สุดยอด 10 อันดับสิ่งเร้นลับที่ยังไม่คลี่คลาย
10. ผลพลาเซโบ (Placebo Effect)
(http://www.redicecreations.com/ul_img/6999placebo_big.jpg)
ผลพลาเซโบ คือ ปรากฎการณ์ที่คนเราทานบางสิ่งที่เขาคิดว่าคือยา (แต่ไม่ใช่ยาจริง) เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย
แล้วเขามีอาการดีขึ้น. พลาเซโบเป็นสารเฉื่อย (โดยมากเป็นเม็ดแป้ง) เมื่อทานเข้าไป (โดยมีผู้แนะนำว่าจะรักษาอาการเจ็บป่วยได้)
ทำให้เขาหายป่วยเพียงเพราะว่าเขาเชื่อว่าสิ่งนั้นคือยาที่สามารถรักษาโรคได้จริงๆ
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้เป็นสิ่งเร้นลับที่ยังไม่มีคำตอบ อาจเป็นเพราะการเชื่อมต่อของสมอง
กับร่างกายเป็นสิ่งลึกลับซับซ้อนที่เรายังไม่เข้าใจ. ดังดำว่า "ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว"
ร่างกายและจิตของคนเรายังมีสิ่งเร้นลับอยู่อีกมาก
9. แพนสเปอเมีย (Panspermia)
(http://cache.io9.com/assets/images/8/2010/07/panspermia2_01.jpg)
ชีวิตบนโลกเกิดขึ้นได้อย่างไร? วิทยาศาสตร์บอกเราว่าชีวิตเกิดขึ้นเมื่อเกิดสภาวะเหมาะสมเป็นถิ่นที่อยู่
แต่กระนั้นพวกจุลชีพดูเหมือนจะโผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้? สมมุติฐานอันหนึ่งคือแพนสเปอเมีย,
ซึ่งกล่าวว่า "เม็ดพันธ์แห่งชีวิต" ปรากฎอยู่ทุกที่ในเอกภพ และชีวิตบนโลกเริ่มขึ้นเมื่อ "เม็ดพันธ์" นี้
เดินทางมาถึงโลก บางทีมากับอุกาบาต. สมมุติฐานนี้บอกต่อไปว่าเม็ดพันธุ์นี้ยังถูกนำไปยังถิ่นอื่นๆ
ในเอกภพอีกด้วย
ความเชื่อที่คล้ายกันนี้คือต้นกำเนิดนอกโลก (exo-genesis) ตามความเชื่อของบางศาสนา
ความเชื่อนี้บอกว่าชีวิตถูกนำมายังโลกเมื่อหลายพันล้านปีมาแล้ว แต่ไม่ได้กล่าวว่าถูกนำไปยังถิ่นที่อยู่อื่นๆ
ด้วยหรือไม่ หลายคนเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตต่างดาวนำชีวิตมายังโลกของเรา
ตามทฤษฎีของ อีริค ฟอน ดานิเคน (Erich Von Daniken). แม้ว่าหลายคนยังสงสัยว่าชีวิตดำรง
อยู่กระจัดกระจายในเอกภพได้อย่างไร และ ถูกพาไปยังดวงดาวต่าง มีหลักฐานที่แน่ชัดว่ารูปแบบของชีวิตบางอย่าง
เช่นสปอร์บางชนิดของแบคทีเรียสามารถดำรงอยู่ได้ในอวกาศ ในสภาวะหยุดการเจริญเติบโตชั่วคราว
8. การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ (Mass extinctions)
(http://www.earthmagazine.org/sites/earthmagazine.org/files/1324689388/i-269-7d9-9-2.jpg)
นับตั้งแต่การดับสูญของไดโนเสาร์ จนถึงการหายไปของสิ่งมีชีวิตในยุคเปอร์เมียน (Permian Era)
การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่กำลังเกิดขึ้นอยู่แม้กระทั่งในตอนนี้. บางครั้ง, สาเหตุการเกิดนั้นมันชัดเจน
เรากำลังทำลายชั้นบรรยาชีพ (ไบโอสเฟียร์) และชั้นบรรยากาศ, และนักวิทยาศาสตร์ทำนายว่า
ในอีก 100 ปีข้างหน้า 50% ของชีวพันธุ์ทั้งหมด (living species) จะสูญพันธุ์
แต่บางครั้งเหตุผลที่แท้งจริงยังครุมเครือ. อาจเป็นเพราะการแก่งแย่งกับชีวพันธ์อื่นๆ การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศครั้งใหญ่
หรือแรงกระแทกจากดาวเคราะห์น้อยหรืออุกาบาตุ (เหตุผลประการหลังนี้ได้รับการเชื่อถืออยูมาก)
กระนั้นก็ตามคำถามบางคำถามยังคงหาคำตอบไม่ได้ นั่นคือทำไมว่าบางชีวพันธุ์เท่านั้นที่ดับสูญ
และชีวพันธุ์อื่นอยู่รอด บางชนิดดำรงอยู่กระทังถึงทุกวันนี้ (ตัวอบ่างที่โด่งดังคือ ปลาซีลาแคนท์
ที่คิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้วนั่นเอง) ในช่วงที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์ ในสมัยนั้นก็ยังมีจระเข้กับเต่าอยู่เลย
และมันยังดำรงพันธุ์อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ในขณะที่ไดโนเสาร์ พเทอโรซอรัส (pterosaurus)
สัตว์เลื้อยคลานในทะเลและชีวพันธุ์อื่นๆ ดับสูญ
หลายคนเชื่อว่าชีวพันธุ์ที่สูญพันธุ์ไปเพราะว่ามันไม่สามารถปรับตัวเข้ากับ (อาจจะเกิดขึ้น) สิ่งแวดล้อมใหม่ได้
แต่หลายคนก็ยังไม่เชื่อ จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ การสูญพันธุ์ก็ยังเป็นปริศนาคาใจอยู่ และถ้าไม่มีเครื่องจักรเวลาที่
จะนำเราย้อนกลับไปในอดีต, บางทีเราอาจหาคำตอบที่แท้จริงได้
ทฤษฎีอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมก็มีปรากฎการณ์หินภูเขาไฟละลายท่วม (flood basalt events),
ฝนดาวตกขนาดเล็ก (smaller asteroid showers), ภาวะโลกร้อน/เย็น, ระดับน้ำทะเลลด
7. สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา (Bermuda Triangle) [Wikipedia]
(http://www.biratsansar.com/wp-content/uploads/2011/07/bermuda_triangle.gif)
สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา คือน่านน้ำในมหาสทุทธแอตแลนติกเหนือซึ่งเรือบินและเรือจำนวนมากได้หายไปอย่างประหลาด
โดยไร้ร่องรอย
หลายปีที่ผ่านไปก็มีอธิบายออกมาเพื่อไขปัญหาการหายไปอย่างลึกลับนี้, มีทั้ง อากาศที่เลวร้าย,
การลักพาตัวไปโดยชีวพันธ์นอกโลก, การบิดเบี้ยวของกาลเวลา (time warps), และ การที่กฎต่างๆ
ทางฟิสิคส์ไม่ทำงาน.
แม้ว่าจะมีเอกสารจำนวนมากที่ถูกกล่าวว่าเป็นรายงานการสาบสูญที่กล่าวเกินจริงไป
แต่ก็ยังไม่มีคำอธิบาบการหายไปเของเรือบินและเรือจำนวนมากในบริเวณนั้นอยู่ดี
6. ญาณ (Intuition)
(http://uspsychicsearch.homestead.com/11.jpg)
คุณเคยเรียนรู้บางสิ่งโดยไม่ได้รู้เลยว่าคุณรู้มันได้อย่างไร? นั่นล่ะคือญาณ. บางครั้งก็เรียกมันว่าสัมผัสที่หก
หรือ กัทฟีลลิ่ง (gut feelings – ยากจะหาคำแปล คล้ายกับเป็นการรู้โดยใช้ความรู้สึกล้วนๆ)
ญาณคือความสามารถในการได้มาซึ่งตวามรู้โดยไม่มีที่มาที่ชัดเจน หรือไม่มีเหตุผลใดๆ
บางคนอ้างว่าเขารู้ตัวว่ามีบางคนจ้องมองเขาอยู่, และเมื่อเขาหันมองไปรอบๆ และก็พบว่ามีคนจ้องเขาอยู่จริงๆ
หรือว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจมองผู้ต้องสงสัยในคดีอาชญากรรม และ ด้วยวิถีบางอย่างเขารู้ว่าใครคืออาชญากร
และต่อมาก็พบว่าเขาคาดเดาได้ถูกต้อง. ถึงแม้ว่ามีบางคนกล่าวว่าสิ่งเหล่านี้คือความบังเอิญ
บางคนก็เชื่อว่าสมองคนมีความสามารถพิเศษที่จะรับความรู้รอบตัวเขาได้อย่างไม่รู้ตัว
นี่ก็เป็นสิ่งลี้ลับอีกประการหนึ่งของจิตมนุษย์
5. 2012
(http://www.xda-developers.com/wp-content/uploads/2011/12/2012-1.jpg?139d23)
อะไรที่ทำให้ปีนี้พิเศษกว่าปี่อื่นๆ? เพราะว่าปีนี้เป็นปีที่โอลิมปิคจัดที่ลอนดอนหรือเปล่า? ก็ไม่ใช่
อารยธรรมมายาโบราณจากอเมริกากลาง มีปฏิทินพิเศษที่ถูกต้องแม่นยำอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
และปฏิทินนี้ทำนายว่าจุดจบของวัฏจักรชีวิตมนุษย์ขาติคือ คือ วันที่ 21 ธันวาคม 2012
ซึ่งเป็นวันสุริยะสถิตย์ของฤดูหนาว (winter solstice) วันนี้ดวงอาทิตย์จะอยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรมากที่สุด
(ปีหนึ่งมีสองวัน อีกวันหนึ่ง คือวันที่ 21 มิถุนายน เป็นวันสุริยะสถิตย์ของฤดูร้อน)
ชาวมายันยังเชี่ยวชาญทางคณิตศาสตร์และดาราวิทยา (astrology – โหราศาสตร์)
(พวกเขาได้ทำนายการเกิดคราสที่เกิดขึ้นภายหลังนับร้อยๆ ปี ได้อย่างแม่นยำมาก)
ดังนั้นเองผู้คนต่างเชื่อกันว่าคำทำนายของชาวมายันเกี่ยวกับจุดจบของโลกน่าจะถูกต้องเช่นกัน
มีสื่งอื่นๆ ที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์ อยากรู้อยากเห็น คือว่ามีปรากฎการณ์ทางดวงดาวที่สำคัญๆ
ที่จะเกิดในปี 2012. นอกเหนือไปจากคราสและอุกาบาตที่เกิดขึ้นตามปกติแล้ว
ระบบสุริยะจักรวาลทั้งหมดจะเคลื่อนผ่านศูนบ์กลางของดาราจักร บางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นหนึ่งครั้งในทุกๆ 26,000 ปี
และมีโอกาสเสี่ยงที่มีการสับขั้วของดาวเคราะห์ของเรา.
ฟังดูเหลือเชื่อใช่ไหม แต่นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าปรากฎการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
นอกจากนั้น ปฏิทินอินเดีย กลียุค (Kali Yuga) จบลงในราวเวลาเดียวกันนี้
บังเอิญตรงกัน?
4. ชีวิตบนดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ (Life on exoplanets)
(http://www.twi8er.com/wp-content/uploads/2012/02/home.jpg)
ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ มีทั้งหมด 277 ดวง ตามที่บันทึกไว้ถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันว่า
มีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวดวงใดดวงหนึ่งใน 277 ดวงนั้น หรือแม้แตในเอกภพ
กระนั้นเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องลี้ลับ เรื่องนี้แตกต่างจาก จานบิน หรือ ยูเอฟโอ เพราะ ยูเอฟโอคือวัตถุบินลึกลับ
หมายถึงมีการพบบางลิ่งที่ไม่สามารถระบุได้บินอยู่เหนือโลกมนุษย์ ดาวเคราะห์นอกที่ดูเหมือนว่าน่าจะมีสิ่งสนับสนุน
การเกิดของสิ่งมีชีวิตได้แก่ Gliese 581 d และ HD 189733 b, ดาวดวงหลังนี้มีไอน้ำและสารอืนทรีย์
ยังมีคำถามอื่นอีกเช่นว่ามีดวงจันทร์โคจรรอบดาวเหล่านี้หรือไม่ บางคนเชื่อว่าอาจมีสิ่งมีชีวิตแม้ในระบบสุริยะของเรา
ที่เรายังไม่รู้ ดวงจันทร์บางดวง อย่างเช่นไครตันของเนปจูน หรือ ยูโปของดาวเสาร์อาจเป็นไปได้ว่ามี
หรือเคยมีสิ่งมีชีวิตอยู่ และยังมีหลักฐานที่เชื่อได้ว่าครั้งหนึ่งเคยมีน้ำไหลบนดาวอังคาร กระนั้นยังไม่มีผู้ใดทราบ
3. เส้นนาซคา (Nazca Lines)
(http://www.scienceofstrategy.com/images/nazca_lines_invisible.gif)
ที่เจาะเป็นร่องลึกเข้าไปในผิวโลกบนทุ่งราบนาซคาในเปรู คือสัญญลักษญ์มหึมาวาดเป็นเส้นตรงไม่ขาดตอน
บางเส้นมีควายยาวหลายร้อยเมตร. เส้นเหล่านี้ดูเหมือนว่าลากขึ้นมาโดยมือยักษ์เมื่อสองพันปีล่วงมาแล้ว
และที่แปลกประหลาดก็คือ สามารถมองเห๋นเส้นเหล่านี้ได้จากบนอากาศเท่านั้น
แล้วชาวนาซคานโบราณวาดมันขึ้นมาทำไม? นักค้นคว้ากล่าวว่าชาวนาซคานโบราณต้องสร้างบอลลูนลมร้อน
หรือว่าวขึ้นมาเพื่อมองดูผลงานของตน อันที่จริงมีการทดลองและพิสูจน์ได้ว่าชาวนาซคานสามารถสร้างบอลลูน
ที่ใช้งานได้ ตัวสัญญลักษณ์เหล่านี้คือรูปสัตว์และต้นไม้ กระนั้นบางอันเป็นแถบยาวๆ บนพื้นดินโดยไม่มีความหมายอะไรเลย
นักเขียนนาม อีริค ฟอน ดานิเคน (Erich Von Daniken) เชื่อว่าเส้นเหล่านี้คือทางสำหรับลงจอดสำหรับยานอวกาศ
ของมนุษย์ต่างดาว และมนุษย์ต่างดาวพวกนั้นอาจเป็นผู้ทำมันขึ้นมาเอง เส้นนาซคานี้อาจทำขึ้นมาสำหรับไว้ติดต่อ
กับมนุษย์ต่างดาวพวกนั้นก็ได้
มาเรีย รีข (Maria Reiche), นักดาราศาสตร์, กล่าวว่าเส้นเหล่านี้อาจใช้เป็นปฏิทิน หรือใช้เพื่อติดตามเส้นทางของดวงดาว
และดาวเคราะห์ มีรูปวาดเป็นรูปลิงที่มีหางม้วนที่ดูคล้ายเส้นโคจรของระบบสุริยะของเรา นอกจากนั้นยังมีทฤษฎีที่ครุมเคลือ
กล่าวว่ามีคนยักษ์เมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว แน่นอนเหล่านี้คือสิ่งลิ้ลับที่ยังคำตอบไม่ได้
2. โครงสร้างหินขนาดยักษ์ (Megalithic structures)
(http://4.bp.blogspot.com/-iqw6OTTodwE/Tpv8MJJyKtI/AAAAAAAABJU/o8Ksdrmq_YQ/s1600/UK-StonehengeDM3004_468x299.jpg)
โครงสร้างหินขนาดยักษ์ ที่จัดว่าเป็นสิ่งเร้นลับนี้ อาจเป็นอนุสาวรีย์ หรือเป็นแค่ก้อนหินที่กระจัดกระจายเป็นรูปแบบใดแบบหนึ่ง
สิ่งที่เร้นลับจริงๆ เกี่ยวกับสมัยโบราณคือ คนเหล่านั้นสร้างสิ่งใหญ่โตมหึมาเหล่านี้ขึ้นมาได้อย่างไร?
ผู้คนสมัยนั้นไม่มีเทคโนโลยีที่จำเป็นในการสร้างมันขึ้นมาได้ กองหินประหลาดสโตนเฮนจ์ (Stonehenge) คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัด
ตัวอย่างที่ใหญ่กว่านั้นคือปิรามิดยักษ์ที่กิซา, หรือปิรามิดในตัวของมันเอง บางครั้ง วัตถุประสงค์ในการสร้างก็ไม่ชัดเจน (สโตนเฮนจ์)
ในขณะที่บางที, โครงสร้างของสิ่งก่อสร้างนั้นลึกลับและเหมือนว่าดูเหนือธรรมชาติ (ปีระมิด) สิ่งก่อสร้างเหล่านี้ใช้หินขนาดยักษ์
โดยเฉพาะในกรณีของ สโตนเฮนจ์ และ กองหินคาร์แมค แต่ก็มีโครงสร้างหินยักษ์บางแห่งก็ไม่ลึกลับ (เช่น Great Zimbabwe)
แต่ส่วนใหญ่แล้ว ดูเหมือนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่คนยุคโบราณจะสร้างมันขึ้นโดยพวกเขาเอง
เอาละหลายคนอาจจะคิดว่ามนุษย์ต่างดาวช่วยคนสมัยโบราณนั้นสร้างมันขึ้นมา แม้แต่บรรดานักวิทยาศาสตร์ยังพูดอะไรแปลกกว่านี้
นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าอาจจะมีอารยธรรมโบราณที่สาบสูญไปแล้วที่ก้าวหน้าสูงมาก และถ่ายทอดความรู้ในการสร้างสิ่งเหล่านี้
ให้กับอารยธรรมรุ่นหลัง แต่ก็ไม่มีหลักฐานสำคัญอันใดที่จะสนับสนุนเรื่องนี้เช่นกัน
ตัวอย่างโครงสร้างหินยักษ์อื่นๆ ได้แก่: หินรูปศรีษะที่เกาะอีสเตอร์ (Easter Island Heads), ปิรามิดดวงอาทิตย์ ในเมโสอเมริกา,
ปิรามิดอื่นๆ ในอเมริกากลางและใต้, รูปปั้นขนาดใหญ่มหึมาแห่งโรด (Colossus of Rhodes).
1. กำเนิดของเอกภพ (Creation of the Universe)
(http://10awesome.com/wp-content/uploads/2011/07/5.-multiverse.jpg)
เอกภพไพศาลและไม่ล่วงรู้ เอกภพมีสิ่งเร้นลับมากมาย. และบางทีสิ่งที่เร้นลับที่สุดของเอกภพเอง
คือเอกภพเกิดขึ้นได้อย่างไร และใครเป็นผู้สร้าง
นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่ามีการระเบิดขนาดมหาศาลเกิดขึ้นเมื่อหลายพันล้านปีมาแล้ว เรียว่า บิกแบงก์ (The Big Bang)
ทฤษฎีนี้ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป, และนักวิทยาศาสตร์กำลังมองหาร่องรอยของพลังงานที่เหลือจากการระเบิดมหึมา
ที่ให้กำเนิดดวงดาวแสนล้านดาง
กระนั้นยังไม่มีการพิสูจน์ที่สมบูรณ์ แต่การกำเนิดของเอกภพเป็นบางสิ่งที่ใหญ่เกินไปที่จะเกิดขึ้นมาง่ายๆ แบบนี้
ศาสนิกชนต่างกล่าวว่า พระเจ้า/พระอัลล่าห์/พระวิษณุ สร้างเอกภพขึ้นมา แต่นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าไม่ใช่ มันมีบิกแบงก์
แล้วก็มีพลังงานจากการการะบิดเคลื่อนที่ผ่านเอกภพ และนักวิทยาศาสตร์พยายามหาจุดระเบิดอยู่ (epicentre)
ฉนั้น การโต้เถียงดำเนินต่อไป. ศาสนา vs. วิทยาศาสตร์ อาจเป็นการขัดแย้งที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ได้
แต่ศาสนาคืออะไร? มีศาสนามากมายหลายแบบ และความแตกต่างระหว่างศาสนาคริสต์กับตำนานวิทยากรีกคืออะไร?
ไม่มีใครเชื่อในตำนานวิทยากรีกอีกต่อไป แต่วิทยาศาสตร์ล่ะคืออะไร? และคณิตศาสตร์คืออะไร? คือสิ่งที่สร้างโดยมนุษย์
ดังนั้นก่อนที่จะกล่าวมนุษย์สร้างพระเจ้าและวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริง ชาวบ้านควรตระหนักว่ามนุษย์สร้าง
วิทยาศาสตร์ขึ้นมาเช่นเดียวกัน และ บางทีเอกภพอาจเป็นบางอย่างที่จิตเราสร้างมันขึ้นมาก็ได้
cradit :: roypad.com
dsgjsd ความรู้ ความรู้ pongz
ขอบคุณสำหรับเนื้อหาครับ
pongz
ขอบคุณครับ ความรู้ใหม่ pongz
ขอบคุณคราบ
ขอบคุณ ค๊าบ
ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะมีบนโลก scary
hgjhgชอบจริงๆครับ
น่าสนใจมักๆๆ roister
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวครับ
ขอบคุณ ค๊าบ
อ่านเพลินดีนะครับเรื่องพวกนี้ ;khhg