cmxseed สังคมราตรี

หมวดหมู่ทั่วไป => ลี้ลับ ประวัติศาสตร์ ตำนานโลก => หัวข้อที่ตั้งโดย: etatae333 เมื่อ 07 มิถุนายน 2011, 11:09:53

ชื่อ: ตำนานแวมไพร์ : ราชาแห่งผีดูดเลือด
โดย: etatae333 เมื่อ 07 มิถุนายน 2011, 11:09:53
(http://vepir.files.wordpress.com/2011/03/mt316231258327698tanz-der-vampire-hamburg-tickets.jpg)

ผีดูดเลือด หรือ แวมไพร์ (Vampire) เป็นมนุษย์อีกรูปแบบหนึ่งที่มีพลังปิศาจ แม้ว่า ผีดูดเลือด จะอยู่ในร่างของมนุษย์
มันก็ไม่มีความเป็นมนุษย์อยู่ มันคือคนที่ตายไปแล้วและลุกขึ้นมาจากโลงมีชีวิตใหม่โดยดูดเลือดเป็นอาหาร

สังคมแทบทุกสังคมรู้จัก ผีดูดเลือด ผีดูดเลือดปรากฎครั้งแรกในอาณาจักร บาบิโลเนีย ในหีบศพที่ถูกปิดมานานกว่า 4,000 ปี
มีตำนานเกี่ยวกับผีดุดเลือดมากมายใน อินเดีย จีน กรีก โรมัน มาเลเซีย และไทย ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับผีดูดเลือดเช่นกัน

ในประเทศมาเลเซีย เชื่อกันว่า ผู้หญิงที่เสียชีวิต ในขณะหรือหลังคลอดลูก จะกลายเป็นผีดูดเลือด
และลูกที่ตายพร้อมกันก็จะเป็นผีดูดเลือดด้วย ส่วนของไทยก็เห็นจะเป็น กระสือ หรือปอบ ที่เรารู้จักกัน ประเพณีโบราณมักมีวิธีป้องกัน
ผีพวกนี้และบางประพณีก็สืบทอดมาถึงปัจจุบัน

(http://www.bloodygoodhorror.com/bgh/files/lesbian-vampire-killers-pic-sm-320081691.jpg)

ในแถบตะวันตก ผีดูดเลือด เป็นที่รู้จักกันในนามแวมไพร์ ปรากฏในอังกฤษครั้งแรก ในปี พ.ศ.2275 ตามบันทึกว่าเป็น แวมไพร์
ชาวเซอร์เบีย (Serbian : แคว้นในยูโกสลาเวีย) ที่กลับมาจากหน้าที่ทางทหารใน กรีก ด้วยท่าทีที่แปลกไป เขาผู้นั้น คือ อาร์โนลด์ เปาเล (Arnold Paole)

เปาเล ยอมรับกับภรรยาในเวลาต่อมาว่า เขาโดน แวมไพร์ ดูดเลือดในขณะเดินทางและได้กลายเป็น แวมไพร์ ไปด้วย เปาเล ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตในเวลาต่อมา
แต่เพื่อนบ้านยังคงเห็นเขาวนเวียนอยู่ ศพของเขาถูกขุดขึ้นมาและพบว่า มีรอยเลือดอยู่ที่ปาก การที่จะพิสูจน์ว่า เป็น แวมไพร์ หรือไม่นั้น
ทำได้โดยตอกหมุดไม้ลงไปที่หัวใจ ศพของ เปาเล ถูกพิสูจน์และด้วยความประหลาดใจ

ในขณะที่ตอกหมุดนั้นมีเลือดทะลักออกมาและมีเสียงกรีดร้องตามมาด้วย ศพของ เปาเล ถูกเผาตามขั้นตอนของพิธีกรรมทางความเชื่อ หลายปีต่อมา
ก็ยังมีกรณีของ แวมไพร์ ตัวอื่นอยู่ ซึ่งเชื่อว่า เป็นเหยื่อของ เปาเล จึงสรุปได้ว่า แวมไพร์ ถ่ายทอดได้โดยการถูกกัด
ชื่อ: Re: ตำนานแวมไพร์ : ราชาแห่งผีดูดเลือด
โดย: etatae333 เมื่อ 07 มิถุนายน 2011, 11:15:54
(http://1.bp.blogspot.com/-GK_kFulO75U/TaJVyiMoKVI/AAAAAAAAAA4/loZWCUfkcHM/s1600/jean-jacques-rousseau-1712-1778.jpg)

บันทึกในปี พ.ศ.2306 ของนักเขียนชาวฝรั่งเศส ชื่อ ฌอง จาก รูสโซ (Jean-Jacques Rousseau) กล่าวว่า ในปีนั้นมีพยานหลายคนทั้งที่เป็นแพทย์
นักบวชและพนักงานปกครอง ได้พบเห็น แวมไพร์ เรื่องราวได้เริ่มถูกนำไปแต่งเป็นวรรณกรรม จนกระทั่งในต้นพุทธศตวรรษที่ 24 แวมไพร์ ก็เป็นที่ยอมรับว่ามีอยู่จริง
มีทั้งสองเพศ แต่โดยมากจะเป็นเพศชาย มีเขี้ยวยาว ผิวซีดเซียว และมีดวงตาที่แข็งกร้าว มักออกหาเหยื่อในเวลากลางคืน และเหยื่อก็จะเป็นเพศตรงข้าม
ป้องกันได้โดยใช้กระเทียม การเป็นแวมไพร์ นั้นเป็นไปโดยไม่ได้สมัครใจและก็ไม่ค่อยจะเกี่ยวข้องกับปิศาจหรือเวทมนตร์ แม่มดเท่าใดนัก แวมไพร์
มักเป็นคนบาปที่ดำเนินชีวิตอย่างชั่วร้าย ผู้บริสุทธิ์ก็เป็น แวมไพร์ ได้โดยตกเป็นเหยื่อของพวกมัน

(http://www.best-horror-movies.com/image-files/horror-of-dracula-dead-female.jpg)

บุคคลที่มีความแตกต่างไปจากคนอื่นและมีการตายอย่างประหลาดนั้นมักถูกเชื่อว่า จะเป็นแวมไพร์ อย่าง แน่นอน บุคคลใดที่มีลักษณะคล้าย แวมไพร์
จะถูกกีดกันจากสังคมทันที การกำจัด แวมไพร์ นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะต้องทำเฉพาะเวลากลางวัน ตอนที่มันไม่มีอำนาจเท่านั้น

เชื่อว่าหลุมศพใดมีโพรงอยู่แสดงว่าศพในหลุมนั้นเป็น แวมไพร์ โดยความเชื่อของ ชาวโรมัน ให้เทน้ำเดือดลงไปในโพรงเพื่อกำจัด แวมไพร์
หรือกำจัดได้โดยวิธีเดียวกับที่ทำกับ แวมไพร์ เปาเล
ชื่อ: Re: ตำนานแวมไพร์ : ราชาแห่งผีดูดเลือด
โดย: etatae333 เมื่อ 07 มิถุนายน 2011, 11:20:50
(http://www.xn--72czoab1b2ak0dpa8czc8b9j8e.com/thumb/12951643263494PicOK.jpg)
ปลายพุทธศตวรรษที่ 19 นักเขียนชาว ไอริช เมื่อ บราม สโตกเกอร์ (Bram Stoker) ได้แต่งนิยายเรื่อง แดรกคูลา (Dracula)
ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของคำอีกคำหนึ่งที่แปลว่า ผีดูดเลือด แดรกคูลา เป็นลูกชายของ แดรกคูล (Dracul) กษัตริย์โรมันที่โหดร้าย ทารุณ แดรกคูล
เป็นสมญานามที่แปลว่า ปิศาจ ซึ่งกษัตริย์ได้สมญานามมาจากการปกครองที่โหดร้าย กระหายเลือด และแดรกคูลา ก็แปลว่า ลูกชายของปิศาจ

(http://www.secrettransylvania.co.uk/images/vlad.jpg)
ในนิยาย แดรกคูลา เกิดในทรานซิลวาเนีย (Transylvania) และมีความโหดร้ายเช่นเดียวกับพระบิดา ทรงสร้างศัตรูมากมาย มีการตายอย่างลึกลับ
ไม่มีใครพบเห็นศพและไม่ได้ถูกฝังตามพิธี จนปัจจุบันเรื่องราวของ แวมไพร์ ก็ยังคงน่าหลงใหลและน่าหวาดกลัวมีผู้คนที่เชื่อว่า แวมไพร์ มีจริง ยิ่งกว่านั้น
ยังมีศูนย์วิจัย แวมไพร์ ใน นิวยอร์ก ที่ศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับ แวมไพร์ ใน ยุโรป และ อเมริกา อีกด้วย

cradit : artsmen
ชื่อ: Re: ตำนานแวมไพร์ : ราชาแห่งผีดูดเลือด
โดย: meaw_meow เมื่อ 07 มิถุนายน 2011, 11:59:30
 .,mn อืมม ฟังดูน่าจะมีอยู่จริง แต่บางอัน ก็ว่าทั้ง vp และ มนุษย์หมาป่า เป็นญาติกัน ไม่่รู้จริงป่าวนี่
ชื่อ: Re: ตำนานแวมไพร์ : ราชาแห่งผีดูดเลือด
โดย: etatae333 เมื่อ 07 มิถุนายน 2011, 12:48:42


(http://images.fanpop.com/images/image_uploads/Vlad-the-Impaler-serial-killers-586891_500_375.jpg)

Vlad the Impaler - วลาดนักเสียบ เป็นบุคคลที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ เขา เกี่ยวพันกับตำนานแวมไพร์อย่างลึกซึ้ง(อันนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าตัวรู้ เรื่องไหม)

วลาดเกิดในปี ค.ศ. 1431 โดยดำรงตำแหน่ง Prince แห่งอาณาจักรโบราณซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศโรมาเนีย วลาดมีสองนามสกุลครับ
ได้แก่ Tepes (แปลว่า the Impaler) และ Dracul (เป็นชื่อบิดาของเขา มีความหมายว่า "Dragon" ซึ่งไม่ค่อยเป็นมงคลเท่าไหร่
เพราะฝรั่งเค้าถือครับว่ามังกรคือตัวแทนของความชั่วร้าย)

ชาวโรมาเนียโบราณเรียกชื่อเขาเต็มๆว่า วลาด เทปีซ แดร็คคุล และยกย่องให้เขาดำรงตำแหน่งทรราชย์
อันดับหนึ่งอย่างไร้คนเสมอเหมือน วลาดมีชื่อเสียงจากความโหดร้ายที่ชอบจับเอาเชลยฝ่ายตรงข้ามมาประหารชีวิต ด้วยวิธีเอาเหล็กแหลมเสียบจากทวารหนักทะลุ
ปาก หรือไม่ก็ให้มือประหารแยกชิ้นส่วนนักโทษเป็นส่วนๆทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่

(http://www.bloodsprayer.com/wp-content/uploads/2010/06/206-0621_IMG_JPG.jpg)

ฟังดูแล้วโหดนะครับแต่ข้อดีของ วลาด เทปีซ แดร็คคุล ก็ยังมีอยู่นั่นคือความยุติธรรมครับ เขาคงกลัวประชาชนหาว่าเขาลำเอียงที่เลือกปฏิบัติแต่กับเชลยศึก
ดังนั้น วันดีคืนดีเขาก็ใช้วิธีนี้กับพลเมืองของโรมาเนียโบราณบ้าง (นัยว่าเพื่อธำรงไว้ซึ่งความเสมอภาค ^^) ความเหี้ยมเกรียมของนักปกครองผู้นี้ทำให้พงศาวดาร
เยอรมันถึงกับบันทึกราย ละเอียดเกี่ยวกับเขาเอาไว้ว่า "ทรราชย์ในทรราชย์ กระหายเลือดที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์" เลยทีเดียวแหละครับ

ท้ายที่สุดก็อย่างที่กล่าวไปข้างต้น บราม สโตเกอร์ ได้เอาประวัติเปื้อนเลือดของ วลาดนักเสียบมาเขียนนวนิยายเกี่ยวกับตัวตนอันชั่วร้ายกระหายชีวิตเหยื่อนาม
เคาท์แดร็คคิวลา ให้คนรุ่นหลังได้อ่านกันในภายหลัง
ชื่อ: Re: ตำนานแวมไพร์ : ราชาแห่งผีดูดเลือด
โดย: etatae333 เมื่อ 07 มิถุนายน 2011, 12:58:47
Erzebet Bathory สตรีผู้อาบและดื่มเลือดหญิงสาว

(http://www.crimetv.ro/wp-content/uploads/2010/09/bathory.jpg)

บุคคล ในประวัติศาสตร์อีกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตำนานแวมไพร์อย่างลึกซึ้งได้แก่  Erzebet Bathory

ข้อมูลหลายแหล่งกล่าวตรงกันว่าเธอเป็นเคาท์เตสผู้เลอโฉมคนหนึ่ง ซึ่งทำให้ผู้รับรู้เรื่องราวของเธอต้องตกตะลึงมานักต่อนักแล้ว เปล่าหรอกครับ...
ไม่ได้ตะลึงเพราะความงามนะ แต่ตะลึงในความโหดร้ายของเธอหลังจากที่ได้รับการรายงานเรื่องความโหดร้ายของ เธอ ในตอนสอบสวนคดี Bathory
เมื่อปี 1611 ในฮังการีตะหากล่ะครับ

Erzebet Bathory ได้สังหารหญิงสาวไปมากกว่า 300 นาง จากนั้นจึงนำเอาร่างอันปราศจากลมหายใจของเหยื่อไปใส่ไว้ในโลงที่มีเหล็กแหลม
เพื่อทำการคัดเอาเลือดสดๆของเหยื่อออกมา ผู้ติดตามของ Bathory พากันสารภาพว่าที่เคาท์เตสแสนสวยทำลงไปเช่นนั้นเพราะต้องการดื่มเลือดสดๆของ
เหยื่อ วันดีคืนดีก็มีการนำมาอาบบ้าง ด้วยเชื่อว่าเลือดสดๆของหญิงสาวจะช่วยรักษาความเยาว์วัยและยืดอายุขัยของเธอ ออกไปได้
(โหดแฮะ... เจอเข้าแบบนี้นางแม่มดวาชิกาแห่งเพชรพระอุมากลายเป็นสุภาพสตรีไปเลยเนี่ย)

(http://fc05.deviantart.net/fs32/f/2008/215/5/c/elizabeth_bathory_III_by_mehmeturgut.jpg)

กิจกรรม โหดของ Bathory ต้องสิ้นสุดลง เพราะทางการทนฟังเสียงร้องเรียนจากประชาชนกรณีหญิงสาวหายตัวไปอย่างลึกลับ ไม่ไหว
กองทหารเล็กๆกองหนึ่งได้รับคำสั่งลับให้สืบสวนเรื่องนี้โดยด่วน (ผู้นำกองทหารดังกล่าวนี้เป็นญาติของ Bathory เองครับ)

สายสืบรายงานว่าหญิงสาวที่หายไปนั้น ร่องรอยสุดท้ายของพวกเธอมักขาดหายไปบริเวณคฤหาสน์ของเคาท์เตส Erzebet Bathory
ภายหลังจากตรวจสอบจนแน่ใจแล้ว ผู้นำกองทหารจึงตัดสินใจบุกเข้าตรวจค้นคฤหาสน์ของเคาท์เตส Bathory โดยไม่ต้องอาศัยหมายศาล

พวก เขาต้องตกตะลึงภายหลังจากพังประตูปราสาทเข้าไปแบบไม่บอกกล่าว และพบว่า Bathory และสาวกกำลังประกอบกิจกรรมชนิดไหนกันอยู่
การจับกุมแบบยกแก๊งเกิดขึ้นโดยไม่ต้องมีการสอบสวนเนื่องจากพยานวัตถุมีให้ เห็นอยู่ทนโท่ ตัว Erzebet Bathory เองพยายามติดสินบนเจ้าหน้าที่
เพื่อให้ปล่อยตัวเธอไปแต่ไม่มีใครยอมเล่นด้วย ครับ เธอรอดโทษทัณฑ์ประหารชีวิตไปได้เพราะความที่มีเชื้อเป็นเจ้าใหญ่นายโต ถึงกระนั้นการโดนจองจำ
ในห้องขังที่ไม่มีทั้งประตูและหน้าต่างไปตลอดชีวิต ก็ไม่ถือว่าสาสมกับบาปที่ตัวเธอได้ก่อขึ้น Bathory ใช้เวลาที่เหลือจากวันไต่สวนจวบจนสิ้นอายุขัย
ในห้องขังดังกล่าวนั้นเองครับ

(http://farm5.static.flickr.com/4082/4747681179_c7549a18e6.jpg)

เข้า ใจว่า บราม สโตเกอร์ นำเรื่องของปราสาของ Erzebet Bathory อันเป็นปราสาทที่เต็มไปด้วยห้องใต้ดินและกลไกอันซับซ้อนมาเป็นโมเดล
ของปราสาทของท่านเคาท์แดร็คคิวลาในนิยายของเขาในภายหลัง ส่วนใครที่สงสัยว่าปราสาทที่เต็มไปด้วยกลไกอันตรายนั้นเป็นอย่างไร
ลองหา Castlevania มาเล่นดูซักภาคสิครับ เดี๋ยวก็บางอ้อเองแหละ