Show posts - kookkisun
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - kookkisun

#7
เวลานี้จะไปไหนมาไหนสิ่งที่ต้องพกพาติดกระเป๋าไปด้วยตลอดนอกเหนือจากพวกสิ่งของจำเป็นอื่นๆแล้วคงหนีไม่พ้น เพาเวอร์แบงค์หรือแบตเตอรี่สำรองนั้นเองเพราะถ้าเราลองเปรียบการใช้ชีวิตประจำวันของคนสมัยนี้กับแต่ก่อนมีความต่างกันมากทั้งในเรื่องชีวิตความเป็นอยู่และการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้โดยในสมัยปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ๆปรับปรุงขึ้นเรื่อยๆเพื่อสนองตอบความต้องการตามยุคสมัยไม่ตกยุค สะดวกสบายและการเข้าถึงข่าวคราวทุกแบบจะเห็นได้จากอีกอย่างคือ สมัยก่อนแบตเตอรี่มือถือชาร์จครั้งหนึ่งเราสามารถใช้งานได้นาน2-3 วันเลยแต่ในปัจจุบันที่ 3G ,4G กำลังมาแรงผู้คนโดยมากก็ไม่ได้ใช้โทรศัพท์มือถือหรือที่ในช่วงปัจจุบันเรียกว่าสมาร์ทโฟนแค่ในการต่อโทรศัพท์เท่านั้น แต่ตัวสมาร์ทโฟนยังออนไลน์เพื่อรับส่งข่าวสารอยู่ตลอดไม่ว่าจะเป็น facebook ,line ,Instagram และแอพพลิเคชั่นอื่นๆเป็นต้น ทำให้ในมือถือหรือสมาร์ทโฟนแต่ละเครื่องมีการใช้แบตเตอรี่มากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ในเมื่อก่อน แบตเตอรี่ที่ติดมากับมือถือจึงมีขนาดความจุของกระแสไฟไม่พอเพียงต่อการใช้งานและคนโดยมากในยุคนี้ก็ไม่ชอบอุปสรรค แบตเตอรี่ไม่เหลือตอนติดต่องาน ,แบตเตอรี่หมดตอนแชทคุยกับกลุ่มเพื่อน ,แบตเตอรี่หมดในที่ไม่มีที่ชาร์จแบตเตอรี่ ,ไปต่างถิ่นแล้วปลั๊กไฟไม่เหมือนที่ไทย เพาเวอร์แบงค์หรือแบตเตอรี่สำรอง จึงมีอรรถประโยชน์มากและเป็นโอกาสสำคัญของกลุ่มคนในช่วงปัจจุบันนี้ ถ้าเราลองมาทำความรู้จักกับเพาเวอร์แบงค์หรือแบตเตอรี่สำรอง เราจะพบว่ามันก็คือแบตเตอรี่ที่มีการดีไซน์ความจุหลายขนาดห่อหุ้มด้วยวัสดุกันปะทุอย่างแน่นหนาเพื่อให้ง่ายต่อการพกพาเที่ยวไป พร้อมมีช่องจ่ายกระแสไฟบ้านเข้าตัวแบตเตอร์รี่ และมีช่องจ่ายพลังงานจากแบตเตอรี่เข้าสู่สมาร์ทโฟนและแทบเล็ตต่างๆ การเลือกใช้เพาเวอร์แบงค์และการดูอัตราการชาร์จมีวิธีการดังนี้คือ อัตราการรับไฟบ้านเข้าตัว และระยะเวลาการจ่ายไฟออกจากเพาเวอร์แบงค์ ให้ตรวจที่ฉลากข้างกล่องได้เลยตรงที่เขียนว่า Input : DC 5V - 2.1 A (max) หมายความว่า เวลาที่ใช้ในการชาร์จไฟบ้านเข้าอุปกรณ์เพาเวอร์แบงค์กระแสไฟฟ้าจะไหลเข้าไปเก็บสูงสุดต่อหน่วยเวลา คือ 2.1 แอมป์ (ถือว่าเป็นปริมาณที่เร็วมากและไม่เป็นอันตรายสำหรับเพาเวอร์แบงค์) ดังนั้น ถ้าพิมพ์ว่า 1.0 A (max) ก็แสดงว่า กินเวลาในการชาร์จกระแสไฟฟ้าบ้านเข้าเพาเวอร์แบงค์นานกว่า ยิ่งความจุ10,000 มิลลิแอมป์ อาจนานถึง 15 ชั่วโมงเลยทีเดียว Output : DC 5V - 2.1 A คือ ตอนชาร์จสมาร์ทโฟน/แทบเล็ตต่างๆ เข้ากับเครื่องแบตเตอรี่สำรอง กระแสไฟจะไหลเข้าสูงสุดต่อหน่วยเวลา คือ 2.1 แอมป์ (ยิ่งมากยิ่งดี 2.1 A นับว่าเร็วมาก ซึ่งทุกครั้งในท้องตลาดจะมี1.0 A กับ2.1 Aการเลือกซื้ออุปกรณ์เสริมให้กับตัวแบตเตอรี่สำรอง ปกติเพาเวอร์แบงค์ที่มีขายจะไม่มีหัวปลั๊กไฟที่ใช้ต่อกระแสไฟบ้านเพื่อชาร์ตไฟเข้าตัวมันมาพร้อมในกล่องด้วย เพราะหัวปลั๊กไฟฟ้านี้สามารถใช้ร่วมกับของสมาร์ทโฟน/แทบเล็ตต่างๆในช่วงปัจจุบันที่มีพอร์ต USB ที่หัวเต้าเสียบอยู่แล้ว หัวปลั๊กไฟจะดัดแปลงไฟอาคารบ้านเรือน220โวลต์ เป็นกี่แอมป์ให้ดูที่หัวปลั๊กไฟได้เลย ตรงบรรทัดที่ระบุว่า Output ดังนั้น ให้ดูว่ามีหัวปลั๊กที่เข้ากับวัสดุอุปกรณ์ของเราได้หรือไม่ เมื่อเราดูกรรมวิธีเลือกชมเลือกซื้อหาอุปกรณ์แล้ว ต่อจากนั้นจะเป็นการดูแลรักษาเพาเวอร์แบงค์หรือแบตเตอรี่สำรองให้มีอายุใช้งานที่ยาวนานขึ้นสิ่งที่เราควรทำคือ จากที่อายุใช้งานของ แบตสำรองแบบ Lithium - Ion ทั่วไปจะมีอายุใช้งานประมาณ 300-500 รอบ ประเภท Lithium-Polymer จะอยู่ที่ 600-800 รอบ ดังนั้น คือ เราสามารถใช้แบตสำรองได้ประมาณ 10 เดือน - 2 ปี (หากใช้วันละ 1 รอบ) มันจะเสื่อมเร็วถ้าเราต่อเพาเวอร์แบงค์เข้ากับสมาร์ทโฟนและแทบเล็ตต่างๆ แล้วใช้งานสมาร์ทโฟน เช่นเข้าเน็ตและเล่นเกมส์ไปด้วย ดังนั้นควรปล่อยให้เพาเวอร์แบงค์จ่ายไฟฟ้าเข้าอุปกรณ์จนเต็มแล้วถอดปลั๊กออก จึงค่อยใช้งานอุปกรณ์ ตัวแบตเตอรี่สำรองจะหมดสภาพไวมากขึ้น ถ้าเราไม่ชาร์จไฟให้ตัวเขาเต็มอยู่เสมอ หากเห็นว่าสถานะปริมาณไฟบนตัวแบตเตอรี่สำรองเหลือต่ำกว่า 30% แล้ว ควรหยุดใช้งาน เพราะถ้าเรายังฝืนหยิบแบตเตอรี่สำรองไปจ่ายไฟเข้าโทรศัพท์มือถือและแทบเล็ต จนไฟในอุปกรณ์แบตเตอรี่สำรอง หมดสิ้นเราจะเห็นอาการ "ตายสนิท" ของแบตเตอรี่สำรองรวดเร็วมากขึ้น เพราะการสร้างประจุพลังงานอีกครั้งนั้นใช้กำลังมากมายจึงทำให้แบตของแบตเตอรี่สำรองหมดสภาพเร็ว สิ่งที่ควรรู้อีกคือแบตเตอรี่สำรองไม่ชอบความร้อนอย่างมากหากยิ่งใกล้ความร้อนตัวเซลล์ในตัวแบตเตอรี่สำรองจะเสื่อมเร็ว ดังนั้นละเว้นเก็บไว้ในที่ร้อน ควรเก็บแบตเตอรี่สำรองไว้ในที่เย็นสบาย ซึ่งจะสามารถยืดอายุและใช้งานได้นานมากขึ้น ห้ามทำแบตเตอรี่สำรองตก หรือสัมผัสกับของเหลว เช่น น้ำ เพราะว่าจะทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่ถูกกับน้ำและความชื้น ห้ามนำแบตเตอรี่สำรองไว้ใกล้ความร้อน เตาไฟ ไมโครเวฟ ฯลฯ หรือ อย่าเอาไฟไปเผาแบตเตอรี่สำรองเล่น เพราะจะทำให้แบตเตอรี่ลูกระเบิด เกิดอันตรายได้และสุดท้ายนี้สำหรับการดูแลแบตเตอรี่สำรองคือตัวแบตเตอรี่สำรองของบางยี่ห้อ ไม่มีฟังก์ชั่นการกำกับอุณหภูมิความร้อนของตัวเครื่อง ถ้าใช้ติดต่อกันนานเกินไป ความร้อนจากการทำงานอาจทำเอาแบตเตอรี่สำรองเสียหายและเสื่อมสภาพลงอย่างรวดเร็วได้ ใช้อย่างพอดีๆ พักบ้างก็ดีเหมือนกันจะเห็นได้ว่าถ้าเรารู้จักเลือกซื้อเพาเวอร์แบงค์ให้เหมาะสมกับการใช้งานและรู้วิธีดูแลรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมการใช้งานเพาเวอร์แบงค์ของเราก็จะมีพลังมากขึ้นใช้งานได้นานขึ้นอีกด้วย