รู้จักคำว่า ' เสียของ ' กันบ้างมั้ย ? คนไทยเราน่ะ ชอบทำให้เสียของอยู่เรื่อย
โดยเฉพาะนิสัย ' การดื่มแบบผสมมิกเซอร์ ' ทั้งหลาย
นั่นแหละคือการทำให้วิสกี้ชั้นดีที่บางทีไม่ควรผสมใดๆ ต้อง ' เสียของ '
วันนี้จะหยิบเอาเรื่องวิสกี้ตระกูล จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ มาพูดกันซะหน่อย
เพราะว่าตระกูลนี้มีหลาย ' เลเบิ้ล ' เหลือเกิน ซึ่งมีวิธีการดื่มเฉพาะซะด้วย
เริ่มจาก ' เรด เลเบิ้ล ' (Red Label) กันก่อนเลยดีกว่า
จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เรด เลเบิ้ล น่าจะดูถูกใจคนไทยที่สุด
เพราะน้องเล็กสุดขวดนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อการดื่มตลอดค่ำคืน
พูดง่ายๆ ก็คือกินได้นานๆ สนุกสนานกันทั้งคืนนั่นแหละ
แถมวิธีการกินที่ถูกต้องนั้น ก็ต้องผสมกับ ' มิกเซอร์ ' ทั้งหลาย
อันเป็นวิธีการดื่มที่นิยมในหมู่คนไทยอยู่แล้วซะอีก
ตอนนี้ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เรด เลเบิ้ล ก็เลยขายดีที่สุดไปโดยปริยาย
ง่ายๆ จะใส่น้ำแข็ง ผสมโคล่า ชามะนาว หรือโซดาก็ได้ทั้งนั้น
สุดแล้วแต่ว่าจะชอบรสชาติแบบไหนหลังผสมมิกเซอร์แล้วเท่านั้นเอง
แต่นักดื่มมืออาชีพมักนิยมผสมน้ำก่อนแล้วจึงผสมโซดาตามลงไป
ในอัตราส่วน2:1หรือที่เรียกกันว่า ' โซดาลอย ' นั่นเอง ...
ผสมเสร็จก็ เอ็นจอย ดริ๊งกิ้ง กันได้ทั้งคืน ( แต่อย่าขับรถหลังดื่มนะ )
โตขึ้นมาหน่อย กับความเคร่งขรึมแบบ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ค เลเบิ้ล
วิสกี้ชั้นดีจากการหมักบ่มเพื่อให้ได้รสชาติที่คลาสสิกที่สุดนานถึง 12 ปี
วิธีการดื่มที่ถูกต้องนั้นก็คลาสสิกไม่แพ้รสชาติของตัววิสกี้
ง่ายๆ เท่ๆ ดูดีด้วยสไตล์ที่เรียกกันว่า ' ออน เดอะ ร็อก ' นั่นเอง
หรือถ้าอยากย๊ากอยากจะผสมมิกเซอร์เหลือเกิน
ก็ต้องใส่น้ำแข็งเข้าไปเยอะๆ วิสกี้ ครึ่งแก้ว และโซดาอีกครึ่งแก้ว
แค่นี้แหละ ก็จะได้สัมผัสรสชาติที่แท้จริงของ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ค เลเบิ้ล
ส่วน จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ กรีน เลเบิ้ล อายุ 15 ปี ที่มีจำหน่ายแบบจำกัดประเทศนั้น
หาน้ำแข็งก้อนใหญ่ๆ สักก้อน ใส่ในแก้วปากกว้างเพียงแค่ก้อนเดียว
ไม่ต้องกลัวว่าน้ำแข็งก้อนนั้นจะเหงา เพราะเราจะเฝ้ามองอย่าทะนุถนอม
จากนั้นริน จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ กรีน เลเบิ้ล ลงไปไม่ต้องท่วมน้ำแข็ง
แกว่งแก้วเล็กน้อย ให้อุณหภูมิของวิสกี้ชะอุณหภูมิของน้ำแข็งก้อนโต
ดมกลิ่นวิสกี้ที่ระเหยขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนลิ้มรสวิสกี้ที่อุณหภูมิพอเหมาะพอดี
งานนี้จะได้ รสชาติ กลิ่น และแสงที่วิสกี้ตกกระทบกับก้อนน้ำแข็งชวนมอง
( อันนี้เคยเสียของมาครั้งหนึ่งแล้ว )
มาถึงวิสกี้ตระกูล จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ ที่ไม่ค่อยจะเห็นบ่อยนักบ้างดีกว่า
เริ่มจาก จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ โกลด์ เลเบิ้ล อายุ 18 ปีกันก่อน
แค่นำ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ โกลด์ เลเบิ้ล ไปใส่ในช่องแช่แข็งสัก 24 ชั่วโมง
ถ้าที่ในช่องแช่แข็งยังเหลือก็นำแก้วทรงสูงเปล่าๆ แช่ไว้ด้วย
พอได้เวลา ก้รินใส่แก้วที่แช่ไว้ข้างกันๆ นั่นแหละ แล้วดื่มเข้าไปเลย
ทันทีที่วิสกี้เย็นจัดปะทะกับความอุ่นในปาก กลิ่นหอมหวนนุ่มลิ้นจะอบอวล
แหม ... ยิ่งถ้ามีช็อกโกแล็ตดีๆ ไว้กินเข้าคู่ล่ะก็ จะเป็นความสุขที่ลืมไม่ลงเลย เชียว
ปิดท้ายกันที่วิสกี้ชั้นสูง จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล อายุ 25 ปี
ที่หมักบ่มจากมอลต์คุณภาพสูง ตามวิธีการคลาสสิกแบบศตวรรษที่ 19
วิธีการดื่มวิสกี้ชั้นสูงนี้ก็คลาสสิกมาก เตรียมแก้วบรั่นดีสวยๆ ไว้สัก 2 ใบ
แก้วนึงรินวิสกี้รอไว้ ส่วนอีกแก้วนึงรินน้ำแร่เย็นๆ ไว้เช่นกัน
ดื่มน้ำแร่เย็นๆ เพื่อปรับอุณหภูมิในช่องปากกันก่อน
จากนั้นจิบ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล ในแก้วบรั่นดีอีกใบตาม
เมื่อน้ำแร่เย็นๆ ที่หลงเหลืออยู่ในช่องปากผสมกับวิสกี้ชั้นดีนี้
รสชาติที่แอบซ่อนจะซึมผ่านเพดานปากไปมัดใจนักดื่มเหล้าทั้งหลายไม่รู้ลืม
เสร็จสิ้นครบทั้ง 5 เลเบิ้ลของตระกูล จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ กันแล้ว
ต่อจากนี้นักดื่มเหล้าชาวไทยทั้งหลาย ก็จะดื่มได้แบบไม่เสียของกันแล้ว
แต่ที่สำคัญที่สุด ดื่มแล้วจะมึนน้อยหรือมึนมาก ก็อย่าขับรถเลย
เก็บชีวิตที่มีค่าไว้สัมผั?กับสิ่งดีๆ ที่รอเราอยู่มากมายในวันข้างหน้าดีกว่า ...
ปล. ผมเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ
ปล.2 ลอกเขามาจ้า
http://www.pantip.com/cafe/siam/topic/F6137912/F6137912.html
ขาด กับแกล้ม อะ น่าจะมี กับแกล้ม ประกอบ ด้วยนะ ครับ เช่น สาวๆ นั่งข้างๆ อะ dgd :-[
รู้สึกจะขาด Johnnie Walker Swing ไปตัวหนึ่งนะครับ อีกตัวหนึ่งที่ไม่แพ้ใครในใต้หล้านี้ที่น่าลองคือ Ballentine 35 ปี ครับ
Johnnie Walker Standard blends
Red & Cola ? a premix of Red Label and cola, sold in cans and beer-bottle like bottles. This product has also been marketed under the names "Premix" and "One".
Red Label ? a blend of around 35 grain and malt whiskies. 80 proof. 40% ABV.
Black Label ? a blend of as many as 40 whiskies, each aged at least 12 years. According to William Manchester, this was the favourite Scotch of Winston Churchill. 80 proof. 40% ABV.
Johnnie Walker Swing ? named for the distinctive bottle, in which an irregular bottom allows it to rock back and forth. It was Alexander II?s last blend: it features a high proportion of Speyside malts, complemented by malts from the northern Highlands and Islay, and is "almost as sweet as a bourbon."
Green Label ? a vatted malt whisky that consists of a blend of about 15 individual single malts, the signature malts being Talisker, Cragganmore, Linkwood, and Caol Ila ? Aged 15 years. 86 proof. 43% ABV. Previously sold under the name 'Pure Malt'.
Gold Label ? a rare blend of over 15 single malts, including the very rare Clynelish malt. It was derived from Alexander II's blending notes for a whisky to commemorate Johnnie Walker's centenary[citation needed]. His original efforts were thwarted by a shortage of these malts following World War I. Gold Label is commonly bottled at 15 or 18 years. 80 proof. 40% ABV.
Blue Label ? Johnnie Walker's premium blend. Every bottle is serial numbered and sold in a silk-lined box, accompanied by a certificate of authenticity. There is no age declaration for Blue Label. 86 proof.
อ้างจาก: Dr_Drunkman เมื่อ 17 ธันวาคม 2007, 15:37:47
รู้สึกจะขาด Johnnie Walker Swing ไปตัวหนึ่งนะครับ
Johnnie Walker Standard blends
Red & Cola ? a premix of Red Label and cola, sold in cans and beer-bottle like bottles. This product has also been marketed under the names "Premix" and "One".
Red Label ? a blend of around 35 grain and malt whiskies. 80 proof. 40% ABV.
Black Label ? a blend of as many as 40 whiskies, each aged at least 12 years. According to William Manchester, this was the favourite Scotch of Winston Churchill. 80 proof. 40% ABV.
Johnnie Walker SwingJohnnie Walker Swing ? named for the distinctive bottle, in which an irregular bottom allows it to rock back and forth. It was Alexander II?s last blend: it features a high proportion of Speyside malts, complemented by malts from the northern Highlands and Islay, and is "almost as sweet as a bourbon."
Green Label ? a vatted malt whisky that consists of a blend of about 15 individual single malts, the signature malts being Talisker, Cragganmore, Linkwood, and Caol Ila ? Aged 15 years. 86 proof. 43% ABV. Previously sold under the name 'Pure Malt'.
Gold Label ? a rare blend of over 15 single malts, including the very rare Clynelish malt. It was derived from Alexander II's blending notes for a whisky to commemorate Johnnie Walker's centenary[citation needed]. His original efforts were thwarted by a shortage of these malts following World War I. Gold Label is commonly bottled at 15 or 18 years. 80 proof. 40% ABV.
Blue Label ? Johnnie Walker's premium blend. Every bottle is serial numbered and sold in a silk-lined box, accompanied by a certificate of authenticity. There is no age declaration for Blue Label. 86 proof.
โอ้ ฉบับนี้ พี่งเคยเห็น เห็นแต่ภาษาไทย อันนี้มีเยอะกว่าอีก ขอบคุรครับ ;khhg
ของผมส่วนใหญ่ก็benmoreหละคับ นานๆทีจะได้ลิ้มรสเรดกะเค้าบ้าง
อ่านจบ ก็เริ่ม เมาล่ะ ขอตัวไปงีบก่อน /jhtdc /jhtdc
เทคนิคจริง ๆๆ ครับ
ม่ายรู้ จิ ป๋ม มันคออ่อน อ่ะ กินอาราย ก้อม่าวววว......... เขิน
ไม่รู้แต่ละขวดราคาเท่าไรบ้างอะครับ... ttu
hjgh ส่วนใหญ่จะดื่มแต่แบล็ก เพราะเรด ปวดหัวตอนเช้า
ผสมโค้ก กับโซดา แล้วใส่มะนาวบีบกับเกลือ อืม
มอมสาวๆดีนักเชียว เพราะอร่อย แล้วค่อยเหาะไปกะเรา kjhg kjhg
dgdเห็นเทคนิคแล้วต้องทดสอบว่าจาดีหรือเป่า แต่ผมท่านJohnywalkerBlueบอกเองแค่ชื่อก็บอกว่าชอบขนาดไหน 098kj .,mnเปรี้ยวปากคับ jhkll l.jkljh
งานนี้เมาลูกเดียวครับ sicz
ขอบคุณครับ ถ้าให้ดีต้องมีสาวมานั่งด้วย urhys
ยังไม่เคย กิน Blue Label สักที่
นอกนั้น มาว ววววววว หมด
ujn
เยี่ยมมากครับไว้จาลอง ;khhg
;kljj ขอบคุณสำหรับวิธีการกินแบบถูกวิธีคร้าบ
เพราะกินทีไรก็ ล่อซะเมาอย่างเดียว
ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ว่าต้องผสมอะไรบ้าง
แต่ว่า ไอ้เจ้า บลูเลเบิ้ล นี่ สงสัยจะยากหามารับประทาน อะอะ mnb mnb
ขาดไป 1 อย่างครับ
เป็นตัวที่ผมซื้อบ่อยที่สุด (เพราะผมซื้อได้ถูก แถวยังเป็นของแท้ด้วย) แถมผมว่า Package ยังดู Hi-So ดีด้วย
ก็คือจอนนี้วอล์กเกอร์สวิง (SWING) ครับ
ใครมีข้อมูลขอด้วยครับ เพราะส่วนมากผมจะซื้อแจกผู้ใหญ่
จะได้อธิบายได้ถูกครับ
ขอบคุณล่วงหน้า
จริงๆแล้วเหนือจาก blue ยังมี Johnnie Walker King George V ครับ
ราคาจะสูงกว่า blue ประมาณ 3 เท่าครับ ไม่ค่อยพบเห็นตามร้านทั่วไปครับ เคยเห็นตาม duty free ใหญ่ๆ (ไม่แน่ใจว่า king power มีรึเปล่า)
มีคนซื้อมาฝากขวดนึงผมยังไม่กล้าเอาออกมาดื่มเลย เก็บไว้ในตู้โชว์อย่างเีดียว รอโอกาสดีๆเดี๋ยวจะแกะมาลองหน่อย
ส่วนเรื่องเทคนิคการดื่มที่กล่าวมาผมเคยลองหมดแล้วครับ ถ้าคนชอบกินเพียว หรือ on the rock ทั้งหลาย การแช่เย็นเหล้าก่อนจะช่วยให้ดื่มง่ายขึ้นจริงๆ และจะหอมมากขึ้นด้วย
แต่ในท้ายที่สุด ไม่ว่าเหล้าจะแพงขนาดไหน ผมก็เอามาผสม โซดา+น้ำ ดื่มเหมือนเดิม ใครจะว่าเสียของก็ช่าง ผมว่าอย่างนี้ก็อร่อยดีแล้ว นั่งจิบไปเรื่อยๆเย็นๆ ได้กลิ่นเหล้าดีๆจางๆ แค่นี้ก็มีความสุขแล้วครับ (ถ้านั่งกับหญิงจะสุขมากขึ้น)
ออ เกือบลืม จริงๆตอนนี้มีเพิ่มมาอีกหนึ่งตัวครับคือ gold reserve โดยกำหนดเกรดให้สูงกว่า black label แต่จะต่ำกว่า green label
เพื่อนๆบางคนอย่าสับสนกันนะครับ gold label กับ gold reserve คนละตัวกันเลยนะครับ รสชาติก็ต่างกันมากๆด้วย โดยส่วนตัวผมไม่ชอบ gold reserve เลย
ปีใหม่ สงกรานต์ ดื่มแต่น้ำขาว
อ้างจาก: sanop เมื่อ 26 มีนาคม 2009, 15:03:59
จริงๆแล้วเหนือจาก blue ยังมี Johnnie Walker King George V ครับ
ราคาจะสูงกว่า blue ประมาณ 3 เท่าครับ ไม่ค่อยพบเห็นตามร้านทั่วไปครับ เคยเห็นตาม duty free ใหญ่ๆ (ไม่แน่ใจว่า king power มีรึเปล่า)
มีคนซื้อมาฝากขวดนึงผมยังไม่กล้าเอาออกมาดื่มเลย เก็บไว้ในตู้โชว์อย่างเีดียว รอโอกาสดีๆเดี๋ยวจะแกะมาลองหน่อย
ส่วนเรื่องเทคนิคการดื่มที่กล่าวมาผมเคยลองหมดแล้วครับ ถ้าคนชอบกินเพียว หรือ on the rock ทั้งหลาย การแช่เย็นเหล้าก่อนจะช่วยให้ดื่มง่ายขึ้นจริงๆ และจะหอมมากขึ้นด้วย
แต่ในท้ายที่สุด ไม่ว่าเหล้าจะแพงขนาดไหน ผมก็เอามาผสม โซดา+น้ำ ดื่มเหมือนเดิม ใครจะว่าเสียของก็ช่าง ผมว่าอย่างนี้ก็อร่อยดีแล้ว นั่งจิบไปเรื่อยๆเย็นๆ ได้กลิ่นเหล้าดีๆจางๆ แค่นี้ก็มีความสุขแล้วครับ (ถ้านั่งกับหญิงจะสุขมากขึ้น)
ออ เกือบลืม จริงๆตอนนี้มีเพิ่มมาอีกหนึ่งตัวครับคือ gold reserve โดยกำหนดเกรดให้สูงกว่า black label แต่จะต่ำกว่า green label
เพื่อนๆบางคนอย่าสับสนกันนะครับ gold label กับ gold reserve คนละตัวกันเลยนะครับ รสชาติก็ต่างกันมากๆด้วย โดยส่วนตัวผมไม่ชอบ gold reserve เลย
ไอ้ตัวนี้ผมคิดว่าคงจะเป็นไอ้พวก Limited Edition หรือพวกทำออกมาแบบจำกัดจำนวนมากกว่านะครับ
ส่วนเรื่องอันไหนกิบแบบเพียว หรืออันไหนกินกับ MIX ตามหลักการแล้วต้องดูที่ข้างขวดครับ
ถ้าเขียนว่า XO หรือ Wiskey ก็แสดงว่ากินกับน้ำ
ถ้าเขียนว่า V.S.O.P หรือ Brandy ก็แสดงว่ากินเพียวครับ
ซึ่งเวลากินจริงๆแล้วนอกจากจะห้ามแช่เย็นแล้ว ตอนจับแก้วยังต้องเอามือรองที่ก้นแก้ว
เพื่อให้เหล้าดูดความร้อนจากมือเราอีกด้วย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันแล้วแต่ก็แล้วแต่คนชอบครับ
เพราะพักหลังๆก็มีคนคิด Brandy ที่สำหรับกินกับ MIX หรือกินแบบแช่เย็นออกมาเหมือนกัน
......ต้องเอาไปลฃองครับ
ขอบคุณมากครับ จะได้กินไม่เสียของสักที
khjhgg khjhgg khjhgg khjhgg
ผมว่านะครับเหล้าเนี่ยไม่ว่าจะยี่ห้ออะไร
กินแล้วต้องเมาครับ จะถือว่าไม่เสียของ
ถ้ากินเหล้าไม่เมา คงจาเป็นเหล้าปลอมน่ะครับ
อิอิ
thank pongz pongz pongz pongz
ขอบคุณมากนะครับ dsgjsd
วิธีการเป็นอย่างนี้นี่เอง
ปกติซัดโฮกอย่างเดียว
(http://img189.imageshack.us/img189/6846/56668060.jpg) (http://img189.imageshack.us/i/56668060.jpg/)
ผมว่าเครื่องดื่มเกือบทุกชนิด ตั้งแต่น้ำชา,กาแฟ ไปจนถึงแอลกอฮอร์
มันสำคัญตรงที่ว่าเวลากินด้องดื่มด่ำไปกับมัน
ผมจะชอบเปรียบเทียบให้คนอื่นฟังเสมอๆว่า
ถ้าคุณซื้อน้ำเต้าหู้มาถุงนึงคุณก็สามารถกัดตูดถุง เดินไปดูดไปได้เลย
กับน้ำเต้าหู้ถุงเดียวกัน คุณนำมาใส่ภาชนะดีๆ นั่งจิบไปดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเช้าไป
คุณจะเลือกแบบไหน
มันไม่ได้อยู่ที่อะไรถูกอะไรผิด รสชาดมันก็คงไม่ต่างกัน
แต่สำหรับผมแล้วเลือกวิธีการที่ 2 น่าจะมีความสุขกว่า
mnb mnb mnb
อ้างจาก: pulohid เมื่อ 22 มิถุนายน 2009, 10:26:51
วิธีการเป็นอย่างนี้นี่เอง
ปกติซัดโฮกอย่างเดียว
(http://img189.imageshack.us/img189/6846/56668060.jpg) (http://img189.imageshack.us/i/56668060.jpg/)
ijhg ijhg
เพิ่งรู้ ว่ามีรุ่น พระเจ้า จอร์จ ด้วย ... ที่แท้ พระเจ้าจอร์จ ที่เขาพูดๆ กัน มันมาจากนี้ นี่เอง
มันคือทุนทางวัฒนธรรมเลยนะครับเนี่ย เป็นองค์ความรู้ใหม่ ผมว่าเอาไปสร้างซีรี่ย์แดจังกึมฉบับ มร.จอห์นนี่ ได้เลย kjhg
ได้รับความรู้เพียบเรย ขอบคุณครับ
โอ้พระเจ้าจอร์จ มานยอดมากกกกกก ชอบเวอร์ชั่นนี้ที่ซู๊ดดดดดดดดดดดดดด
มันมีด้วยหรือครับ พระเจ้าจอร์จเนี่ย
uhbgv uhbgv uhbgv
เคยมีบุญได้ลิ้มรสบลู เลเบิ้ลครั้งหนึ่งของผู้ใหญ่ที่นับถือกัน
กินแบบเสียของนี่แหละครับ แถมกินน้อยอีก (เกรงใจเขาอ่ะ)
จำได้แต่ว่า รสชาติมันนุ่มมาก ไม่บาดคอเลย
อ่านแล้วอยากไปลอง .,mn
อ่านแล้วรู้สึกอยากเมาขึ้นมาเลย mnb
l,l, ที่ผ่านมากินแบบสะโอกกก เมาอย่างเดียว
ความรู้ครับ แต่ส่วนมาก ก็เจอแต่ เรด กับ แบล็ค อะ 09876
Blue ราคา ณ มี.ค.54 ที่ Tokyu MBK. 7,990.- net. ครับ. ดูเฉยๆ มิบังอาจปลิ้นกระเป๋าซื้อเอง เหมาะกับคนที่มีรายได้ต่อเดือน 15x,xxx.- ตามสูตรคำนวณรายได้รายจ่ายของผมเองครับ
vbnn วาสนาได้แค่ เรด เองนานๆๆๆ ครั้งด้วย
อ้างจาก: darkloard99 เมื่อ 11 มีนาคม 2011, 01:25:35
vbnn วาสนาได้แค่ เรด เองนานๆๆๆ ครั้งด้วย
แบบเดียวกัน
ส่วนใหญ่จะกินเบียร์ ถูก+เมาเร็ว แถมพีจีสวยด้วยๆๆ mbvc
บางแสนภูมิใจนำเสนอลุงจอหน์ครับ fsdg
เหล้าดีไม่ดีอยู่ที่คน ริน ครับ ถ้าสวยๆก็เมาเร็วหน่อยครับ khjhgg
ราคา Blue ที่ Tops เชียงใหม่เมื่อหัวค่ำที่ผ่านมา(ไม่มีปัญญาซื้อหรอกครับ แอบไปเหล่ให้น้ำลายหกน่ะ) 8,190.- แพงกว่าที่ กทม.สักสองร้อย โอ้..ต้องจิบกับน้ำแร่ด้วยถึงจะเข้าสูตรที่แนะนำไว้ นี่ถ้ามีเงินซื้อมาร่ำในห้องพักโดยลืมซื้อน้ำแร่มาด้วย มีหวังเสียค่าเครื่องเคียงหลายร้อยแน่ เพราะราคา Evian Mineral Water 1.5 ltr. ในห้องผมแปะไว้ขวดละ 180.- แน่ะแถมยังไม่รวมภาษีอีก 7% ด้วย ยิ่งถ้ากินกับเพอร์ริเอ้คงกระเป๋าฉีกไปเลย
ขอบคุณ คับ สำหรับ ความรู้ ดีๆ ที่นำมาฝากกัน
ขอบคุณครับ ;khhg
ขอบคุรคับ
เคยกินแต่ผสมนํ้าทั้งนั้น
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆมากครับ ;khhg
เดี๋ยวนี้มี platinum label เห็นที่ โลตัสคำเที่ยงครับ ไม่ทราบเทพท่านใดลองแล้วบ้าง
ขอบคุณสำหรับสำหรับความรู้ดีๆึครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุนคับ ดื่มทุกที น้ำแข็ง โซดาลูกเดียว
ถ้าดื่มแบบวิเคราะห์รดชาด ผมว่าเราจะเลือกได้เองอีกทีครับ
ว่าจะผสมยังไง แต่ก็ได้ความรู้กับวิธีเพิ่มอีกครับ
ขอบคุนสำหรับข้อมูลคับ ;khhg
สักวันจะตามเก็บมาให้ครบ
บูลซื้อมาไม่กล้ากิน eta07
พระเจ้าจ๊อดขอเห็นเป็นบุญตาทีเถอะ ;khhg
ขอบคุณครับ ข้อมูลดีมากครับ
dsgjsd ขอคุณครับ