มาเรีย มาร์เตน กับโรงนาสีแดง
(http://upic.me/i/nm/martinandcordermaginnserialpg41-buriedpassionscopy.jpg) (http://upic.me/show/43892955)
การฆาตกรรมแห่งโรงนาสีแดงเป็นคดีดังในตำนานของอังกฤษ เกิดขึ้นที่โพลสเตลด,ซัฟโฟล์ค, ประเทศอังกฤษในปี 1827
ที่จริงมันก็อาจเรียกได้ว่าเป็นคดีปริศนาก็ว่าได้ แม้จะจับคนมาลงโทษเอาผิดได้แล้วก็เถอะ แต่เรื่องมันยังไม่จบเท่านี้นะครับ
มันยังมีอะไรหลายๆ อย่างให้น่าค้นหาหรือน่าสงสัยอีกเพียบ เรียกว่าลึกลับซ้อนความลึกลับทีเดียว แถมมีเรื่องเหนือธรรมชาติ
เพิ่มขึ้นมาอีก ซึ่งมีอะไรบ้างนั้นก็อ่านด้านล่างเลยครับ
เรื่องราวเริ่มต้นในปี 1827 ที่หมู่บ้านโพลสเตด (Palstead) ในประเทศอังกฤษ เมื่อหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่งชื่อ มาเรีย มาร์เตน (Maria Marten)
ถูกยิงเสียชีวิตโดยคนรักของเธอ ศพถูกฝังในโรงนาเพื่ออำพรางคดี และเมื่อฝังเสร็จเขาก็หนีไปใช้ชีวิตในลอนดอน พร้อมสวมรอยเขียนจดหมายส่งกลับไป
เพื่อให้ดูเหมือนว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ กระทั่ง 1 ปีผ่านไป นางมัวร์ แม่เลี้ยงของผู้ตายได้เกิดฝันประหลาดเข้า เห็นวิญญาณมาเรียมาบอกว่าโดนฆ่า
ขอให้แม่เลี้ยงเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ตัวเธอ
และนี่เป็นจุดเริ่มต้นคดีฆาตกรรมแห่งโรงนาสีแดง (Red Barn Murder) อันลือลั่นในอังกฤษ
(http://upic.me/i/on/j4201.jpg) (http://upic.me/show/43892945)
มาเรีย มาร์เตน อายุ 24 ปี เป็นลูกสาวของนาย โธมัส มาร์เตน ชาวบ้านธรรมดาที่ทำอาชีพจับตุ่น ฐานะค่อนข้างยากจน ความจนทำให้เธอ
หวังที่จะแต่งงานกับคนรวยเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น เมื่อพบกับวิลเลียม เธอรีบโดดคว้าโอกาสแสนงามไว้โดยไม่สนประวัติ
หรือนิสัยที่ไม่ดีของเขาเลยแม้แต่น้อย
วิลเลียม คอร์เดอร์ เป็นบุตรชายคนที่ 3 ของครอบครัวเกษตรกร ฐานะร่ำรวยพอสมควร หน้าตาดีมีสาวๆในหมู่บ้านติดพันหลายคน มีชื่อเสียงด้านลบ
ว่าเป็นเสือผู้หญิง ชาวบ้านตั้งฉายาเขาว่า "จิ้งจอก" เพราะนิสัยกลับกลอก เจ้าเล่ห์ขี้โกง โกงแม้กระทั่งพ่อตัวเอง
(http://upic.me/i/u0/000015387.jpg) (http://upic.me/show/43892947)
ภายหลังเขาถูกจับได้ว่าปลอมแปลงเอกสารและโกงผลผลิตจากชาวบ้าน จึงเป็นเหตุทำให้ทางครอบครัวขายหน้าจึงต้องส่งตัวเขาไปอยู่ลอนดอน
วิลเลียม คอร์เดอร์ อย่างไรก็ตาม ไม่นานนักวิลเลียมก็ถูกเรียกกลับเมื่อพี่ชายของเขาจมน้ำเสียชีวิต และในเวลาต่อมาพ่อกับพี่ชายอีกคนของเขา
ก็เสียชีวิตลงอย่างมีเงื่อนงำ มรดกและฟาร์มพื้นที่กว่า 300 เอเคอร์ จึงตกอยู่ในมือของเขาทั้งหมด
ยามว่าง ทั้งสองมักไปพลอดรักกันในโรงนาขนาดใหญ่บนเนินเขาบาร์นฟิลด์ (Barnfield Hill) ไกลจากบ้านเธอประมาณครึ่งไมล์ โรงนาขนาดใหญ่
สร้างด้วยไม้ หลังคามุงกระเบื้องสีแดง เมื่อแสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องเข้ามาเหมือนโรงนาอาบไปด้วยสีแดงทั้งหลัง ด้วยเหตุนี้ชาวบ้าน
มักเรียกติดปากว่า "โรงนาสีแดง"
เมื่อมาเรียตั้งท้อง เธอกดดันให้เขาแต่งงานด้วย แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังนิ่งเฉย กระทั่งเธอคลอดเด็กทารกและเด็กเสียชีวิตอย่างไม่ทราบสาเหตุ
มาเรียกล่าวโทษว่าเขาทำให้ลูกตาย (ต่อมามีการพิสูจน์ว่าเด็กทารกถูกฆาตกรรม) วิลเลียมนั้นไม่เคยคิดแต่งงานด้วยเลย เพราะมาเรียเป็นเพียง
ลูกสาวชาวบ้านจนๆ ซึ่งไม่มีวันเข้าสังคมของเขาได้ ทว่าเมื่อโดนบีบหนักเข้า เขาจึงเริ่มมองหาทางออก
ทางออกสุดท้ายที่เขาคิดไว้คือ ฆ่าเธอซะเพื่อตัดปัญหา!!
(http://upic.me/i/mv/10118115william-corder-ellis-kills-maria-marten-posters.jpg) (http://upic.me/show/43892948)
18 พฤษภาคม 1827 เขานัดพบเธอที่โรงนาสีแดงแหล่งพลอดรัก บอกว่าจะพาหนีไปเริ่มชีวิตใหม่ด้วยกัน เมื่อถึงเวลานัด หมาย มาเรียปลอมตัว
เป็นชายเพื่ออำพรางสายตาชาวบ้าน ออกจากบ้านเร่งฝีเท้าตรงมาที่โรงนาสีแดง ซึ่งเวลานั้นเองโธมัสผู้เป็นพ่อเห็นเข้าพอดี นี่เป็นภาพสุดท้าย
ที่เขาได้เห็นขณะเธอยังมีชีวิตอยู่
ท่านผู้อ่านคงเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น วิลเลียมสังหารมาเรียด้วยปืน และลากศพเธอไปฝังในโรงนาสีแดง ก่อนที่เขาจะหนีไปอยู่ลอนดอน
เมื่อครอบครัวของมาเรียไม่ได้ข่าวคราวหลายเดือน โธมัสพยายามติดต่อวิลเลียม พร้อมกับขู่ว่าหากไม่ตอบกลับว่า ตอนนี้มาเรียเป็นอย่างไร
พวกเขาจะไปแจ้งตำรวจ ด้วยแรงกดดัน ทำให้วิลเลียมคิดแผนอย่างหนึ่ง เขาเขียนจดหมายถึงพ่อของมาเรีย โดยแสร้งทำเป็นว่าเธอเป็นคนเขียน
ในจดหมายเขียนว่า ตอนนี้เราทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขบนเกาะไวท์ และขอโทษพ่อที่ไม่ได้ส่งจดหมายหรือส่งข่าวคราวให้ทราบ
เนื้อหาในจดหมายยังระบุว่า ขณะนี้เธอกำลังป่วย เจ็บมือ ทำให้ลายมือของเธอออกจะแปลกๆ ไม่เหมือนที่เคยเขียน ในจดหมาย
มีเงินสอดมาด้วยอีกปึกหนึ่ง ซึ่งโธมัสก็เชื่อจดหมายนี้อย่างสนิทใจ
เวลาผ่านไป 1 ปี...กลางดึกของเดือนเมษายน 1828 เรื่องราวเหนือธรรมชาติก็ได้เกิดขึ้น แม่เลี้ยงของมาเรีย ปลุกโธมัสสามีของเธอ
ที่กำลังหลับอยู่ข้างๆด้วยใบหน้า ตื่นตระหนก
ค่ำของวันที่ 19 เมษายน ค.ศ.1828
(http://upic.me/i/sw/6900843241_4133110ab8.jpg) (http://upic.me/show/43892950)
คืนวันนั้น นางมัวร์ มาร์เตนแม่เลี้ยงของมาเรีย ได้ลุกขึ้นมาจากที่นอน ในขณะที่โทมัสสามีของเธอ กำลังนอนอยู่ หล่อนได้ปลุกเขาให้ตื่น
ด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก ส่งเสียงพึ่งพำ
" โทมัส คะ ชั้นฝันร้ายคะ ฉัน.....ฝันร้ายถึงมาเรีย"
นางมัวร์กระซิบ
"มาเรียมาหาฉันในฝัน มาเรียมีเลือดโชกพยายามจะพูดกับฉัน แกบอกว่าถูกคอร์เดอร์ฆ่า"
แต่กระนั้นโทมัสไม่เชื่อเรื่องที่นางมัวร์เล่า เขาพูดตอบโต้ว่า
"เรื่องบ้าๆ ตอนนี้มาเรียยังมีชีวิตอย่างสุขสบายกับแฟนเธอที่ลอนดอนต่างหาก"
นางมัวร์ได้ฟังและเถียงว่า
"แต่ 3-4 เดือนนี้จดหมายของเธอก็ เงียบหายไปเลย แถมลายมือดูหวัดแปลกๆ......"
"แกบอกว่าเจ็บมือ"
แต่คำเถียงของโทมัสก็ไม่ช่วยให้นางมัวร์คลายกังวลแม้แต่น้อย เธอยังอ้างว่าผีมาเรียในฝันบอกว่าวิลเลียมฆ่าเธอ
และเอาศพเธอไปฝังที่โรงนาสีแดง ตอนนี้เธอเป็นผีเร่ร่อนขอความเป็นธรรม นางมัวร์ชักชวนโทมัสให้ไปทุ่งนาสีแดง
จนกระทั่งเขาเริ่มรู้สึกคล้อยตาม เวลาต่อมาโทมัสรวบรวมชาวบ้านมาได้กลุ่มหนึ่ง เตรียมจอบ เตรียมเสียม และตะเกียง
เพื่อไปสำรวจที่โรงนาทันที
จากนั้น นาง มัวร์ มาร์เตน ก็บอกให้ชาวนาขุดตามที่เธอชี้ ณ จุดนั้น ซึ่งเธออ้างว่าเป็นจุดที่มาเรียเข้าฝันบอกว่าวิลเลียมฆ่าเธอ
และฝันเธอตรงนี้ ขณะที่จอร์น และเพื่อนบ้านทุกคนต่างช่วยกระทุ้งดิน พวกเขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่มีความรู้สึกที่ข้นเหนียว
กลิ่นที่น่าสะอิดสะเอียน ติดอยู่ปลายเสียม ขณะที่ชายอีกคนกำลังปาดหน้าดิน เขาหยิบอะไรบางอย่างที่โผล่ออกมาจากพื้น
"ผ้าพันคอ!"
ชายคนที่ปาดหน้าดินพูดขึ้นพร้อมกับมือที่หยิบผ้าผืนนั้นขึ้นมา โทมัส มาร์เตน ผู้เป็นพ่อของมาเรียพูดออกมาด้วยเสียงแหบพร่า
"ผ้าผืนนี้เป็นผ้าที่มาเรียใช้พันคอก่อนที่จะออกเดินทางจากไป"
จาการตรวจสอบศพที่พบในโรงนาสีแดง ระบุว่าเป็นศพของมาเรีย มาร์เตนแน่นอน เนื่องจาก ลักษณะทางกายภาพ ผมของศพ แต่งกาย
และประวัติการทำฟัน เหมือนของเจ้าตัวไม่มีผิด ส่วนหลักฐานที่เอาผิดวิลเลียมคือ คือปืนพกที่ติดมากับศพ ซึ่งปืนพกนั้นเป็นของวิลเลียม คอร์เดอร์
ในที่สุดเรื่องก็แดง คอร์เตอร์ถูกจับกุมตัวขณะที่เขายังอยู่บ้านหลังใหม่กับภรรยาใหม่ที่ลอนดอน ตำรวจแจ้งข้อหาเขาฐานฆ่าคนรักและลูกในครรภ์
แน่นอนวิลเลียมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาทั้งหมด ทำให้เขาต้องถูกส่งตัวกลับไปพิจารณาคดีในโพลสเตด และถูกนำตัวขึ้นศาลเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 1828
ท่ามกลางผู้คนที่สนใจในคดีนี้ต่างแห่เข้ามาฟังจนเต็มศาล
(http://upic.me/i/h5/corder-broadside1.jpg) (http://upic.me/show/43892952)
การสู้คดีในชั้นศาลทนายของวิลเลียมใช้เหตุผลวิลเลียมไม่ใช้คนฆ่านางมาเรียกเข้าสู้ โดยบอกว่าสาเหตุการตายของมาเรียอาจไม่ใช้เกิดจาก
กระสุนปืนของเขาก็ได้ ซึ่งบาดแผลสาหัสของศพนั้นอาจเกิดมาจากจอบ,เสียมที่ชาวบ้านและนายโทมัส มาร์เตนขุดต่างหาก
จากนั้นก็ถึงคราวที่แม่เลี้ยงของมาเรีย นางมัวร์ มาร์เตน มาขึ้นศาล ศาลถามว่าเธอรู้ที่ซ่อนศพมาเรียได้ไง เธอกล่าวว่าผีของมาเรียมาบอกในฝัน
บอกเรื่องราวการฆาตกรรมให้ตนฟัง และยังบอกที่พบศพตามที่ขุดเจออีกด้วย การเล่าของนางมัวร์ได้รับเสียงฮือฮาเต็มศาล แม้เรื่องจะปาฏิหาริย์
เหลือเชื่อ แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้หลายคนคล้อยตามได้
แต่ถึงยังไง.......วิลเลียมก็จำนงด้วยหลักฐานที่ถูกนำออกมาทีละอัน ผ้าพันคอที่ถูกค้นพบ,บาดแผลที่ได้จากคำยืนยันของแพทย์, จดหมายปลอม,
รอยนิ้วมือที่เขาจับเสาค้ำโรงนา นอกจากนี้ยังมีพยานที่เห็นนายวิลเลียมถือปืนออกจากโรงนาสีแดง มันแสดงให้เห็นว่าวิลเลียมฆ่านางมาเรียแน่นอน
ในวันตัดสิน ในศาล วิลเลียมเอ่ยปากรับสารภาพว่าเขาฆ่านางมาเรียจริง เพราะเธอทำให้เขากดดัน และขอร้องให้คณะลูกขุนเมตตาเขาบ้าง
เขาไม่อยากตาย ไม่อยากถูกประหารแต่ในที่สุดคณะลูกขุนใช้เวลาเพียง 35 นาที ในการตัดสิน วิลเลียม คอร์เดอร์ ว่ามีความผิดจริง
ศาลได้พิพากษาให้ประหารชีวิตด้วยการแขวนคอต่อหน้าสาธารณชน
(http://upic.me/i/2s/28images.jpg) (http://upic.me/show/43892954)
วิลเลียมถูกประหารด้วยการแขวนคอใน 3 วันให้หลัง ช่วยที่โดนประหารนั้นเป็นช่วงเวลาเที่ยง อากาศค่อนข้างร้อน แต่ฝูงชนต่างแห่กันมาดู
การประหารนั้นจนแน่นขนัด ซึ่งจากข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งบอกว่ามีผู้ชมกว่า 7,000 แต่ ในขณะที่อีกฉบับหนึ่งบอกว่ามีจำนวนผู้ชมกว่า 20,000 คน
ก่อนที่เพชฌฆาตกำลังสวมหมวกคลุมหัวนั้น วิลเลียมกล่าวประโยคสุดท้ายก่อนตายว่า
"I am guilty - my sentence is just - I deserve my fate - and may God have mercy on my soul"
("ผมมีความผิด-นี้คือการตัดสินยุติธรรมสำหรับฉัน-ฉันสมควรได้รับโชคชะตาของฉัน-และขอให้พระเจ้าเมตตาต่อจิตวิญญาณของฉันด้วย")
(http://upic.me/i/wt/5740919554_cea366532a_z.jpg) (http://upic.me/show/43892949)
หลังจากนั้นวิลเลียมก็ถูกประหารด้วยการแขวนคอตาย ร่างของเขาถูกนำไปให้แพทย์ชำแหละเพื่อการศึกษา จนกระทั่งปี 2004 ร่างบางส่วน
ของวิลเลียมถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ ฮัดเทเลี่ยน ในวิทยาลัยศัลยแพทย์ที่มีชื่อเสียงของประเทศอังกฤษ และร่างยังอยู่จนถึงปัจจุบัน
ส่วนกระโหลกของเขานั้นมีเรื่องเล่าหลังจากนั้น คือในช่วงที่กระโลหกของวิลเลียมถูกตั้งโชว์ในกรอบแก้วที่โรงพยาบาลซัฟโฟล์ค จู่ๆ กระโหลก
ด้านบนเกิดยุบลงหมาเหมือนมีใครบางคนทุบกระโหลกไม่มีผิด ทำให้หลายคนเชื่อว่านี้คือคำสาปของมาเรียที่มีต่อวิลเลียม
หลังวิลเลียมตายจู่ๆ ก็มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าวิญญาณของมาเรียมาเข้าฝัน นางมัวร์ มาร์เตน จริงหรือ??
โดยข้อสังเกตของแต่ละฝ่ายเกี่ยวกับนางมัวร์และมาเรียมีดังต่อไปนี้
(http://upic.me/i/o1/red-barn-murder.jpg) (http://upic.me/show/43892957)
1.นางมัวร์ มาร์เตน เป็นแม่เลี้ยงที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับ มาเรีย ซึ่งแต่งงานกับบิดาผู้ชราของมาเรีย สมัยที่นางมาเรียยังมีชีวิตอยู่
ทั้งคู่มักมีเรื่องโต้เถียงอย่างเผ็ดร้อน ทำไมมาเรียกลับไม่เข้าฝันบิดาแท้ๆของเธอ
2.ในคืนวันเกิดเหตุ ค.ศ.1826 มาเรียมาบอกนางมาร์เตนว่าจะไปหาวิลเลียม คอร์เดอร์ เพื่อจะแต่งงานกัน น่าแปลกที่นางมัวร์กลับไม่มีท่าทีสนใจ
และในตอนเช้าเธอพบคอร์เดอร์ ขณะที่คอร์เดอร์กำลังถือพลั่วและจอบ นาง มัวร์จึงถามว่า "มาเรียไปไหน" ซึ่งเขาก็ตอบมาอย่างง่ายๆว่า
เธอไปลอนดอนเพื่อเตรียมตัวแต่งงาน ซึ่งนางมาร์เตนเล่าเรื่องเหล่านี้ในศาล แต่ไม่มีใครถามว่า ทำไมเธอไม่สงสัยตั้งแต่ตอนนั้น
3.จดหมายที่ วิลเลียม เขียนมาเพื่ออำพลางว่ามาเรียอยู่กับเขา ทำไมเขาจึงส่งเงินมากับจดหมายด้วย
4.แต่ช่วง3-4เดือน กลับไม่มีจดหมายมา นางมัวร์ก็เกิดฝันประหลาดซะได้ว่าวิญญาณมาเข้าฝันเธอ และทำไมวิญญาณของมาเรีย
จึงรอนานกว่า 1 ปีถึงจะเข้าฝัน
และนี่คือคำอธิบายที่เหมาะสมกับ "ความจริง" ที่เราได้รับรู้
(http://upic.me/i/q9/red-barn-owl-sutter-buttes.jpg) (http://upic.me/show/43892958)
1.ความจริงนางมัวร์ มาร์เตนดีใจมากทีเห็นมาเรียจากไป ในวันที่เกิดเหตุเธอยุให้มาเรียไปพบวิลเลียมทันที โดยไม่สนว่าเธอจะเป็นหรือตาย
2.วันรุ่งขึ้นนางมัวร์ มาร์เตน เดาได้ทันทีถึงเหตุการณ์เมื่อคืนว่าเกิดอะไรขึ้น หรือบางทีเธอคงรู้อยู่ก่อนแล้วว่าวิลเลียมวางแผนที่จะฆ่ามาเรียมานานแล้ว
3.นางมัวร์ มาร์เตน ใช้เรื่องนี้มาแบล็คเมล์เขาโดยกล่าวให้จ่ายค่าปิดปากมา ไม่งั้นเธอจะแฉเรื่องนี้ ซึ่งวิลเลียมก็ได้จัดการส่งเงินมาให้เธอทุกเดือน
4.เมื่อเวลาผ่านมาได้ระยะเวลาหนึ่ง วิลเลียมเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงหยุดส่งเงิน จึงสร้างความไม่พอใจให้แก่นาง มัวร์ มาร์เตนมาก
แต่จะทำได้อย่างไร ถ้าเธอไปแจ้งความตอนนี้ เธอจะถูกจับในข้อหาสมรู้ร่วมคิด และถูกแขวนคอพร้อมกับ วิลเลี่ยม คอร์เดอร์ได้
5.ดังนั้นนางมัวร์จึงสร้างเรื่องให้น่าฟังหน่อย จะมีอะไรคลาสสิคและทำให้ตนเองปลอดภัย ถ้าไม่ใช่เรื่องผี......
6. เป็นไปตามที่เธอคิด ไม่มีใครสงสัยในตัวเธอเลยในช่วงนั้น นายคอร์เดอร์ถูกตัดสินประหารชีวิตโดยที่คอร์เดอร์ไม่มีโอกาสได้พูดถึงผู้สมรู้ร่วมคิด
7. หากเป็นไปตาม 6 ข้อ แสดงว่าคนร้ายจริงๆอาจมี 2 คนคือ นางมัวร์ มาร์เตน แต่ทำไมวิลเลียมต้องปกป้องเธอด้วย ซึ่งก็มีข่าวลืออีกแหละว่า
นายวิลเลียมเป็นเสือผู้หญิงแน่นอนบางทีนางมัวร์อาจเป็นหนึ่งในคนรักของวิลเลียมก็เป็นได้ บางทีนายมัวร์อาจเป็นคนวางแผนกำจัดลูกเลี้ยงของตนด้วยซ้ำ
8. ไม่มีใครคิดจะสอบสวนเรื่องพวกนี้อีกต่อไป เพราะไม่มีหลักฐานเอาผิดนางมัวร์ อีกทั้งตัวของวิลเลียมก็จากโลกนี้ไปแล้ว ทำให้ปริศนาที่เหลือ
ของการฆาตกรรมแห่งโรงนาสีแดง ยังค้างๆ คา พิศวงจนถึงปัจจุบัน
(http://upic.me/i/qu/red_barn01.jpg) (http://upic.me/show/43892956)
การฆาตกรรม, ความแค้น, เสือผู้หญิง, และเด็กผู้หญิงน่าสงสาร ผลลัพธ์ที่ได้คือส่วนผสมของโครงเรื่องที่สนุกน่ากลัวที่เล่นกับจิตใจของคนอย่างเหลือเชื่อ
ส่งผลให้เรื่องนี้ถูกนำไปดัดแปลงและถ่ายทอดจากสื่อต่างๆเริ่มจากนวนิยาย Newgate novels นำโครงเรื่องนี้มาตีพิมพ์ และขายดีดีมากและมันหมดไป
อย่างรวดเร็วพอๆ กับเรื่องของแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ นอกจากนั้นยังถูกนำไปแสดงเป็นละครเวทีเวอร์ชันต่างๆ พร้อมนำเสนอข้อสันนิษฐานที่กล่าวมา
ลงไปในเรื่องด้วย
นอกจากนี้สถานที่เกิดเหตุหรือโรงนาสีแดงกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีนักท่องเที่ยวที่อุตส่าห์เดินทางไกลเพื่อมาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้
บางคนมาจากไอร์แลนด์ก็มี โดนคะแนว่ามีนักท่องเที่ยวมายังโพลสเตลด,ซัฟโฟล์ค ในปีใน 1828 เป็นจำนวนกว่า 200,000
นอกจากนี้ก็ยังมีของที่ระลึกต่างๆ เช่น รูปยุ้งข้าวสีแดงถูกนำมาวาดเป็นภาพที่ระลึก, แผ่นกระดานที่ทำลาย และบางส่วนถูกขายเป็นไม้จิ้ม ฯลฯ
ในปี 1842 โรงนาสีแดงหลังที่เกิดเหตุก็ถูกเผาไหม้ ไม่เหลือซากให้เห็นอีกแล้วในปัจจุบัน หินบนหลุมฝัง
และสถานที่นักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมจำนวนมากคือที่ฝังศพของมาเรีย นอกจากนี้ยังมีของที่ระลึกเกี่ยวกับเธออีก เช่น ภาพวาดหยาบๆ ของมาเรีย,
เครื่องปั้นดินเผาจำลอง และเพลงประกอบในศตวรรษที่ 19 สมัยพระนางเจ้าวิคตอเรีย เรื่องของการฆาตกรรมโรงนาสีแดงถูกนำมาทำเป็นบทละครเวที
โดยจำลองให้วิลเลียมเป็นสัตว์ประหลาดมีเลือดเย็น และมาเรียเป็นหญิงสาวที่ไร้เดียงสา และมันได้รับความนิยมสูงมาก
http://www.youtube.com/v/R4MNEoS9i5c
ส่วนภาพยนตร์ก็มีเรื่อง Marten or Murder in the Red Barn ฉายในปี 1935 และรายการวิทยุก็ไม่น้อยหน้านำเสนอละครนี้ด้วยเหมือนกันเมื่อปี ค.ศ.1953
ดนตรีก็เช่นกัน วง No Roses by the Albion Country Band นำโครงเรื่องของคดีนี้ไปร้องเพลงเมื่อปี 1971 และยังมีศิลปินและวงดนตรีหลายราย
ที่นำเรื่องนี้มาแต่งแล้วนำมาร้องเป็นเพลงอีกมากมาย
(http://upic.me/i/b5/51xxdr5cabl._sl500_ss500_.jpg) (http://upic.me/show/43892944)
โดย อลิสโต และ ทีมงานนิตยสาร ต่วย'ตูน /wikipedia.org
ขอบคุณครับ หาเรื่องสนุกๆมาให้อ่านอีกนะครับ
pongz ขอบคุณครับ
ชอบเรื่องแบบนี้มากเลยครับ