Show posts - songujee191
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - songujee191

#1
   ผมตั้งใจจะบอกเหตุที่พบกับจากประสบการณ์ เพื่อจะเป็นข้อคิดให้กับทุกท่านที่อ่านกันและประสงค์ว่าคงได้ประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย ถึงเรื่องราวของอาการโรคเอดส์หรือคนที่ติดเชื้อ HIV เราเคยเล่าเรียนกันในชั้นเรียนเมื่อสมัย 10 กว่าปีที่แล้ว ว่าด้วยเรื่องของโรคในกลุ่มการร่วมเพศ อาการของโรคเป็นไง เป็นแล้วจะเป็นเช่นไร สังคมจะยอมรับได้ไหม อะไรจำพวกนี้แล้วเราก็ไม่ได้เห็นมันสำคัญและแค่จำผ่านๆเท่านั้น
   แต่สิ่งที่กำลังจะเล่าอาจจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนความคิดของคุณก็ได้ ตัวผมและเพื่อนๆเป็นนักเที่ยว ชอบเที่ยวไปในที่ต่างๆ และเที่ยวกลางคืนก็มักจะเจอผู้หญิงหลากหลายอยู่แล้ว เมื่อก่อนพวกเราเที่ยวกันแบบแทบไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าจะต้องคิดถึงถึงโรคทางการร่วมเพศ เนื่องจากทุกครั้งที่เจอคนที่ถูกใจก็จีบกันไปเป็นแฟนกันแล้วก็เลิก วนเวียนอยู่แบบนี้มากมาย ไม่เคยจะใส่ใจกับมันว่าจะเกิดอะไรขึ้น
   จนกระทั่งเมื่อพวกเราอายุมากขึ้นและเริ่มจะสร้างครอบครัว เพื่อนผมคนหนึ่งได้แต่งงานกับแฟนที่รักและสร้างครอบครัวด้วยกันแต่ยังไม่มีลูกอยู่กินกันมา 5 ปี เพื่อนผมคนนี้ตั้งแต่แต่งงานก็เลิกเที่ยว เลิกมีกิ๊กในทันทีทันควัน รักภรรยาตั้งใจทำงานเพื่อครอบครัวที่ดี ผมก็ยินดีและดีใจกับเขาด้วยแม้เพื่อนเที่ยวจะขาดไปคนนึงก็ตาม สิ่งที่ไม่คาดหวังก็เกิดขึ้นเมื่อเพื่อนคนนี้ได้โทรมาหาและขอหารือว่าได้ไปตรวจสุขภาพแล้วผลเลือดออกมาเป็น "บวก" ทั้งแฟนและตัวมันเอง ผมก็ถามกลับไปว่าแอบไปเที่ยวมีกิ๊กบ้างรึเปล่า ซึ่งเพื่อนคนนี้ก็ย้ำอย่างมั่นใจว่าไม่ได้มีเลย ไม่ได้เที่ยวแบบนั้นหรือทำอะไรแบบนั้นอีกเลยมีเมียคนเดียวมาตลอด ผมก็ได้แต่ปลอบประโลมให้ใจเย็นๆและจะช่วยศึกษาหาข่าวคราวให้ว่ารักษายังไงกันต่อไป
   เกิดขึ้นได้ยังไง ปัญหาที่ผมถามตัวเองและคิดว่าทำไมต้องเกิดกับคนที่ปฏิบัติตนดีแล้วครอบครัวมีความสุขแล้ว และเกิดขึ้นตอนไหน ไม่เห็นมีอาการโรคเอดส์ ตรงไหนบ่งบอกมาตลอด 5ปี ว่าติดเชื้อเลย ความหวาดหวั่นเริ่มเข้ามาครอบงำจิตใจผม และผมยังไม่ได้เตือนเพื่อนๆคนอื่นในกลุ่มเพราะเพื่อนคนที่ติดเชื้อได้ขอไว้ว่าอย่าเพิ่งบอกกลัวเพื่อนๆรังเกียจและรับไม่ได้ หลังจากนั้นผมเริ่มศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโรคเอดส์อย่างจริงจัง  จากอากู๋หรือ google ก่อนในช่วงแรกๆ และผมตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวเลยว่า เอาวะไปตรวจเลือดตัวเองด้วยเลยจะได้รู้ๆมันไปว่าเป็นด้วยไหม
   ในวันที่ไปตรวจเลือดก็ได้เจอพยาบาลสาวสวยใจดี ยังไม่วายจะเจ้าชู้ 555 ซึ่งผลก็อายและก็กลัวคนมองว่ามาตรวจเลือดแสดงว่าเป็นใช่ไหม คิดไปเองก่อนพาเครียดเหมือนกัน แต่โชคดีที่พยาบาลให้ข้อมูลขั้นต้นได้ดีมากๆ ผมได้สอบถามตรงๆเลยว่า อาการโรคเอดส์สามารถดูได้จากอะไรบ้างแล้วอาการจะแสดงตอนไหน ซึ่งผมประหลาดใจในกรณีของเพื่อนผมเป็นมาอยู่กันมากับแฟน 5 ปี ไม่แสดงอาการอะไรเลย พยาบาลก็บอกว่า โดยปกติคนที่ติดเชื้อมาสักระยะจะมีอาการไม่เหมือนกันในแต่ละคน ร่างกายซูบ น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย เป็นไข้เป็นหวัดบ่อยแล้วหายช้า ในบางคนอาจจะมีตุ่มใสๆขึ้น มีฝ้าขาวในช่องปาก นี่เป็นอาการเริ่มต้นที่สังเกตได้ ทำให้ผมระลึกถึงกลับไปสมัยที่ศึกษาเล่าเรียนเลยว่า เฮ้ย เราเรียนมานี่หว่าอาการพวกนี้คุ้นหูมากแต่เราไม่ได้ตั้งใจกับมัน แต่ผมก็ยังสงสัยว่าเพื่อนผมก็ปกติไม่เห็นมีอาการอะไรเลย
   จนมาเจอคุณหมอท่านหนี่ง ได้บอกไว้ว่าในบางคนอาการโรคเอดส์อาจจะไม่ได้แสดงเลยจนร่างกายภายในแย่หมดแล้วเมื่อตรวจเจอก็อาจจะตายในเวลาไม่นานเลยก็มี และก็มีในบางคนที่ไม่แสดงอาการในลักษณะของเพื่อนผมเลยก็มี เนื่องจากเป็นคนดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์อยู่เป็นนิสัยอยู่แล้ว ทำให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานอยู่ตลอดเพื่อมาต่อสู้กับเชื้อ เลยทำให้ไม่แสดงให้เห็นอาการหมอยังได้บอกอีกว่าทุกวันนี้คนที่ติดเชื้อที่ไม่ได้เข้าทำการรักษาและติดเชื้อแบบไม่รู้ตัวมีอีกหลายแสนคน เพราะเก็บสถิติคนที่เข้าทำการรักษาได้เพียงไม่กี่หมื่นคนเท่านั้น ทำให้ผู้ที่ติดเชื้อ HIV ที่ไม่รู้ตัวมีอยู่มากมายและมีโอกาสแพร่เชื้อได้อีก พอผมรับฟังหมอพูดจบทำให้นึกถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ทันทีว่าทำไมถึงรณรงค์ให้ใช้ถุงยางอนามัยไม่เพียงแต่แค่คุมกำเนิดแล้วเป็นการป้องกันการติดเชื้อด้วย เลยทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตที่ไม่ได้แสดงกายกรรมเสี่ยงตายอย่างเราก็เหมือนเสี่ยงอย่างมากกับการใช้ชีวิตอย่างประมาทแบบนี้ ตอนนี้ผมอาจจะยังไม่มีครอบครัวถ้าติดเชื้อก็ยังตัวคนเดียว แต่ถ้ามีครอบครัวเมียขึ้นมา ก็จะกลายเป็นว่านำไปติดเขาอีกทั้งๆที่เขาไม่รู้อะไรเลย แต่สุดท้ายผลตรวจของผมในสัปดาห์ถัดมา ปลอดภัยและอีก 3 เดือน ตรวจก็ยังปลอดภัยทำให้โล่งใจไปได้ ส่วนเพื่อนของผมก็เข้าทำการรักษาปกติรับยาและดูแลสุขภาพให้ดีอย่างโดยตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่ผมพอจะคาดได้ว่าเพื่อนผมที่ไม่แสดงอาการเพราะออกกำลังกายเป็นนิสัย เข้าฟิตเนส รับประทานอาหารดีมีประโยชน์ของทอดอะไรพวกนี้มันแทบไม่แตะเลย นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ไม่มีอาการอะไรเลยก็ได้เพราะแข็งแรงมาก
   หลังจากเจอกรณีนี้กับคนใกล้ตัวทำให้ผมใส่ใจไว้เลยว่าจะต้องป้องกันทุกครั้ง ไม่ว่ากับแฟนหรือกับใคร และก็ทำให้ผมตั้งใจจะเลิกกินเที่ยวมั่วไปเรื่อย และบอกต่อให้กับเพื่อนๆในกลุ่มว่าพอดีกว่าไม่อยากเสี่ยงแบบนี้อันตรายต่อเราและผู้อื่นด้วยถ้าเราเป็นแล้วไม่รู้ไปแพร่เชื้อให้กับคนอื่นต่อ เพื่อนๆผมก็แห่กันไปตรวจพร้อมกันในช่วงถัดไปและก็ยังโชคดีที่ไม่มีใครติด และก็เจอกันก็กลายเป็นเรื่องที่แซวกันถึงอาการโรคเอดส์ต่างๆ ใครตุ่มขึ้นก็โดนหนัก มีผื่นหรือมีอะไรที่เข้าทางก็จะถูกโจมตีด้วยคำพูดต่างๆนานา อย่างน้อยก็เป็นการเตือนสติกันอยู่ตลอด
   ทุกวันนี้ผมเองมีแฟนและยังป้องกันอยู่เสมอพอคบกันได้สักระยะ ก็ชวนกันไปตรวจแต่ต้องคุยให้แฟนเราเข้าใจด้วยนะครับ จึงอยากจะนำเรื่องราวตรงนี้มาแบ่งปันกับพี่ๆน้องๆเพื่อนๆ ที่ยังคิดว่าไม่เป็นไรหรอก คำว่า "ไม่เป็นไร" นี่แหละครับอาจจะทำให้เสียใจภายหลังก็ได้ ทำความเข้าใจอาการโรคเอดส์ไว้บ้าง ป้องกันทุกครั้งแม้จะเป็นแฟนกันเราก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าก่อนหน้านั้นมีแฟนมาแล้วติดเชื้อไหม แฟนเราสักไหมอาจจะติดจากเข็มสักหรือป่าว ป้องกันไว้ก่อนและคุยกันชวนกันไปตรวจถ้าคิดจะลงเอย สร้างครอบครัวแต่งงานกัน เพื่อสวัสดิภาพของเด็กที่จะเกิดจากคนสองคนอีกด้วย
    ผมเองคงหวังว่าจะทำให้ท่านที่อ่านได้คิดบ้าง เพราะอาการโรคเอดส์ปัจจุบันคงจะไม่สามารถดูรู้ได้จากทางสายตา อาจจะปะปนอยู่กับคนใกล้ตัวคุณก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดก็ป้องกันไว้ก่อนให้เรื่องราวนี้เป็นตัวอย่างของความไม่ชะล่าใจ เพื่อนของผมยังโชคดีมากที่ตรวจเจอก่อนที่จะตัดสินใจมีลูก นั่นคือสิ่งที่เพื่อนพูดกับผมว่ากำลังจะคิดมีลูกเลยเพราะสถานะเริ่มมั่นคง ไม่มีหนี้สินแล้ว ผ่อนบ้าน ผ่อนรถหมด ไม่งั้นเด็กที่เกิดมากก็ต้องมาแบกภาวะการเสี่ยงอีกว่าจะติดจากแม่รึเปล่า ขอบคุณที่อ่านจนจบ และขอให้ตั้งอยู่บนความไม่ประมาททุกท่านครับ