เรื่องมีอยู่ว่า เราไปเที่ยวสถานฑูตเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2554 กับมีเพศสัมพันธ์กับน้องคนหนึ่งเป็นเบอร์ B หลังเสร็จภารกิจ น้องถามเราว่าใช้เงินเที่ยวเดือนละเท่าไร เราตอบว่าประมาณ 5,000 บาท น้องปารภให้ฟังว่าเป็นพนักงานขายบริการมานาน เช่าหอพักอยู่กับลูกต้องเสียค่าห้องพักเดือนละ 4,000 บาททุกเดือน อยากผ่อนคอนโดสักห้องไปดูมาแล้ว ราคา 209,000 บาท ผ่อนเดือนละ 1,800 บาท เพียง 15 ปี ก็หมดแต่ว่าการเป็นพนักงานบริการมา 3 ปีแล้ว ไม่มีสลิปเงินเดือน ไม่มีรายได้ที่แน่นอนธนาคารไม่ยอมปล่อยสินเชื่อ ปรึกษาใครก็ไม่มีใครช่วยเหลือได้ เราฟังแล้วก็อดสงสารอยากช่วย ก่อนออกจากห้องน้องขอความช่วยเหลือด้วยสายตาที่น่าสงสาร อยากให้ซื้อเป็นชื่อเรา ถ้าเราช่วยได้ก็ให้เรามานอนกับน้องที่ห้องได้น้องจะดูแลอย่างดี พี่ก็ประหยัดเงินในการเที่ยวสักเดือนละ 2 ครั้งแล้วมาอยู่กับน้อง น้องก็จะได้ห้องเป็นของตัวเอง เราอยากช่วยเหลือแต่กลัวเมียรู้ สงสารก็สงสาร จะซื้อเป็นชื้อเราก็ไม่ได้เพราะเมียต้องเซ็นรับรอง สลิปเงินเดือนเรามีเงินแหลืออเดือนละสามหมื่นกว่า แต่ก็เปิดเผยไม่ได้ พยายามก็คิดไม่ออกว่าจะช่วยเธอได้อย่างไร ใครมีทางออกช่วยบอกหน่อยสงสารน้อง
เรื่องมีอยู่ว่า เราไปเที่ยวสถานฑูตเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2554 กับมีเพศสัมพันธ์กับน้องคนหนึ่งเป็นเบอร์ B หลังเสร็จภารกิจ น้องถามเราว่าใช้เงินเที่ยวเดือนละเท่าไร เราตอบว่าประมาณ 5,000 บาท น้องปารภให้ฟังว่าเป็นพนักงานมานานเช่าหอพักอยู่กับลูกต้องเสียค่าห้องพักเดือนละ 4,000 บาททุกเดือน อยากผ่อนคอนโดสักห้องไปดูมาแล้ว ราคา 209,000 บาท ผ่อนเดือนละ 1,800 บาท เพียง 15 ปี ก็หมดแต่ว่าการเป็นพนักงานสถานฑุตไม่มีสลิปเงินเดือน ไม่มีรายได้ที่แน่นอนธนาคารไม่ยอมปล่อยสินเชื่อ ปรึกษาใครก็ไม่มีใครช่วยเหลือได้ เราฟังแล้วก็อดสงสารอยากช่วย ก่อนออกจากห้องน้องขอความช่วยเหลือด้วยสายตาที่น่าสงสาร อยากให้ซื้อเป็นชื่อเรา ถ้าเราช่วยได้ก็ให้เรามานอนกับน้องที่ห้องได้น้องจะดูแลอย่างดี พี่ก็ประหยัดเงินในการเที่ยวสักเดือนละ 2 ครั้งแล้วมาอยู่กับน้อง น้องก็จะได้ห้องเป็นของตัวเอง เราอยากช่วยเหลือแต่กลัวเมียรู้ สงสารก็สงสาร จะซื้อเป็นชื้อเราก็ไม่ได้เพราะเมียต้องเซ็นรับรอง สลิปเงินเดือนเรามีเงินแหลืออเดือนละสามหมื่นกว่า แต่ก็เปิดเผยไม่ได้ พยายามก็คิดไม่ออกว่าจะช่วยเธอได้อย่างไร ใครมีทางออกช่วยบอกหน่อยสงสารน้อง
ผมมองว่า ตรงดีนะครับ ชี้แจงเงื่อนไข ตั้งแต่แรก
แต่ก็อย่าเสียเปรียบครับ อนาคตอะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ
ในกรณีท่านมีครอบครัวแล้วแล้วผมว่าเสี่ยงเกินไป และไม่เหมาะอะครับ
ขึ้นชื่อว่าเงินเที่ยวก็แปลว่าท่านต้องการความแปลกใหม่
มันไม่เกี่ยวกับประหยัดไหม แค่ต้องการเวลาไหนก็ได้นี่
เอาเมียที่บ้านก็เหมือนกัน
อีกอย่าง น้องคงไม่ได้ขอเราคนเดียวหรอกครับ
เก็บเงินไว้เจอของใหม่เรื่อยๆ หรือเพื่อครอบครัวดีกว่า
ยังไงก็แค่เที่ยว หลวมตัวไปช่วยปัญหามันจะตามมาเยอะ
อย่างปัญหารองเท้าหน้าห้องนี่ก็เจ็บมาหลายรายละ
dsgjsd
ถ้าเซ็นไปแล้ว เท่ากับท่านค้ำประกันเลยนะครับหน่ะ เจอหนีขึ้นมา ก็หนาวแน่นอน
อย่าไปคิดมากครับ ต่างกรรมต่างวาระ เอ็นดูเขาเอ็นเราขาด
คิดเสียว่า วันนี้เราก็ได้ช่วยน้องเขาแล้วก็พอ ....
หย่าเชื่อกับสิ่งที่เราเห็นตรงหน้าครับ