พอถึงเดือนเย็นทีไร นอกจากเรื่องทะเลเมฆแล้ว หลายคนคงชินหูกับคำว่าภัยหนาวเป็นแน่ แม้ว่าหลายคนอาจเคยเดินทางสัมผัสบรรยากาศที่หนาวเหน็บท่ามกลางทะเลหมอกมาแล้ว แต่สำหรับผู้ประสบภัยหนาวบอกได้เลยว่าหนาวกว่าแหล่งเดินทางเยอะเลยครับ ในแต่ละปีถึงได้มีขบวนคาราวานจากทั่วทุกสารทิศนำผ้าห่มบริจาคให้กับผู้ประสบภัยหนาวทุกปี หลายคนอาจมึนว่าทำไมต้องมีกันทุกปี จำเป็นด้วยหรือ แล้วถ้าอยากจะร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยผ้าห่มบริจาคควรจะเลือกแบบไหนดี บทความนี้มีคำตอบรอคุณอ่านอยู่ครับ
ทำไมถึงมีผู้นำผ้าห่มบริจาคเป็นเป็นนิตย์ทุกปีด้วย
แม้ว่าจะมีข่าวผู้นำผ้าห่มกันหนาวไปบริจาคให้กับผู้ประสบภัยเป็นประจำทุกปี แต่จะเป็นรูปพรรณของการเวียนสถานที่ คือปีนี้ไปที่นี่ ปีหน้าก็ไปอีกที่ เพื่อให้ผ้าห่มบริจาคได้ทั่วถึงให้มากที่สุด นอกจากนี้ด้วยจำนวนผ้าห่มที่จำกัด ผลรวมผู้ประสบภัยที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับผ้าห่มบริจาคที่ผู้ประสบภัยเคยได้รับเริ่มหมดสภาพไปตามอายุการใช้งาน จึงมีการบริจาคผ้าห่มกันหนาวกันทุกปี
แล้วเราจะเลือกผ้าห่มบริจาคอย่างไรให้เหมาะเจาะดี
หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการบริจาคผ้าห่มเพื่อช่วยผู้ประสบภัยแล้วล่ะก็ นำทางว่าควรจัดหาผ้าห่มกันหนาวแบบบางที่ทำจากผ้าสำลี เพราะผ้าชนิดนี้จะให้ความอุ่นสบายได้ดีไม่ปราชัยผ้าห่มผืนหนา เหมาะกับเด็กและคนสูงวัยเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้แล้วผ้าห่มบริจาคประเภทนี้ยังมีค่าถูกอีกด้วยเมื่อเปรียบกับผ้าห่มผืนหนา จึงทำให้สามารถซื้อได้เป็นจำนวนมาก สามารถทะนุถนอมได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น
ผ้าห่มบริจาคมีแบบไหนบ้าง
ผ้าห่มบริจาคที่นิยมกันมักจะเป็นแบบที่ผลิตจากผ้าสำลี ซึ่งจะสอดเป็น 2 เกรด คือ เกรด A จะเย็บด้วยด้าย 5 เส้น มีแบบพิมพ์ลวดลายสวยสดงดงาม กับแบบเกรด B อันนี้จะเย็บด้วยด้าย 3 เส้นครับ มีสีสันให้เลือกมากมาย เป็นส่วนใหญ่มักจะเป็นสีล้วนไม่มีการพิมพ์ลาย ราคาถูกกว่า แม้ว่าความคงทนจะแปลกกันตรงที่การเย็บ แต่เรื่องคุณภาพของเนื้อผ้านั้นส่วนมากอยู่ในระดับเดียวกัน ก็แล้วแต่ล่ะครับว่างบประมาณที่มีอยู่เหมาะกับแบบไหน อยากได้แบบเน้นคุณลักษณะหรือโควตา
การช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยผ้าห่มบริจาคในปัจจุบันนี้ยังคงมีความจำเป็นอยู่มากครับ ถึงแม้ว่าจะมีผู้บริจาคจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทั่วถึง ดังนั้นก่อนที่จะนำผ้าห่มไปบริจาค ควรสำรวจหาข้อมูลด้วยว่ามีที่ไหนบ้างที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยหนาว และยังไม่มีผู้เข้าไปให้ความช่วยเหลือ สำหรับทัวร์นำผ้าห่มบริจาคไปมอบควรมีการประสานงานพนักงานในท้องที่ไว้ด้วยจะเป็นการดีครับ เพราะเราเป็นคนต่างถิ่นย่อมไม่มีความชำนาญในเส้นทาง ดังนั้นการมีคนที่ชำนิชำนาญทางไปด้วยจะช่วยเพิ่มสวัสดีในการเดินทางไปประกอบกรรมดีในครั้งนี้ด้วยครับ
ทำไมถึงมีผู้นำผ้าห่มบริจาคเป็นเป็นนิตย์ทุกปีด้วย
แม้ว่าจะมีข่าวผู้นำผ้าห่มกันหนาวไปบริจาคให้กับผู้ประสบภัยเป็นประจำทุกปี แต่จะเป็นรูปพรรณของการเวียนสถานที่ คือปีนี้ไปที่นี่ ปีหน้าก็ไปอีกที่ เพื่อให้ผ้าห่มบริจาคได้ทั่วถึงให้มากที่สุด นอกจากนี้ด้วยจำนวนผ้าห่มที่จำกัด ผลรวมผู้ประสบภัยที่เพิ่มมากขึ้น ประกอบกับผ้าห่มบริจาคที่ผู้ประสบภัยเคยได้รับเริ่มหมดสภาพไปตามอายุการใช้งาน จึงมีการบริจาคผ้าห่มกันหนาวกันทุกปี
แล้วเราจะเลือกผ้าห่มบริจาคอย่างไรให้เหมาะเจาะดี
หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการบริจาคผ้าห่มเพื่อช่วยผู้ประสบภัยแล้วล่ะก็ นำทางว่าควรจัดหาผ้าห่มกันหนาวแบบบางที่ทำจากผ้าสำลี เพราะผ้าชนิดนี้จะให้ความอุ่นสบายได้ดีไม่ปราชัยผ้าห่มผืนหนา เหมาะกับเด็กและคนสูงวัยเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้แล้วผ้าห่มบริจาคประเภทนี้ยังมีค่าถูกอีกด้วยเมื่อเปรียบกับผ้าห่มผืนหนา จึงทำให้สามารถซื้อได้เป็นจำนวนมาก สามารถทะนุถนอมได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น
ผ้าห่มบริจาคมีแบบไหนบ้าง
ผ้าห่มบริจาคที่นิยมกันมักจะเป็นแบบที่ผลิตจากผ้าสำลี ซึ่งจะสอดเป็น 2 เกรด คือ เกรด A จะเย็บด้วยด้าย 5 เส้น มีแบบพิมพ์ลวดลายสวยสดงดงาม กับแบบเกรด B อันนี้จะเย็บด้วยด้าย 3 เส้นครับ มีสีสันให้เลือกมากมาย เป็นส่วนใหญ่มักจะเป็นสีล้วนไม่มีการพิมพ์ลาย ราคาถูกกว่า แม้ว่าความคงทนจะแปลกกันตรงที่การเย็บ แต่เรื่องคุณภาพของเนื้อผ้านั้นส่วนมากอยู่ในระดับเดียวกัน ก็แล้วแต่ล่ะครับว่างบประมาณที่มีอยู่เหมาะกับแบบไหน อยากได้แบบเน้นคุณลักษณะหรือโควตา
การช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยผ้าห่มบริจาคในปัจจุบันนี้ยังคงมีความจำเป็นอยู่มากครับ ถึงแม้ว่าจะมีผู้บริจาคจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทั่วถึง ดังนั้นก่อนที่จะนำผ้าห่มไปบริจาค ควรสำรวจหาข้อมูลด้วยว่ามีที่ไหนบ้างที่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยหนาว และยังไม่มีผู้เข้าไปให้ความช่วยเหลือ สำหรับทัวร์นำผ้าห่มบริจาคไปมอบควรมีการประสานงานพนักงานในท้องที่ไว้ด้วยจะเป็นการดีครับ เพราะเราเป็นคนต่างถิ่นย่อมไม่มีความชำนาญในเส้นทาง ดังนั้นการมีคนที่ชำนิชำนาญทางไปด้วยจะช่วยเพิ่มสวัสดีในการเดินทางไปประกอบกรรมดีในครั้งนี้ด้วยครับ