cmxseed สังคมราตรี

หมวดหมู่ทั่วไป => ลี้ลับ ประวัติศาสตร์ ตำนานโลก => หัวข้อที่ตั้งโดย: etatae333 เมื่อ 03 มกราคม 2014, 17:18:14

ชื่อ: Norse Mythology: Episode 4 – โอดิน: ราชาแห่งเทพ
โดย: etatae333 เมื่อ 03 มกราคม 2014, 17:18:14
Norse Mythology: Episode 4 – โอดิน: ราชาแห่งเทพ

(http://image.ohozaa.com/i/20b/Ne6qh5.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xjKYy3NH5NmqcjHU)

โอดินดำรงฐานะจอมเทพ (เทพแห่งเทพ) สูงที่สุดในบรรดาเทพชาวเหนือทั้งหลาย แต่ชีวิตของพระองค์ไม่ได้สบายเหมือนกับตำแหน่ง
กลับมีแต่ความรันทดมาตลอด สิ่งเดียวที่ช่วยพระองค์ไว้ตลอดเวลาก็คือความแข็งแกร่งครับท่านผู้อ่าน ความแข็งแกร่งของชายชาตินักรบ
ที่ถึงแม้จะรู้จุดจบของตัวเองและพวกพ้องก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอหรือเขลาขลาดใดๆ ออกมา


ความแข็งแกร่งของจิตใจนี่ละครับที่เป็นจุดเด่นของโอดิน ทำให้ผู้คนทางยุโรปภาคกลางซึ่งก็คือคนเชื้อชาติเยอรมันที่แผ่ตัวลงไปยอมรับ
นับถือเป็นที่ยิ่ง แต่เรียกชื่อโอดินเพี้ยนไปจากเดิมบ้าง เช่นว่า โวทัน (Wotan) หรือ โวเดน (Woden) เทพพิทักษ์นักรบเป็นที่มาของ
ชื่อวันพุธ (Wednesday) ในภาษาฝรั่งนั่นไง

(http://image.ohozaa.com/i/a34/kOzw4Q.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xjKYqggGRgHjvSsZ)

อย่างที่เล่าไว้แต่ต้นว่า โอดินเป็นลูกของบอร์-เทพเริ่มแรกของโลก และบรรดาเทพอื่นๆ ที่อยู่บนแอสการ์ดต่างก็เป็นลูกหลานของเทพองค์
ซะเกือบทั้งสิ้น รูปร่างของโอดินในความนึกคิดของชาวเหนือส่วนใหญ่จึงเป็นชายชราสวมหมวกปีกกว้างซ่อนใบหน้าไว้ในเงามืด
นั่งอยู่บนบัลลังก์ฮลิดสเกียบ (Hlidskialf) ซึ่งทำให้สามารถสอดส่องความเป็นไปต่างๆ ในโลกทั้งเก้าได้ โดยมีฟริกก้า (Frigga)
เมียคนที่สองแต่รักที่สุด นั่งเคียงข้างบนบัลลังก์องค์นี้ได้เพียงคนเดียว

อันที่จริงโอดินมีเมียหลายคนเชียวครับท่านผู้อ่าน มีทั้งเทพด้วยกันและยักษีประเภทต่างๆ (ตามความนิยมในสมัยนั้น) ทว่าพวกที่ได้รับการ
ยกย่องมีอยู่ไม่เท่าไหร่ คนแรกคือจอร์ด (Jord) หรือเออดา (Erda) เป็นลูกของภาวะหมุนวนสับสนรอบๆ กินนันกาแก๊บกับยักษีตนหนึ่ง
ไม่ปรากฏนาม (เป็นลักษณะการสืบพันธุ์ที่ประหลาดสิ้นดี)

(http://image.ohozaa.com/i/a32/Qbdkuy.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xjKYRcEwpgTF1VtA)

โอดินมีลูกกับเมียผู้มีกำเนิดค่อนข้างประหลาดคนนี้หนึ่งนั่นคือ ธอร์ (Thor) เทพแห่งสายฟ้าผู้ซึ่งแข็งแกร่งที่สุด

เมียคนที่สามชื่อว่ารินด้า (Rinda) คนนี้เป็นตัวแทนของความแห้งแล้งของแผ่นดินที่หนาวเหน็บในช่วงหน้าหนาว ตอนไหนที่เจ้าหล่อนไปอยู่กับสามี
แผ่นดินที่เคยหนาวเหน็บจะอุ่นขึ้น (ก็เจ้าแม่แห่งความหนาวไม่อยู่เสียแล้วนี่) เป็นช่วงที่ตอนเหนือมีฤดูร้อนช่วงสั้นๆ ความที่รินด้าเจ้าแม่แห่งความ
แห้งแล้งจากแผ่นดินถิ่นที่อยู่ของมนุษย์แค่ช่วงสั้นๆ ชาวเหนือเลยทึกทักให้หล่อนเป็นภรรยาที่มีนิสัยค่อนข้างรังเกียจสามีเอามากๆ เจ้าหล่อนถึงให้
เวลาโอดินอยู่ด้วยเพียงปีละช่วงสั้นๆ เท่านั้น แต่กับรินด้าคนนี้ละครับ ที่โอดินก็มีลูกด้วย ชื่อว่าวาลี (Vali) เป็นหนึ่งในบรรดาเทพไม่กี่องค์ที่เหลือรอด
จากแร็กนาร็อคและเป็นคนสำคัญอีกคนหนึ่งเกี่ยวกับความตายของบาลเดอร์ (Balder) เทพแห่งสัจจะและแสงสว่าง

นอกจากภาพที่ปรากฏกับบรรดาเมียเหล่านี้แล้ว โอดินจอมเทพยังมักแต่งกายด้วยเครื่องแบบนักรบเสมอๆ เทพจะถือหอกกังเนอร์ (Gungnir)
อาวุธประจำกาย ใส่แหวนดรอพเนอร์ (Draupnir) (บางแห่งว่ามันเป็นกำไลแขน-แต่ไม่ว่าจะเป็นแหวนหรือกำไลแขน มันก็เป็นวงกลมซึ่งเป็นรูป
ทรงที่พลังของมันจะหมุนอยู่ตลอดไป ที่มาของหอกและแหวนอยู่ในบทของคนแคระครับ แหวนหรือกำไลแขนดรอบเนอร์ที่ว่า มีลักษณะพิเศษ
ตรงที่เกิดใหม่ทุก 7 วัน ... แหวนอันนี้แบ่งตัวเองออกมาใหม่ แล้วตัวเก่าก็อันตรธาน เพื่อให้แหวนดรอบเนอร์ใหม่อยู่เสมอ

(http://image.ohozaa.com/i/f3a/jbgUyi.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xjKYua2bYHeMenCn)

มีอีกาชื่อฮิวกิน (Hugin) (ความคิด) และมิวนิน (Munin) (ความจำ) เกาะบนไหล่ซ้าย-ขวาคอยกระซิบบอกข่าวใหม่ๆ ที่นายสั่งให้มันบิน
ออกไปสังเกตเป็นพิเศษ นอกจากนกทั้งสองตัวนี้แล้ว เทพยังมีสัตว์เลี้ยงแสนรักเป็นหมาป่าอีกสองตัวชื่อ เกอรี่ (Geri) และเฟรกี (Freki)
ซึ่งมีอุปนิสัยคล้ายคลึงกับเขามาก นัยว่านิสัยของมันคือสัญชาตญาณการล่าที่มีอยู่ในตัวมหาเทพเอง หมาป่าทั้งสองตัวมักจะคอยอยู่ข้างๆ นาย
รับอาหารจำพวกเนื้อที่เขาเอามาวางไว้ตรงหน้าโอดิน ในเมื่อจอมเทพไม่กินเนื้อ สิ่งเดียวที่ทำให้เขายังชีพในสวรรค์ได้เป็นอย่างดีคือเหล้าน้ำผึ้ง
อาหารซึ่งมีให้กินอย่างไม่อั้นในวัลฮัลลา (Valhalla) โถงแห่งวิญญาณนักรบที่ได้รับเลือก หมาป่าทั้งสองก็เปรมไปละครับ


ที่มาของปัญญา

(http://image.ohozaa.com/i/f29/GLVxHu.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xjKYs2a6hbeVcmSv)

นอกจากโอดินจะได้การยกย่องว่าเป็นเทพแห่งนักรบแล้วนะครับ ท่านยังเป็นเทพแห่งปัญญาและภูมิรู้ด้วย และภูมิรู้ที่มากเกินบรรยายนั้นโอดิน
ได้มาตั้งแต่ครั้งการสร้างโลกนั่นแหละ ก็หลังจากที่โอดินกับน้องๆ ช่วยกันสร้างโลกจากร่างของอีเมอร์เสร็จแล้วนั่นแหละ เขาก็รี่ไปหา
ไมเมอร์-อารักษ์แห่งน้ำพุปัญญา ด้วยรู้ว่าน้ำที่นี่หากใครได้ดื่มจะได้ความรู้สรรพวิชา รวมทั้งเห็นกาลในอนาคตอย่างชัดเจน ติดอยู่แต่ว่าไมเมอร์
ย่อมไม่ให้คนที่ไม่มีเหตุผลพอได้ดื่มได้ลิ้มรสน้ำจากแหล่งนี้ โอดินถึงขนาดต้องอ้อนวอน อ้างว่าด้วยตำแหน่งราชาแห่งเทพ เขาจำเป็น
ต้องมีความรอบรู้ไม่ว่าจะในศาสตร์ไหนเพื่อให้การปกครองของเขาราบรื่นที่สุด


ไมเมอร์คิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตกลงโดยมีข้อแลกเปลี่ยน เขาว่าหากโอดินต้องการความรู้มากจริงๆ จะต้องควักตาข้างหนึ่งออกมาแลกกับการดื่มน้ำครั้งเดียว
แต่เพราะความกระหายในวิชาต่างๆ ทำให้โอดินไม่หยุดคิดอะไรต่อไป เขาควักตาข้างหนึ่งแลกกับน้ำ ซึ่งไมเมอร์ตักใส่จอกส่งให้ ไมเมอร์นำดวงตา
ข้างนั้นของโอดินทิ้งลงในบ่อแลกกับความรู้ที่แฝงไปกับน้ำ "ดวงตาของโอดิน" ดวงกลมๆ สีเหลืองนวลยังคงอยู่กับบ่อน้ำทุกบ่อ
น้ำทุกแหล่งในคืนวันเพ็ญมาจนทุกวันนี้ (ก็คือเงาสะท้อนของดวงจันทร์ในน้ำนั่นไงครับ ... เข้าใจคิดเหมือนกันแฮะ ส่วนตาข้างที่เหลืออยู่
ก็เลยกลายเป็นสัญลักษณ์ของดวงอาทิตย์ไปโดยปริยาย)

(http://image.ohozaa.com/i/gba/7ArGdX.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xjKYvVVBoBD1IM9T)

โอดินค่อยๆ ละเลียดน้ำวิเศษผ่านลำคอ ความรู้ของสรรพวิชาต่างๆ ที่เขากระหายอยากได้ก็ค่อยๆไหลเข้าสู่ร่าง ไม่ว่าจะเป็นความรู้เรื่องกวีนิพนธ์
ไสยเวทย์หรืออื่นใด จากนั้นเป็นต้นมาเทพองค์นี้จึงกลายเป็นเทพอุปถัมภ์ หมอดู กวีนิพนธ์และพ่อมดไปในทันที ทว่าสิ่งที่รวมมากับน้ำคือการ
เห็นอนาคตข้างหน้าที่เขาต้องการนักหนากลับเป็นสิ่งที่เกินกว่าจะรับได้ เพราะนอกจากจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของจักรวาลและทุกสิ่งทุกอย่าง
เห็นความตายของลูกรัก ยังได้เห็นช่วงเวลาจบสิ้นของทุกสิ่งทุกอย่าง นั่นคือช่วงแร็กนาร็อค (Raknarok) ซึ่งภาพทุกภาพชัดเจนกระหน่ำ
อยู่ในหัวโอดินแค่ช่วงเสี้ยววินาที ชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นต่อไปทำให้ใบหน้าซึ่งเคยสดใสร่าเริงของโอดินหมองลง บางครั้งการรู้อนาคตล่วงหน้า
ก็ไม่ได้นำมาซึ่งความสุขเสมอไป เขากลายเป็นคนเงียบขรึมตั้งแต่นั้น ไม่กินอาหาร ดื่มแต่เฉพาะเหล้าน้ำผึ้ง เพื่อให้ความเมาสลายความทุกข์ลงไปบ้าง
เหตุที่ต้องสร้างวัลฮัลลาและวัลคีรี

(http://image.ohozaa.com/i/21e/p0Jjfl.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xjKYSgAzfWIqh3eH)

ด้วยเหตุนี้อีกละครับที่ทำให้โอดินคิดจะเริ่มสะสมกำลังไว้ข้างหน้าอย่างน้อยก็ไม่ได้ตายอย่างเสียเกียรติเกินไป เทพจัดตั้งกองทัพวัลคิรีขึ้น
นางคือนางฟ้าดำแห่งความตาย ทั้งๆ ที่รูปลักษณ์งดงาม ผิวขาว ผมทอง เป็นสาวพรหมจรรย์ซึ่งมีฐานะกึ่งเทพ วัลคีรีที่แท้จริงคือแรงเร้าแห่งการฆ่า
พวกนางมีหน้าที่สองอย่างคือ สรรหาเลือกเฟ้นวิญญาณนักรบผู้กล้ากับคอยดูแลเลี้ยงดูเขาในวัลฮัลลา เมื่อไรก็ตามที่เกิดการรบขึ้นในโลกมนุษย์
โอดินจะส่งวัลคิรีไปรอดู นักรบคนใดที่สู้ตายชนิดยังมีความกระหายสงครามค้างอยู่ในดวงตาและมือเต็มไปด้วยเลือด วัลคิรีก็จะเลือกคนนั้นไป
กับพวกหล่อนข้ามสะพานรุ้งน้ำแข็งขึ้นไปบนวัลฮัลลา วิญญาณนักรบพวกนี้เรียกกันว่าพวกเอนเฮเรียร์ ครับ


งานเลี้ยงพวกเอนเฮเรียร์ (Einheriar)

(http://image.ohozaa.com/i/g4c/Z69ZkT.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xjKYo8oB9AS4xAvD)

โอดินมีพระราชวังใหญ่ๆ อยู่สามแห่งในแอสการ์ด คือแกลดเฮม (Gladsheim) โถงที่ประชุมของเทพ วาลาสเคียฟ (Valaskialf)
ซึ่งฮลิดสเคียฟ (Hlidskialf) ตั้งอยู่ และวัลฮัลลา (Valhalla) พระราชวังซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกวิญญาณนักรบที่ได้รับเลือกขึ้นมา
อันนี้ตั้งอยู่ในเกลเซอร์ (Glasir) กลางป่าวิเศษซึ่งใบไม้ในป่านี้เป็นสีทองอมแดง


วัลฮัลลา คือพระราชวังที่มีขนาดมหัศจรรย์ เล่ากันว่ามีประตูเข้าออกถึง 540 แห่ง แต่ละแห่งกว้างพอที่จะให้นักรบตัวโตๆ แปดคนเดิน
เรียงแถวหน้ากระดานเข้าไปได้อย่างสบายๆ ที่นี่มีโต๊ะยาวเป็นจำนวนมากให้พวกเอนเฮเรียร์เข้าประจำที่ คบไฟจุดไว้ตามผนัง
แสงคบเพลิงสะท้อนใบหอกเป็นประกายวาววับอยู่ในแสงไฟ อาหารเตรียมพร้อมไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นหมูย่าง เบียร์หรือเหล้าน้ำผึ้ง
ในเวลานี้วัลคีรีจะมีหน้าที่ๆ ดุเดือดน้อยลงเยอะ คือเจ้าหล่อนเหล่านั้นจะเป็นผู้นำอาหารมาเสิร์ฟให้นักรบ คอยดูแลไม่ให้จานอาหารของเขาพร่อง
หรือเขาสัตว์ที่ใช้แทนถ้วยดื่มน้ำจะมีเหล้าไม่เต็ม นมแพะที่นำมาให้นักรบดื่มมาจากเต้าของแพะเฮดรัน เนื้อที่ใช้เสิร์ฟบนวัลฮัลลาเป็นเนื้อที่มา
จากหมูป่าของเทพตัวหนึ่งชื่อ แซริมเนอร์ (Saehrim) มันจะถูกพ่อครัว แอนด์ริมเนอร์ (Andhrimnir) เชือดทุกวัน พอการเลี้ยงเสร็จสิ้นลง
หมูแซริมเนอร์ก็รวมตัวกันขึ้นใหม่ กลายเป็นหมูป่าสำหรับพ่อครัวเชือดวนเวียนไม่จบสิ้น ทำให้วัลฮัลลาไม่เคยขาดเนื้อในการเลี้ยงเลย

(http://image.ohozaa.com/i/c82/a2pGKm.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/xjKYh2OXtVzd0zPt)

หลังจากที่กินอาหารเสร็จ นักรบเอนเฮเรียร์จะพากันจับอาวุธออกไปที่ลานรอบวัง ฝึกปรือการต่อสู้หรือส่วนใหญ่ต่อสู้กันจริงให้ตาย
(หลอกๆ เพราะถึงแก่ความตายจากบนโลกมาทีหนึ่งแล้ว) รอจนกระทั่งเสียงเป่าเขาเรียกกินอาหารเย็น จึงเข้าร่วมโต๊ะกันอีกหน
โดยมีโอดินนั่งเป็นประธานที่สุดห้องโถง พระองค์จะนั่งดูนักรบเหล่านั้นสนทนาพูดคุยกันอย่างมีความสุข หวังเพียงแต่สักวันหนึ่งเมื่อ
ถึงเวลานักรบพวกนี้จะสามัคคีร่วมมือในศึกครั้งสุดท้ายอย่างดีที่สุด

(http://image.ohozaa.com/i/ea4/8y0u8P.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xjKYAxEt50W56Kl3)

อย่างนี้คงไม่ต้องบอกหรอกนะครับว่า โอดินจะชอบพระราชวังไหนมากที่สุด ใช่แล้วละ ... วัลฮัลลานั่นแหละ นับตั้งแต่ที่พระองค์ได้เห็นภาพอนาคต
โอดินก็ตกอยู่ในความขมขื่น พระองค์มักจะสิงอยู่ในวัลฮัลลาครั้งละนานๆ ดื่มเหล้าพลางมองพวกนักรบซ้อมๆ กันไปพลาง วัลฮัลลากลายเป็นสวรรค์
แสนสุขของนักรบ คนมีฝีมือในการรบทุกคนในสมัยนั้นฝันถึงวัลฮัลลา ทำให้ผู้ชายจากมิดการ์ด (ก็คือมนุษย์เรานี่ละครับ) มีศรัทธาต่อการได้ขึ้น
สวรรค์แบบนี้มาก สงครามจึงกลายเป็นความกล้าหาญ เป็นสิ่งที่ควรทำและทำอย่างดุเดือดในวัยหนุ่ม เพราะการตายด้วยวัยชราที่ปราศจาก
คมหอก-คมดาบ เป็นการตายที่น่าอายที่สุด (การขึ้นสวรรค์วัลฮัลลานี่ ภายหลังเชื่อว่ามีทางลัดด้วย คือการผูกคอตายครับ อันนี้เขาคงเอาไปปนกับ
ความเชื่อตอนที่โอดินแขวนคอตัวเองบนต้นอิกดราซิล แต่ผลจะได้ขึ้นสวรรค์หรือเปล่าไม่รับรอง)

(http://image.ohozaa.com/i/g62/ov32bN.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xjKYi6L0kSMhwRo0)

เล่ากันว่าพวกที่โอดินชอบที่สุดเห็นจะเป็นวิญญาณนักรบที่มีสมญานามว่า เบอร์เซอร์ค (Berserk) มาจากพวกที่สวมเสื้อหนังหมี (Bearskin)
แทนเกราะ (เหตุที่เขาใส่เพียงหนังหมีเพราะเชื่อว่าโอดินเทพเจ้าของเขาจะเป็นโล่ป้องกันอยู่แล้ว) นักรบพวกนี้จึงเป็นพวกที่กล้าหาญที่สุด ร้ายกาจที่สุด
จะฆ่าศัตรูไม่ว่าหน้าไหนไม่เว้นกระทั่งศัตรูนั้นจะเป็นญาติพี่น้องของตนเอง

สร้างอักษรรูน (Rune)

(http://image.ohozaa.com/i/0fd/6jbaNx.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/xjKYLb0VAqbnUt85)

เรื่องเล่าของโอดินนี่คงจบไม่ได้นะครับถ้าหากขาดสิ่งที่เชื่อว่าเขาประดิษฐ์ไว้ให้มนุษย์ นั่นคืออักษรรูนครับท่านผู้อ่าน (คุ้นๆ กับแฟนๆ พ่อมดน้อยไหมนี่)
เนื่องด้วยโอดินตระหนักในค่าแห่งความรู้ที่เขาได้มาว่ายากเย็นและเจ็บปวดเพียงใด เขาเลยแขวนคอตัวเองกับกิ่งอิกดราซิลอยู่เก้าวัน-เก้าคืน จ้องมอง
ไปยังแผ่นดินอันมืดมิดของนิฟล์เฮม พิจารณาความรู้อันกว้างไกลของพระองค์ คิดหาทางจะให้เทพและมนุษย์อื่นเข้าถึงได้บ้าง


ความทรมานที่ได้รับระหว่างเก้าวันเก้าคืน บวกกับการเพ่งพิจารณา (เหมือนการเข้าฌานสมาธินะครับเนี่ย แต่วิธีแปลกจัง) อย่างละเอียด วินาทีที่โอดิน
พบความลับบางอย่างของความตายร่างกายของพระองค์ก็ทนไม่ไหว หยุดทำงานไปดื้อๆ (ก็ตายนั่นละครับ) ทว่าความลับของความตายที่โอดิน
ได้พบมาหยกๆ ยังคงค้างอยู่ในสมอง เมื่อผนวกกับแรงปรารถนายิ่งใหญ่ แล้วมันก็มากพอที่จะผลักดันตัวเองให้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

(http://image.ohozaa.com/i/2e7/K0UfLO.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xjKYP4MqHYAoG3ZQ)

ความรู้นี่ละครับที่ทำให้โอดินประดิษฐ์อักษรรูนขึ้น ความที่มันเกิดจากความตาย อักษรรูนจึงกลายเป็นอักษรศักดิ์สิทธิ์ ใช้กับการเสกคาถา-ร่ายคำสาป
ในวิชาไสยเวทย์ (ตรงนี้ทำให้โอดินมีฐานะเป็นพ่อมดคนแรกของโลกนะครับนี่) โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้กับการจารลงบนอาวุธเพื่อไม่ให้พลาดเป้า

credit : ต้นข้าว @dek-d.com
ชื่อ: Re: Norse Mythology: Episode 4 – โอดิน: ราชาแห่งเทพ
โดย: meaw_meow เมื่อ 05 มกราคม 2014, 21:01:59
 pongz สุดยอดเกร็ดความรู้จริง ๆ ครับ น่าติดตามทุกตอนเลย
ชื่อ: Re: Norse Mythology: Episode 4 – โอดิน: ราชาแห่งเทพ
โดย: nangkwaiji เมื่อ 06 มกราคม 2014, 21:01:29
ยอดมาก เคยรู้จักแต่ชื่อนะนี้
ชื่อ: Re: Norse Mythology: Episode 4 – โอดิน: ราชาแห่งเทพ
โดย: Daran เมื่อ 20 กุมภาพันธ์ 2014, 14:03:44
สุดท้ายโดนหมากัดตาย
eta07