อาการปวดหลังเราอาจจะพบได้เรื่อยกับบุคคลทั่วไป ซึ่งไม่เฉพาะแต่กับผู้ที่กำลังเข้าสู่วัยชราเท่านั้น ในสมัยปัจจุบันเราสามารถ
พบอาการปวดหลังในวัยหนุ่มสาว และวัยผู้ใหญ่
มากขึ้น นั่นก็เพราะเกิดจากการปฏิบัติงานต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นการนั่งปฏิบัติงานเป็นเวลานาน ๆ หรือการนั่งทำงานที่ผิดท่าทางไม่ถูกต้อง รวมไปถึงการทำงานหนักเช่น การยกของหนัก การแบก ที่ส่งผลกระทบกระเทือนโดยตรงกับแผ่นหลัง และแถวไกล้เคียงเช่นไหล่ อาการปวดหลังนี้นับเป็นอาการที่ส่งผลพวงต่อการดำรงชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราจึงควรหาเหตุผลที่แท้จริงเพื่อช่วยเหลือในการป้องกันและทำการบำบัดได้อย่างถูกต้องทันท่วงที
6 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง
ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้อาจมีผลให้เกิดอาการปวดหลังขึ้นมาได้ หากไม่พึงระวัง หรือทำการป้องกันรักษาก่อนที่จะเกิดอาการดังกล่าวซึ่งมี 6 ปัจจัยเสี่ยงอันตรายดังต่อไปนี้คือ
1. เกิดจากสภาพความตึงเครียด หรือความวิตกกังวลกังวล
2. การปฏิบัติงานที่ต้องยกของหนักเกินกำลัง หรือยกของหนักโดยปกติทุกวัน
3. การปฏิบัติงานที่มีแรงสั่นต่าง ๆ เช่น การขุดเจาะ การขับรถยนต์ หรือการขี่จักยานยนต์
4. มีน้ำหนักที่เหลือไป หรือโรคโต ซึ่งส่งผลให้กระดูกสันหลังต้องรับภาระน้ำหนักตัวมาก
5. การปฏิบัติงานที่ต้องนั่งโต๊ะเป็นเวลาเป็นเวลายาวนาน ๆ เช่น งานออฟฟิศ การนั่งทำงานกับพื้นเป็นเวลายาวนาน ฯลฯ
6. ขาดการออกกำลังอย่างเป็นนิสัย หรือเป็นประจำทำให้กล้ามเนื้อที่กระดูกสันหลังไม่แข็งแรง
เราจะดูแลรักษาอาการปวดหลังได้อย่างไร
สำหรับวิธีการดูแลบรรเทาอาการปวดหลังนั้น ก็ขึ้นอยู่กับอาการต่าง ๆ รวมไปถึงระยะเวลาที่มีอาการดังกล่าว และความเสียหายของส่วนประกอบกระดูก เพราะผู้ป่วยแต่ละรายนั้นอาจมีต้นเหตุ และเกิดอาการที่คลาดเคลื่อนกัน ระยะเวลาต่างกัน โดยแนวในการดูแลรักษานั้นสามารถดังต่อไปนี้แล้วแต่กรณีคือ
การรักษาแบบพยุง โดยการทำฟื้นฟู การรับประทานยาเพื่อช่วยลดอาการปวด หรืออาการอักเสบลง
การบำบัดรักษาด้วยการฉีดยาลงไปเฉพาะที่ (Selection Nerve Root Block) เพื่อเป็นการช่วยหยุดยั้งอาการปวดเฉพาะที่ การบรรเทาในลักษณะนี้อาจดูแลรักษาได้ทั้งกระดูกหลังและคอ
การบรรเทาด้วยการฉีดสารซีเมนต์เหลว (Vertebroplasty) เพื่อให้สามารถทำหน้าที่แทนกระดูก หรือปกป้องรักษากระดูกทรุดจากกระดูกพรุน
การรักษาด้วยการใช้คลื่นเสียง (Nucleoplasty) เพื่อเป็นการช่วยซ่อมแซมหมอนรองกระดูก โดยการปล่อยคลื่นพลังงานอย่างอ่อน ที่จะช่วยให้ของเหลวคล้ายเจลในกระดูกสันหลังสั้นเข้าลง ทำให้สามารถลดการกดทับเส้นประสาทได้
การดูแลรักษาด้วยการใช้บอลลูนขยายช่องกระดูกสันหลัง (Balloon Kyphoplasty) ที่สามารถช่วยบรรเทาการโก่งงอในกระดูกสันหลังได้แล้วฉีดสารซีเมนต์เข้าไปแทนที่บอลลูน โดยให้ซีเมนต์ทำหน้าที่แทนกระดูก จะทำให้หลังตรงขึ้น
การบำบัดรักษาแบบหัตถการ ซึ่งเป็นวิธีบำบัดที่ไม่ต้องทำการผ่าตัด
การบรรเทาด้วยวิธีการผ่าตัด สำหรับการบำบัดด้วยวิธีนี้นั้น จะทำการบำบัดรักษาโดยแนวทางบำบัดอื่น ๆ ไร้ผลแล้ว หรือเฉพาะในกรณีที่ ต้องทำการฟื้นฟูโครงสร้างกระดูก
อย่างไรก็ตามข้อสงสัยของอาการปวดหลังนั้น หากเราสามารถรักษาได้จะเป็นการ ดีมาก กว่าการบำบัดรักษาในภายหลัง ดังนั้นจึงควรหมั่นสนใจสุขภาพของตนเองให้ดีมีความพร้อมตลอดเวลา ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความเจ็บไข้แล้วยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เพื่อพร้อมในการดำรงชีวิตประจำวันอีกด้วยครับ
พบอาการปวดหลังในวัยหนุ่มสาว และวัยผู้ใหญ่
มากขึ้น นั่นก็เพราะเกิดจากการปฏิบัติงานต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นการนั่งปฏิบัติงานเป็นเวลานาน ๆ หรือการนั่งทำงานที่ผิดท่าทางไม่ถูกต้อง รวมไปถึงการทำงานหนักเช่น การยกของหนัก การแบก ที่ส่งผลกระทบกระเทือนโดยตรงกับแผ่นหลัง และแถวไกล้เคียงเช่นไหล่ อาการปวดหลังนี้นับเป็นอาการที่ส่งผลพวงต่อการดำรงชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก ดังนั้นเราจึงควรหาเหตุผลที่แท้จริงเพื่อช่วยเหลือในการป้องกันและทำการบำบัดได้อย่างถูกต้องทันท่วงที
6 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการปวดหลัง
ปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้อาจมีผลให้เกิดอาการปวดหลังขึ้นมาได้ หากไม่พึงระวัง หรือทำการป้องกันรักษาก่อนที่จะเกิดอาการดังกล่าวซึ่งมี 6 ปัจจัยเสี่ยงอันตรายดังต่อไปนี้คือ
1. เกิดจากสภาพความตึงเครียด หรือความวิตกกังวลกังวล
2. การปฏิบัติงานที่ต้องยกของหนักเกินกำลัง หรือยกของหนักโดยปกติทุกวัน
3. การปฏิบัติงานที่มีแรงสั่นต่าง ๆ เช่น การขุดเจาะ การขับรถยนต์ หรือการขี่จักยานยนต์
4. มีน้ำหนักที่เหลือไป หรือโรคโต ซึ่งส่งผลให้กระดูกสันหลังต้องรับภาระน้ำหนักตัวมาก
5. การปฏิบัติงานที่ต้องนั่งโต๊ะเป็นเวลาเป็นเวลายาวนาน ๆ เช่น งานออฟฟิศ การนั่งทำงานกับพื้นเป็นเวลายาวนาน ฯลฯ
6. ขาดการออกกำลังอย่างเป็นนิสัย หรือเป็นประจำทำให้กล้ามเนื้อที่กระดูกสันหลังไม่แข็งแรง
เราจะดูแลรักษาอาการปวดหลังได้อย่างไร
สำหรับวิธีการดูแลบรรเทาอาการปวดหลังนั้น ก็ขึ้นอยู่กับอาการต่าง ๆ รวมไปถึงระยะเวลาที่มีอาการดังกล่าว และความเสียหายของส่วนประกอบกระดูก เพราะผู้ป่วยแต่ละรายนั้นอาจมีต้นเหตุ และเกิดอาการที่คลาดเคลื่อนกัน ระยะเวลาต่างกัน โดยแนวในการดูแลรักษานั้นสามารถดังต่อไปนี้แล้วแต่กรณีคือ
การรักษาแบบพยุง โดยการทำฟื้นฟู การรับประทานยาเพื่อช่วยลดอาการปวด หรืออาการอักเสบลง
การบำบัดรักษาด้วยการฉีดยาลงไปเฉพาะที่ (Selection Nerve Root Block) เพื่อเป็นการช่วยหยุดยั้งอาการปวดเฉพาะที่ การบรรเทาในลักษณะนี้อาจดูแลรักษาได้ทั้งกระดูกหลังและคอ
การบรรเทาด้วยการฉีดสารซีเมนต์เหลว (Vertebroplasty) เพื่อให้สามารถทำหน้าที่แทนกระดูก หรือปกป้องรักษากระดูกทรุดจากกระดูกพรุน
การรักษาด้วยการใช้คลื่นเสียง (Nucleoplasty) เพื่อเป็นการช่วยซ่อมแซมหมอนรองกระดูก โดยการปล่อยคลื่นพลังงานอย่างอ่อน ที่จะช่วยให้ของเหลวคล้ายเจลในกระดูกสันหลังสั้นเข้าลง ทำให้สามารถลดการกดทับเส้นประสาทได้
การดูแลรักษาด้วยการใช้บอลลูนขยายช่องกระดูกสันหลัง (Balloon Kyphoplasty) ที่สามารถช่วยบรรเทาการโก่งงอในกระดูกสันหลังได้แล้วฉีดสารซีเมนต์เข้าไปแทนที่บอลลูน โดยให้ซีเมนต์ทำหน้าที่แทนกระดูก จะทำให้หลังตรงขึ้น
การบำบัดรักษาแบบหัตถการ ซึ่งเป็นวิธีบำบัดที่ไม่ต้องทำการผ่าตัด
การบรรเทาด้วยวิธีการผ่าตัด สำหรับการบำบัดด้วยวิธีนี้นั้น จะทำการบำบัดรักษาโดยแนวทางบำบัดอื่น ๆ ไร้ผลแล้ว หรือเฉพาะในกรณีที่ ต้องทำการฟื้นฟูโครงสร้างกระดูก
อย่างไรก็ตามข้อสงสัยของอาการปวดหลังนั้น หากเราสามารถรักษาได้จะเป็นการ ดีมาก กว่าการบำบัดรักษาในภายหลัง ดังนั้นจึงควรหมั่นสนใจสุขภาพของตนเองให้ดีมีความพร้อมตลอดเวลา ซึ่งนอกจากจะช่วยลดความเจ็บไข้แล้วยังช่วยให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เพื่อพร้อมในการดำรงชีวิตประจำวันอีกด้วยครับ