cmxseed สังคมราตรี

หมวดหมู่ทั่วไป => ลี้ลับ ประวัติศาสตร์ ตำนานโลก => หัวข้อที่ตั้งโดย: etatae333 เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2014, 15:12:26

ชื่อ: จาเว็ด อัคบอล (Javed Iqbal) นักฆ่าเด็ก 100 ศพ
โดย: etatae333 เมื่อ 21 กุมภาพันธ์ 2014, 15:12:26
จาเว็ด อัคบอล (Javed Iqbal) นักฆ่าเด็ก 100 ศพ
นี้คือคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่สร้างความเสื่อมเสียของประเทศปากีสถาน

(http://image.ohozaa.com/i/a84/FThpBq.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xpWHG8WKKYt4Hp4L)

ปี 1999 แคว้นปัญจาบ ปากีสถาน ชายรุ่นคราวเดียวกับพ่อ มีผมขาวอยู่ประปราย กำลังนั่งอยู่บนศาล เขามีชื่อ จาเว็ด อิคบอล ชาวปากีสถาน อาชีพรับจ้างทั่วไป
ฐานะค่อนข้างยากจน ประวัติก็ไม่มีอะไรดีเด่นมากนักแต่ทำไมเขาต้องอยู่ในศาลเล่า เขาทำผิดอะไร?


แฟ้มกระดาษได้ถูกส่งมายังผู้พิพากษา ในแฟ้มนั้นเต็มไปด้วยรูปเปลือยของเด็กนับไม่ถ้วน ผมสีดำของเด็กๆ ปรกลงมาที่หน้าผากและดวงตา ดวงตาลึกกลวงนั้น
จ้องมองไปยังชายที่อยู่หลังกล้องซึ่งต่างคนต่างไม่รู้จัก บางคนยิ้มอย่างเอียงอาย ขณะที่บางคนมีท่าที่ตื่นตะหนก หวาดกลัว พวกเขาถูกล่อลวงจากถนนในเมืองละฮอร์
ที่อยู่ในแคว้นปัญจาบของปากีสถานโดยใช้เวลาแค่ 5 เดือนเท่านั้น!

พวกเขารู้หรือไม่? ว่าอีกไม่นานพวกเขาจะถูกฆ่าเป็นจำนวน 100 ศพ! ร้อยศพใช้เวลาแค่ 5 เดือน!

(http://image.ohozaa.com/i/59b/ee6idu.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xpWHJkKTjiiyWW8j)

ผู้พิพากษาถึงกับทึ้งในผลงานของชายผู้นี้ ต่อให้มีการประหารชีวิตถึง 100 ครั้งก็ไม่เพียงพอต่อการลงโทษจาเว็ด อิคบอล และเพื่อนๆ ของเขาอีก 3 คน กับสิ่งที่เขาทำลงไป
เหยื่อที่พวกเขาฆ่า ก่อนอื่นพวกเขาจะข่มขืนเด็กๆ เสร็จก็รัดคอพวกเขาด้วยโซ่ จากนั้นก็นำร่างไปแช่ในถังน้ำกรด เพื่อกัดกร่อนร่างของเหยื่อให้สูญสลายไม่ให้มีหลักฐานหลงเหลือ
แต่สิ่งที่น่าติหนิที่สุดคือตำรวจ ตำรวจไม่รู้เลยว่าเหยื่อที่เป็นเด็กส่วนใหญ่ที่หากินอยู่เป็นกองทัพตามท้องถนนนั้นได้หายตัวไป จนกระทั้งจาเว็ดต้องออกมาสารภาพถึงการ
ก่ออาชญากรรมด้วยตัวเอง โดยการเขียนจดหมายถึงทางการ ก่อนที่จะเดินทางมายังสถานีตำรวจเพื่อมอบตัวด้วยตัวเอง เสียหน้าไหมล่ะ!

อาจกล่าวได้ว่า จาเว็ดเป็นปีศาจร้าย แต่สิ่งที่น่าคิดในภายหลังคือ ชีวิตของเด็กในสังคมปากีสถานนั้นมันช่างไร่ค่าราวกับขยะไม่ปาน สถานที่เด็กๆ 100 คน ที่หายตัว
ไปอย่างไร้ร่องรอย ถูกทรมานและสังหารอย่างเลือดเย็นนั้นไม่มีใครสังเกตเลยแม้แต่นิดเดียว กลับพอใจด้วยซ้ำที่ไม่มีพวกเด็กๆ มากวนใจในสังคม ในสายตาของผู้ตัดสิน
จาเว็ดอาจไม่ใช้ผู้ชายที่ชอบมีความสัมพันธ์กับเด็ก และเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของปากีสถาน ทั้งนี้เพราะเขาทำให้คนทั่วโลกมองประเทศปากีสถาน
ว่าเป็น ประเทศที่ไม่มีความใส่ใจต่อชีวิตประชาชนของรัฐบาล และความไร้ความสามารถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

นอกจากนี้ทำให้ทั่วโลกได้รับรู้กฎหมายประหารชีวิตที่แสนเก่าและล้าสมัยของปากีสถานอีกด้วยกฎหมายและคำตัดสินนั้นเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาราชการ
ของศาลปากีสสถานเนื่องจากประเทศนี้เคยตกเป็นอาณานิคมของประเทศอังกฤษ ศาลได้ตัดสินโทษจาเว็ดด้วยการรัดคอด้วยโซ่เส้นเดียวกับที่เขารัดคอเด็กๆ
และหั่นร่างเขาเป็นชิ้นๆ จากนั้นนำไปแช่ในน้ำกรดที่มีส่วนผสมของกรดไฮโดรคลอริกและซัลฟูริก ชนิดเดียวกับที่ฆาตกรใช้ในการทำลายศพของเด็กๆ ที่ตกเป็นเหยื่อ
ของพวกเขาจนร่างเด็กๆ สลายหายไปหมดสิ้น

สาสม ไหมล่ะ!

(http://image.ohozaa.com/i/67a/ebDusC.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xpWHOisrhbX7KcNx)

บนถนนเก่าแก่ของที่แคว้นปัญจาบ มีเด็กเป็นจำนวนมากทั้งหมดนี้เป็นเด็กเร่รอนไปตามท้องถนน พวกเขายังชีพด้วยการขอทานบ้าง ลักเล็กขโมยน้อยบ้าง เสนอขายดอกไม้
ที่มีอย่างเหลือเฟือในทุกมุมเมืองบ้าง บางคนก็หาบเร่ขายน้ำหรือไม่ก็เครื่องประดับเล็กๆ น้อย ตลอดจนเสนอนวดเพื่อคลายความปวดเมื่อยให้กับคนแปลกหน้า เพื่อแลกเงินไม่กี่รูปี
เด็กเร่ร่อนเกือบทุกคนบนถนนสายนั้นคือเด็กกำพร้า ขณะเด็กที่เหลือนั้นจะไม่ใช้ก็เหมือนใช้ เพราะในประเทศปากีสถานเป็นประเทศที่ประกอบไปด้วยประชากรถึง 144 ล้านคน
1 ใน 3 ของประชาชนอยู่ในสาวะขัดสน เด็กๆ ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพด้วยตนเองเท่าที่พวกเขาจะทำได้ ทั้งนี้เพราะคอบครัวของเขายากจนข้นแค้นแทบไม่มีอะไรจะกิน
ตามรายงานที่เผยแพร่โดยคณะกรรมการสิทธิมนุษย์ชนปากีสถาน เกือบครึ่งหนึ่งของประชากรเด็กนั้นต่างไม่ได้รับอาหารที่ไม่เพียงพอ เฉพาะในแคว้นปัญจาบเพียงแห่งเดียวนั้น
มีเด็กขาดสารอาหารเป็นจำนวนถึง 1 ล้าน 6 แสนคน และพวกเขามีความบกพร่องทางร่างกายและจิตใจ อันเป็นผลการขาดธาตุอาหารหลักคือธาตุเหล็ก

นอกจากนี้ เด็กกว่า 3 ล้าน 3 แสนคน ถูกบีบบังคับให้ทำงานอย่างทารุณและใช้งานที่เสี่ยงอันตราย แม้จะมีกฎหมายที่จำกัดการทำงานของเด็กอยู่แล้วก็ตาม นอกจากนี้
ยังมีเด็กกว่า 4,000 คนที่ต้องใช้ชีวิตที่สิ้นหวังในเรือนจำที่ล้นแล้วล้นอีก ที่สำคัญในเรือนจำนั้นไม่มีการแบ่งอายุผู้ต้องขังแต่อย่างไร แน่นอนเด็กเหล่านั้นต้องเผชิญกับฆาตกร
นักค้าของเถื่อน ผู้ก่อการร้ายข้ามชาติไม่น่าแปลกอย่างใดที่พวกผู้ใหญ่จะยินดีอย่างยิ่งที่เด็กพวกนี้หายไปจากสังคมปากีสถาน!
                             
อิจาส เด็กชายเร่ร่อนหน้าตาสะสวย สวนเสื้อเชิ้ตขาวรุ่งริ่งโดยมี คารา ที่เป็นเครื่องประดับห่วงวงแหวนสวนไว้ที่ข้อเท้าติดมาด้วย ไม่มีใครในท้องถนนรู้ว่าเขาอายุเท่าไหร่กันแน่
แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าเขาน่าจะอยู่ช่วงวัยรุ่น อิจาสชอบตะเวนไปไหนมาไหนพร้อมกับริแอสน้องชายของเขา ทั้งวันพี่น้องคู่นี้จะหอบหิ้วกล่องเล็กๆ ที่บรรจุน้ำหอมพร้อมกับ
นวดเฟ้นให้แก่ผู้ชายตามสี่แยกท้องถนน มองดูเหมือนจะเป็นชีวิตไร้ค่าสำหรับสายตาคนอื่น แต่ถ้าวันไหนที่เขาหาเงินได้ถึง 20 รูปี ซึ่งมีค่าเท่ากับเงินเพียง 40 เซนต์ของดอลลาร์
อเมริกาเท่านั้น แต่สำหรับอิจาสแล้ว เงินเพียงนี้ดูเหมือนว่าจะทำให้เขาโชคดีไปทั้งสัปดาห์ที่เดียวแต่ชีวิตเร่รอนของอิจาสก็ถึงคราวจบสิ้นเมื่อพบกับจาเว็ต อิคบอล

เดือนพฤศจิกายน 1999 จาเว็ดกับเพื่อนๆ อีก 2 คน ได้เสนอเงินให้เขากว่า 50 รูปี เพื่อเป็นค่าตอบแทนค่านวดเพื่อบรรเทาอัมพาตอัมพฤกษ์ของเขา อิจาดและน้องชาย
ตาลุกวาวกับเงินจำนวนนั้น รีบกระโดดเข้าใส่ทันที โดยไม่รู้ว่าจะมีอะไรรออยู่เบื้องหน้าเด็กสองคนเดินตามจาเว็ต และเพื่อนไปตามถนนแคบๆ ลัดเลาะไปตามแม่น้ำราวี
จนกระทั้งถึงบ้านเดี่ยวมืดๆ ทึมๆ หลังเล็กๆ มีลานหน้าบ้านอยู่ตรงหน้า ภายในบ้านนั้นแบ่งออกเป็นห้องนอนเล็กๆ 3 ห้อง แต่ละห้องสูง 12 ฟุต ซึ่งภายในห้องร้อนอบอ้าวอย่างยิ่ง
แต่ก็ยังดีที่ด้านหน้าของบ้าน มีหน้าต่าง ปล่อยลมเข้ามาได้เย็นสบายบ้าง

ด้วยความทึบทึม จึงทำให้บ้านหลังนี้ดูไม่เหมือนบ้านทั่วไป ที่เป็นบ้านรวมที่มีผู้คนอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่อิจาสมีความรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล จึงบอกให้น้องชายให้กับบ้านก่อน
โดยบอกว่าเขาจะกลับบ้านที่หลัง ซึ่งน้องชายก็ทำตามที่พี่ชายสั่งในขณะที่เขากำลังออกจากบ้านหลังนั้น เขาเห็นอิจาสอยู่ในห้องด้านหน้า สวนเสื้อเชิ้ตขาวรุ่งริ่งตัวนั้น
               
"ผมทิ้งอิจาสไว้ในบ้านหลังนั้นแล้วกลับบ้าน"
ริแอสน้องชายอิจาสให้การกับตำรวจภายหลัง

"อิจาสไม่ได้กลับบ้านในคืนนั้น และเมื่อผมไปตามเขาที่บ้านหลังนั้นบนถนนราวีในเช้ารุ่งขึ้น เขาบอกว่าอิจาสออกจากบ้านหลังจากผมออกไปเล็กน้อย"

(http://image.ohozaa.com/i/59d/yMPFcZ.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xpWHBxdT4mSJ8zQE)

แต่ความจริงก็คือ อิจาดไม่ได้กลับมาบ้านเลย เขายังอยู่ที่นั้น เพียงแต่ไม่ใช้ฐานะมนุษย์ แต่เป็นศพกล่าวที่ริแอสจะรู้ว่าพี่ชายตายแล้ว ก็เมื่อตอนที่ดูจากรูปในอัลบั้ม
ของจาเว็ดนี้แหละ เป็นรูปพี่ชายเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินด้วยความดีใจ หารู้ไม่ว่าในเวลาต่อมาเขาจะได้รับซะตากรรมอย่างไร รูปใบนั้นมีกระดาษติดอยู่เขียนไว้ว่า
หมายเลข 57 ซึ่งไม่ใช้ลำดับการเสียชีวิตเพราะภายหลังพบว่าเขาเป็นเหยื่อที่ถูกฆ่าในลำดับที่ 97 สันนิษฐานกันว่าหมายเลขนั้นอาจบ่บอกถึงลำดับความสนุกสุดยอด
ในการขมขื่นหรือความสนุกในการฆ่าก็เป็นได้ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลาต่อมาว่า จาเว็ดได้รับสารภาพอย่างไร้อารมณ์ว่า เขาใช้ยากดประสาท
อย่างแรงแก่อิจาส และสอบถามเรื่องราวกับชีวิตและครอบครัวของอิจาดอย่างสุภาพ

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? จะฆ่าก็ฆ่าเลยสิจะถามประวัติครอบครัวของเหยื่อทำไมซึ่งโดยปกติแล้ว ฆาตกรต่อเนื่องทั่วไปมักจะทำให้เหยื่อของตนเองกลายเป็นวัตถุชิ้นหนึ่ง
โดยพยายามกดความเป็นมนุษย์ของเหยื่อลงไป  รวมถึงการเสียดสีล้อเลียนให้เหยื่อดูน่าสงสาร แต่จาเว็ดไม่ทำอย่างนั้น เขาสุภาพ พิถีพิถันมาก และจดรายละเอียด
ทุกคำตอบของเหยื่อลงไป หลังจากที่คลายเปลือกของเด็กหมดแล้ว ถึงเวลาที่ชายสุภาพคนนั้นจะแสดงบทโหด มันเริ่มต้นด้วยตัณหาราคะ ก่อนที่จะนำเด็กๆ สู่ความตาย
ทั้งหมดนี้เขาได้วางแผนสำหรับฆ่าเหยื่อ 100 รายไว้หมดแล้ว

ไม่รู้ว่าสิ่งที่เป็นแรงขับของจาเว็ดคืออะไร แต่เขาได้จดรายละเอียดของการฆ่าเหยื่อทั้งหมดในสมุดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นของอิจาดหรือเด็กคนอื่นๆ ที่ก่อนอื่นเขาจะทำให้
เหยื่ออ่อนแรง ไร้รงต่อต้าน จากนั้นก็ลงมือขมขื่น เมื่อเหยื่อร้องครวญครางอย่างไร้สติบนพื้น จาเว็ดก็นำโซ่เหล็กมาพันรอบคอเหยื่อ และค่อยๆ รัดคอเขาอย่างช้าๆ
จากนั้นก็สับรางกายของเหยื่อออกเป็นชิ้นๆ อย่างชำนาญ และค่อยๆ โยนชิ้นส่วนศพที่ละชิ้นที่ละชิ้น ลงในหม้อที่มีกรดโดรคลอริกราคาถูก ราคาแค่ 120 รูปีเท่านั้น

(http://image.ohozaa.com/i/0ea/ujKFYy.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xpWHGuVr2Gv56SdX)

เขายังพิถีพิถันในการที่แยกชิ้นส่วนเหยื่อ ตามที่เขาจดไว้ในสมุดบันทึก เนื่องจากผมและกระดูกเป็นอวัยวะที่ใช้เวลานานในการกัดกร่อน ดังนั้นเขาจึงต้มทั้งสองสิ่งนี้ก่อน
จากที่เป็นเนื้อเริ่มกลายเป็นของเหลว และกำจัดมันทิ้ง ในตอนแรกเขาทิ้งของเหลวนี้ที่ท่อระบายน้ำ แต่เพื่อนบ้านบ่นหนาหูว่ามันส่งกลิ่นเหม็น เขาจึงต้องนำของเหลวนี้
ไปทิ้งลงในแม่น้ำราวี จากหลักฐานที่ตำรวจค้นพบในบ้านของจาเว็ด มีเพียงชิ้นส่วนของอิจาสและเด็กชายไม่ทราบชื่ออีกหนึ่งคนเท่านั้นที่หลงเหลืออยู่ในถังน้ำกรด
มันตั้งอยู่เด่นชัดกลางบ้าน เหมือนกับจงใจทิ้งมันไว้ เพื่อให้พิสูจน์ว่า

"ผมเป็นฆาตกรฆ่าเด็ก จับผมสิ หลักฐานอยู่นี้ไงเห็นชัดหรือเปล่า"
               
ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เขาตัดสินใจสารภาพและยอมมอบตัวกับตำรวจ นักวิเคราะห์สันนิษฐานว่า เขาอาจบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้กับตัวเองว่าต้องฆ่าให้ได้ 100 ศพ
และเมื่อครบจำนวนนั้นจาเว็ดจึงเขียนจดหมายถึงหนังสือพิมพ์และตำรวจ

"ผมได้ข่มขืนเด็กจำนวน 100 คน ก่อนฆ่าพวกเขา"
นี้คือคำสารภาพแรก

"รายละเอียดทั้งหมดของการฆาตกรรมอยู่ในไดอารี่และสมุดบันทึกอีก 32 หน้า ซึ่งวางไว้ในห้องที่บ้าน และถูกส่งไปให้ทางการแล้ว นี้คือคำสารภาพของผม"
แต่จดหมายถึงตำรวจนั้นกว่าตำรวจจะไม่ทันเปิดอ่านก็กลับฉีกทิ้งซะนี้!

แต่พวกสื่อหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอูรดูน่ะไม่เชื่อมช้าเหมือนข้าราชการหรอก เพราะคำสารภาพที่น่าขนลุกของจาเว็ดนี้มันโดนใจพวกเขาอย่างยิ่ง พวกเขาน่ะรีบส่ง
จดหมายสำเนาไปให้ตำรวจเลยล่ะ พร้อมกับวิจารณ์การทำงานของตำรวจไว้ด้วยว่า

"การฟ้องร้องถือเป็นเรื่องรำคาญต่อราชการ เพราะที่นี้มีระบบป้องกันความปลอดภัยสาธารณะอันแสนที่เก่าแก่ แม้ภายหลังการแยกตัวออกจากเป็นประเทศราชของอังกฤษ
เกือบศตวรรษแล้ว จะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในระบบอยู่บ้าง แต่มันก็เป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จดหมายของจาเว็ดถูกทิ้งไปราวกับไม่มีวันจะเปิดอ่านงั้นแหละ"


(http://image.ohozaa.com/i/692/ChgkdZ.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xpWHIYMd1yYMGIBr)

เมื่อตำรวจดำเนินการล่าช้า สื่อมวลชนนี้แหละที่ต้องเป็นคนหาหลักฐานเป็นตำรวจเสียเอง(น่าอายไหมล่ะ) พวกเขาแกะรอยไปที่บ้านของจาเว็ด ในขณะที่ตำรวจ
ต้องเก็บเศษเล็กเศษน้อยในตระกล้าขยะเพื่อมาต่อหาร่องรอยของนักข่าวอีกที่หนึ่ง เมื่อนักข่าวไปถึงบ้านจาเว็ด พวกเขาต้องเงียบกริบด้วยภาพที่อยู่ตรงหน้า 
มีหยดเลือดสาดกระเซ็นอยู่บนพื้นและบนฝาผนัง บางรอยเป็นรอยนิ้วมือเปื้อนเลือด รวมไปถึงรอยโซ่ และอัลปั้มรูป ที่เปรียบเสมือนแกลเลอรี่ของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย
เด็กบางคนอายุเพียง 9 ขวบ ในมุมหนึ่งของห้อง มีถุงพลาสติก 5 ถุง ที่บรรจุรองเท้าถึง 85 คู่ขนาดต่างๆ เสื้อผ้าเด็กๆ ตลอดจนเสื้อเชิ้ตสีขาว ในถุงดำสื่อมวลชน
พบกำไลข้อเท้าของอิจาสซุกในถุงอีกด้วย

นอกจากนั้นที่บ้านริมแม่น้ำราวีได้ถูกแปรเป็นพิพิธภัณฑ์สามานย์ของจาเว็ด มีการติดสัญลักษณ์ที่แสดงถึงหลักฐานแต่ละชิ้นอย่างพิถีพิถัน ใกล้ๆ มีหม้อน้ำกรดที่ฟู่ฟ่อน
ทำด้วยโฟม ที่บรรจุสิ้นส่วนของอิจาสและเด็กชายอีกคนหนึ่ง มีกระดาษแข็งเขียนด้วยลายมือของจาเว็ดว่า

"ชิ้นส่วนที่อยู่บ้านนี้ มีเจตนาที่จะไม่ทำลายเพื่อที่ทางการจะได้ค้นพบ"
             
เป็นเรื่องยากว่าจะพิสูจน์ว่าจาเว็ดนั้นความจริงสังหารเด็กเป็นจำนวนเท่าใดกันแน่ ถึงจะมีรูปเหยื่อให้ดู แต่ไม่ใช้ว่าเหยื่อนั้นถูกฆ่าก็ได้ และไม่มีใครสงสัยแม้แต่น้อย
หรือว่าเด็กกว่า 100 หายไปในถนนเก่าแก่แห่งนั้น ในแฟ้มตำรวจนั้น มีเด็กเพียง 25 คนเท่านั้นที่แจ้งหายไป ทั้งนี้เพราะพวกผู้ปกครองเด็กที่หายไปส่วนหนึ่งไม่เชื่อว่า
การไปแจ้งความกับตำรวจจะสามารถให้ความช่วยเหลือได้

(http://image.ohozaa.com/i/0dc/rzkelZ.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/xpWHNAv4IhNpYI26)

"การไปขอความช่วยเหลือจากตำรวจนั้น สำหรับฉันไม่มีวันไปแจ้งความเด็ดขาดเพราะไม่มีทางเป็นไปได้ที่พวกเขาจะหาลูกฉันพบ"
คำสัมภาษณ์หนึ่งในแม่ของเหยื่อคนหนึ่งที่ไม่แจ้งความกับตำรวจ

และหลังจากการพิพากษาการตัดสินของศาล สื่อได้กล่าวสะท้อนกับสังคมที่ล้าหลังของประเทศปากีสถานอย่างเจ็บแสบไว้ว่า
"ถ้าจาเว็ด อิคบอล ตัดสินใจฆ่าเด็ก 500 คน ผมก็เชื่อโดยไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาจะยังสามารถทำงานอันแสนโปรดปรานของเขาได้อย่างสะดวกสบาย
โดยไม่ถูกกีดกัน ขัดขวางจากกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น"


โชคดีน่ะที่เขาฆ่าแค่ 100 ศพ!

credit :: Cammy@dek-d
ชื่อ: Re: จาเว็ด อัคบอล (Javed Iqbal) นักฆ่าเด็ก 100 ศพ
โดย: Zeroza เมื่อ 11 มีนาคม 2014, 20:16:05
อย่าง โหด