/1721372867-1928.jpeg)

ในปัจจุบัน อพาร์ทเมนท์ที่ถนนแกรนด์วิลล์ 31 ในย่านจิมซาจุ่ยนั้นได้ถูกปรับปรุงให้กลายเป็น
ร้านทำผมและร้านขายชุดชั้นใน ไปแล้ว แต่ทว่าตำนานความโหดเหี้ยมของคดีฆาตกรรมคิตตี้นั้น
ยังคงเล่าขานกันต่อไปอีกนาน