ร้านเช่าชุดแฟนซีเป็นอีกงานที่สามารถเรียกเงินจากกระเป๋าผู้บริโภคได้ แต่ก็จะมีช่วงหรือฤดูกาลของการใช้งานอยู่ ไม่ได้มีลูกค้ามากมายตลอดทั้งปี ส่วนมากก็จะเป็นช่วงปลายปี ไปจนถึงต้นปี ช่วงกลางปีก็จะค่อนข้างทรงตัว
บทความชุดนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อแนะนำเพื่อนๆถึงการเลือกร้านเช่าชุดแฟนซี ที่มีอยู่อย่างมากมาย ว่าต้องเลือกร้านแบบไหนให้ได้ชุดสวยๆและมีคุณค่า (อันนี้ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ)
1.ควรจะลองค้นหาจากเว็บไซต์ดูก่อนว่า มีร้านอะไรบ้างที่อยู่ใกล้ ค้นหาข้อมูลร้านเช่าชุดแฟนซีไว้ก่อนว่ามีกี่ร้าน แล้วร้านไหนที่เราสนใจเป็นพิเศษ
2.เปรียบเทียบราคา ร้านเช่าชุดแฟนซีแต่ละร้าน ว่ามีราคาต่างกันขนาดไหน เพื่อหาราคามาตรฐาน
3.เตรียมชุดแฟนซีที่มีอยู่ในใจ เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกชุด อย่าไปเลือกตามเพื่อน ข้อนี้สำคัญนะค่ะ เพราะแต่ละคนมีทรวดทรงที่แตกต่างกัน คนนึงใส่อาจจะสวยดูดี อีกคนใส่อาจจะคนละเรื่องเลยนะค่ะ ขึ้นอยู่กับไม้แขวนเสื้อด้วยค่ะ
4.เข้าไปลองชุดที่ร้านเช่าชุดแฟนซี โดยพิจารณาจากเนื้อผ้า คุณภาพการตัดเย็บ (กรณีที่เป็นร้านค้าออนไลน์ไม่สามารถเข้าไปทดลองชุดได้ ให้แจ้งขนาดรอบอก รอบเอวให้ทางร้านทราบเพื่อตรวจสอบว่ามีขนาดดังกล่าวไหม) ในขั้นตอนนี้สามารถปรับแก้ขนาดได้นิดหน่อยมั้งค่ะ แล้วแต่บางร้านค่ะ
5.อย่าลืมถามหาโปรโมชั่นต่างๆจากร้านเช่าชุดแฟนซีนะค่ะ มีไม่มีก็ถามไว้ก่อน ไม่เสียหายอะไร
6.อย่าลืมสอบถามระยะเวลาในการเช่าชุดแฟนซี ว่ามีระยะเวลาการเช่ากี่วัน เพราะโดยส่วนมากถ้าลูกค้านำชุดมาคืนช้า หรือเกินกำหนดก็จะโดนปรับเงินเป็นจำนวนที่แตกต่างกัน
ร้านเช่าชุดโดยทั่วไปก็มีการแบ่งออกเป็นหลายประเภทในตัวของมันเองนะคะ ถึงแม้จะมีชุดให้เลือกมากมายหลายประเภท แต่ก็จะมีความเด่นเป็นกลุ่มชุดไปนะคะ มีความโดดเด่นกันไปแต่ละร้าน เช่น ร้านเช่าชุดแต่งงาน ร้านเช่าชุดแฟนซี ร้านเช่าชุดสูท ร้านเช่าชุดไทย เป็นต้น ดังนั้น หากเรากำลังมองหาร้านเช่าชุดแฟนซีอยู่ละก็ พยายามเลือกร้านที่มีชุดแฟนซีเป็นธีมหลักของร้านนะค่ะ ไม่ใช่ไปเข้าตามร้านเวดดิ้งสตูดิโอ อาจจะได้ชุดสูทหรือชุดราตรีใส่ไปงานแทน ซึ่งมันผิดคอนเซปนะค่ะ เมื่อเราตัดสินใจเลือกร้านได้แล้ว เลือกชุดได้แล้ว ก็ถึงข้นตอนการจ่ายเงิน ก็จะมีเงินค่าเช่าชุด และเงินค่ามัดจำชุดแฟนซี ส่วนนี้ให้เขาไปเถอะค่ะ เพราะแต่ละชุดนั้นราคาแพงหลักพันไปจนถึงหลักหมื่นก็มีนะค่ะ เห็นในเวลาลูกค้าเบี้ยวมานำมาคืนอ่ะ ไม่คุ้มเลยจริงๆ แล้วในส่วนของตัวเราเองนั้น ก็ต้องตรวจดูความสมบูรณ์ของชุดว่ามีการชำรุดขาดรึเปล่า จะได้ไม่ต้องรับเคราะห์โดยปรับในภายหลัง
เกร็ดเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ จะทำให้งานเลี้ยงสิ้นปี หรืองานเลี้ยงสังสรรค์ของทุกท่านมีความสนุกสนานและความสบายใจมากขึ้นไปอีก จากรายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆน้อยเหล่านี้นะค่ะ ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้กรุณาอ่านบทความนี้จนจบนะค่ะ ขอบคุณค่ะ
บทความชุดนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อแนะนำเพื่อนๆถึงการเลือกร้านเช่าชุดแฟนซี ที่มีอยู่อย่างมากมาย ว่าต้องเลือกร้านแบบไหนให้ได้ชุดสวยๆและมีคุณค่า (อันนี้ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ)
1.ควรจะลองค้นหาจากเว็บไซต์ดูก่อนว่า มีร้านอะไรบ้างที่อยู่ใกล้ ค้นหาข้อมูลร้านเช่าชุดแฟนซีไว้ก่อนว่ามีกี่ร้าน แล้วร้านไหนที่เราสนใจเป็นพิเศษ
2.เปรียบเทียบราคา ร้านเช่าชุดแฟนซีแต่ละร้าน ว่ามีราคาต่างกันขนาดไหน เพื่อหาราคามาตรฐาน
3.เตรียมชุดแฟนซีที่มีอยู่ในใจ เพื่อเป็นแนวทางในการเลือกชุด อย่าไปเลือกตามเพื่อน ข้อนี้สำคัญนะค่ะ เพราะแต่ละคนมีทรวดทรงที่แตกต่างกัน คนนึงใส่อาจจะสวยดูดี อีกคนใส่อาจจะคนละเรื่องเลยนะค่ะ ขึ้นอยู่กับไม้แขวนเสื้อด้วยค่ะ
4.เข้าไปลองชุดที่ร้านเช่าชุดแฟนซี โดยพิจารณาจากเนื้อผ้า คุณภาพการตัดเย็บ (กรณีที่เป็นร้านค้าออนไลน์ไม่สามารถเข้าไปทดลองชุดได้ ให้แจ้งขนาดรอบอก รอบเอวให้ทางร้านทราบเพื่อตรวจสอบว่ามีขนาดดังกล่าวไหม) ในขั้นตอนนี้สามารถปรับแก้ขนาดได้นิดหน่อยมั้งค่ะ แล้วแต่บางร้านค่ะ
5.อย่าลืมถามหาโปรโมชั่นต่างๆจากร้านเช่าชุดแฟนซีนะค่ะ มีไม่มีก็ถามไว้ก่อน ไม่เสียหายอะไร
6.อย่าลืมสอบถามระยะเวลาในการเช่าชุดแฟนซี ว่ามีระยะเวลาการเช่ากี่วัน เพราะโดยส่วนมากถ้าลูกค้านำชุดมาคืนช้า หรือเกินกำหนดก็จะโดนปรับเงินเป็นจำนวนที่แตกต่างกัน
ร้านเช่าชุดโดยทั่วไปก็มีการแบ่งออกเป็นหลายประเภทในตัวของมันเองนะคะ ถึงแม้จะมีชุดให้เลือกมากมายหลายประเภท แต่ก็จะมีความเด่นเป็นกลุ่มชุดไปนะคะ มีความโดดเด่นกันไปแต่ละร้าน เช่น ร้านเช่าชุดแต่งงาน ร้านเช่าชุดแฟนซี ร้านเช่าชุดสูท ร้านเช่าชุดไทย เป็นต้น ดังนั้น หากเรากำลังมองหาร้านเช่าชุดแฟนซีอยู่ละก็ พยายามเลือกร้านที่มีชุดแฟนซีเป็นธีมหลักของร้านนะค่ะ ไม่ใช่ไปเข้าตามร้านเวดดิ้งสตูดิโอ อาจจะได้ชุดสูทหรือชุดราตรีใส่ไปงานแทน ซึ่งมันผิดคอนเซปนะค่ะ เมื่อเราตัดสินใจเลือกร้านได้แล้ว เลือกชุดได้แล้ว ก็ถึงข้นตอนการจ่ายเงิน ก็จะมีเงินค่าเช่าชุด และเงินค่ามัดจำชุดแฟนซี ส่วนนี้ให้เขาไปเถอะค่ะ เพราะแต่ละชุดนั้นราคาแพงหลักพันไปจนถึงหลักหมื่นก็มีนะค่ะ เห็นในเวลาลูกค้าเบี้ยวมานำมาคืนอ่ะ ไม่คุ้มเลยจริงๆ แล้วในส่วนของตัวเราเองนั้น ก็ต้องตรวจดูความสมบูรณ์ของชุดว่ามีการชำรุดขาดรึเปล่า จะได้ไม่ต้องรับเคราะห์โดยปรับในภายหลัง
เกร็ดเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ จะทำให้งานเลี้ยงสิ้นปี หรืองานเลี้ยงสังสรรค์ของทุกท่านมีความสนุกสนานและความสบายใจมากขึ้นไปอีก จากรายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆน้อยเหล่านี้นะค่ะ ก็ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้กรุณาอ่านบทความนี้จนจบนะค่ะ ขอบคุณค่ะ