Show posts - bookjunior
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - bookjunior

#1
สอบถามการท่องเที่ยว ทัวร์หลวงพระบาง ได้ที่นี่
www.L2btravel.net หรือ โทร 083-2743757
#2
แนะนำ การท่องเที่ยว ทัวร์ลาวใต้ ที่น่าสนใจ สอบได้ถามได้น่ะครับ
www.L2btravel.net  หรือ 083-2743757
#3
สอบถามการท่องเที่ยว ทัวร์หลวงพระบาง ได้ที่นี่
www.L2btravel.net หรือ โทร 083-2743757
#4
แนะนำ การท่องเที่ยว ทัวร์ลาวใต้ ที่น่าสนใจ สอบได้ถามได้น่ะครับ
www.L2btravel.net  หรือ 083-2743757
#5
สอบถามการท่องเที่ยว ทัวร์หลวงพระบาง ได้ที่นี่
www.L2btravel.net หรือ โทร 083-2743757
#6
แนะนำ การท่องเที่ยว ทัวร์ลาวใต้ ที่น่าสนใจ สอบได้ถามได้น่ะครับ
www.L2btravel.net  หรือ 083-2743757
#7
นำตกตาดผาส้วม  ... สถานที่แรกที่เยี่ยมชมคือ
1. ตาดผาส้วม  จำไม่ได้ว่ามีค่าเข้ารึเปล่า แต่เหมือนจะไม่มีค่ะ พอจอดรถก็ลงเดินค่ะ เดินเท้าสะดวก ไม่ลำบากค่ะ ดูเหมือนจะสดชื่น แต่จริงๆแล้วแห้งแล้วมากค่ะ ต้นไม้แห้งตายเยอะมาก ดินก็แห้งฝุ่นฟุ้งเลยค่ะ ทัวร์ลาวใต้ น้ำตกมีขนาดปานกลาง น้ำแรง สวยงามแปลกตาดีค่ะ แต่ไม่สามารถเล่นน้ำได้ค่ะ เจนเวลาที่ประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆค่ะ
ขากลับตอนที่เดินออกจากน้ำตก ทางลาวตอนใต้  เห็นเค้าขายรังผึ้งปิ้งกัน มีหลายร้านเลยละค่ะ เจนไม่เคยกิน ขอจัดหน่อยละกันค่ะ 
รสชาติจะหวานๆ มันๆ หอมๆ หอมแบบแป้งเด็กเลยอะค่ะ กินแล้วมันแสบคอมาก โดยปกติเจนจะเป็นคนที่กินได้เกือบจะทุกอย่าง ไม่ค่อยแพ้อะไร รอบนี้แพ้รังผึ้งค่ะ ปากเจ่อซะ...และนี้ก็เป็นรูปสุดท้าย ก่อนที่จะปากจะเจ่อค่ะ 555
[/size]
#8
สวัสดีครับเพื่อนๆ  เพิ่งกลับมาจาก"หลวงพระบางและวังเวียง"ประเทศลาวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา  หลังจากไปสนุกสนานและเหนื่อยล้ากันมาตั้งหนึ่งอาทิตย์  วันนี้มีโอกาสและเวลาก็เลยอยากนำภาพประทับใจในทริปนี้มาฝาก  แต่ด้วยภาพความประทับใจมีมากมายเหลือเกินก็เลยแบ่งเป็นวันวันให้ง่ายแก่การติดตาม  ข้อมูลต่างๆ ในการท่องเที่ยวก็นำมาจากเพื่อนๆ ที่เคยไปเที่ยวมาแล้วจากที่ พันทิป แห่งนี้ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณมาอย่างจริงใจ  (และถ้าเพื่อนเพื่อนท่านใดมีกำหนดการเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศลาวแนะนำเว็บไซต์ ทัวร์หลวงพระบาง  ซึ่งมีแผนที่ของเมืองต่างในลาวอย่างละเอียดและเข้าใจง่ายด้วยนะครับ)
ข้อมูลเบื้องต้น ทริปนี้พวกเราไปกันทั้งหมด 6 คน  ระยะเวลา 7 วัน 6 คืน โดยนอนที่ละ 3 คืน  จองตั๋วเครื่องบินล่วงหน้าแบบโปรโมชั่นถูกสุดสุดของ Bangkok Airways ไป-กลับคนละ 4,800 บาท  จองที่พักทั้งที่ "หลวงพระบาง"และ"วังเวียง"ผ่านเว็บไซต์ Agoda.com ในเฉลี่ยห้องละประมาณ 800 บาทต่อคืนรวมอาหารเช้า  ส่วนรายละเอียดของการเดินทางจะค่อยค่อยบอกเล่าไปตามเนื้อเรื่องนะครับ
เอาล่ะครับเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปเที่ยวกันในวันแรกของการเดินทางเลยล่ะกันครับ  เริ่มจากนัดหมายกันที่"สนามบินสุวรรณภูมิ"ในเวลาประมาณแปดโมงเช้า เจอกันที่ เคาน์เตอร์ F ซึ่งเป็นเคาน์เตอร์เช็คอินของสายการบิน "บางกอกแอร์เวย์"ร้องไห้ส่วนเวลาบินของไฟท์นี้ที่ไป"ทัวร์หลวงพระบาง"เวลาประมาณ 11.40 น.) ซึ่งก็เป็นที่รู้รู้กันอยู่ว่าควรจะมาเช็คอินล่วงหน้าก่อนเวลาประมาณ 2 ชั่วโมง  เนื่องจากนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการที่ สนามบิน
#9
แบกเป้ เที่ยวกัมพูชา เยือนนครวัด ดินแดนแห่งอารยธรรม  

วันหยุดยาว ผมไม่รอช้าที่จะท่องเที่ยวตามใจฝัน จัดแจงหาสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดกับการเดินทางที่ไม่ไกลมากนัก  ใช้เวลาเพียงครู่หนึ่ง ผมก็ได้จุดหมายปลายทางที่ตรงกับใจ 
นครวัด สถานที่ที่ผมฝันว่าจะต้องไปเยือนซักครั้ง แล้วความฝันของผมก็จะเป็นจริงในอีกไม่กี่วันนี้ ผมเตรียมข้อมูลต่างๆ จับเสื้อ หยิบกล้องตัวเก่งลงกระเป๋าใบน้อยๆ ผมพร้อมออกเดินทางแล้ว ^^  ไปกัมพูชา เขมรกัน
ผมเลือกเปิด roaming กับ dtac เพราะง่ายไม่ยุ่งยาก แถมอินเตอร์เน็ตรวดเร็วทันใจ สามารถอัพเดทภาพ เรื่องราวต่างๆ ผ่านทางเฟสบุ๊คได้อย่างทันที ที่สำคัญมีบริการ dtac worry free เที่ยวได้แบบมั่นใจ ไม่ต้องกลัวเน็ตรั่ว และสามารถควบคุมค่าใช่จ่าย data roaming ได้ด้วยตัวเอง บริการฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถสมัครคู่ กับ แพ็คเก็จอินเทอร์เน็ต 3 วันเพียง 1299บาท สนใจดูรายละเอียดได้ที่ 

การเดินทางมานครวัด ทัวร์กัมพูชา มีหลายวิธี ทั้งทางเครื่องบิน สามารถบินมาลงสนามบินเสียมราฐ (เสียมเรียบ) ทางรถโดยสารประจำทาง หรือรถบัสของบ่อน ส่วนผมเลือกขับรถมาเอง แล้วมาจอดที่อรัญประเทศ 
ผมขับรถจากกรุงเทพ ผ่านมาตามเส้นทาง มีนบุรี ฉะเชิงเทรา พนมสารคาม สระแก้ว อรัญประเทศ ตลาดโรงเกลือ ระยะทางรวมประมาณ 250กิโลเมตร ใช้เวลา 3 ชั่วโมงถึงชายแดน หาที่ฝากรถแล้วข้ามตม.ไทย จากนั้นขึ้นรถแท็กซี่ รถของที่นี่เป็นรถ Camry รุ่นเก่า สภาพดี ผมนั่งชมธรรมชาติริมข้างทาง ถนนเป็นถนนลาดยาง สลับกับถนนลูกรัง ฝุ่นตลบ ผมหลับๆตื่นๆ เพียง 2 ชั่วโมง ก็มาถึงตัวเมืองเสียมเรียบ แท็กซี่จอดระหว่างทาง เปลี่ยนเป็นรถตุ๊กตุ๊ก จะพาไปส่งที่ที่พักที่ผมจองไว้ผ่าน Agoda ผมเลือก Petit Villa Boutique & Spa   
      คนขับรถตุ๊กตุ๊กเจรจาเสนอทริปท่องเที่ยวให้ คุยไปคุยมา ผมตกลงใช้บริการรถตุ๊กตุ๊กต่อในนำเที่ยว  half day trip ราคา 400 บาท  ผมเก็บกระเป๋าเข้าห้องพัก แล้วออกลุยเลย 
#10
เที่ยวพระราชวังไดนอย เมือง เว้ เวียดนามเมืองเว้ มีสถานที่เที่ยว ที่น่าสนใจ อีกแห่งคือ พระราชวังเก่า ของราชวงศ์เวียดนาม
       ในช่วงพ.ศ.2348 กษัตริย์ยาลองซึ่งเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เหงียน ได้สถาปนาเมืองเว้เป็นราชธานี และสร้าง "พระราชวังไดนอย" (Dai Noi )ขึ้นอย่างใหญ่โตบนเนื้อที่ 52 ตารางกิโลเมตร ริมฝั่งแม่น้ำหอม โดยยึดเอาแบบอย่างและคติความเชื่อมาจาก "พระราชวังกู้กง" หรือ "พระราชวังต้องห้าม" ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน
ท่องเมืองเว้...ชมพระราชวังต้องห้าม

กระบอกปืนใหญ่ทั้ง 9 กระบอก สร้างขึ้นเพื่อแสดงแสนยานุภาพของราชวงศ์เหงียน

       ส่วนเหตุผลที่เรียกว่า "พระราชวังต้องห้าม" นั้น เป็นเพราะชาวจีนถือคติในการสร้างวังว่า จักรพรรดิเปรียบเสมือนบุตรแห่งสวรรค์ ดังนั้นวังของบุตรแห่งสวรรค์จึงต้องเป็นที่ต้องห้ามสำหรับคนธรรมดาสามัญไม่สามารถล่วงล้ำเข้าไปได้ และผู้ที่เข้ามาทำงานถวายตัวในพระราชวังก็ไม่สามารถออกไปนอกอาณาเขตนครต้องห้ามได้อีกเลยตลอดชีวิต
       
       ซึ่งจากการยึดแบบอย่างจากจีนทำให้หลายคนกล่าวว่าพระราชวังไดนอยเหมือนกับพระราชวังกู้กงทุกประการ เพียงแต่ย่อขนาดให้เล็กลงเท่านั้นเอง ดังนั้นพระราชวังไดนอยจึงถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งอย่างคุ้นหูคุ้นปากว่า "พระราชวังต้องห้าม" แห่งเมืองเวียดนาม
ท่องเมืองเว้...ชมพระราชวังต้องห้าม
ตำหนักไทฮวา หนึ่งในสถานที่ที่สำคัญมากทางประวัติศาสตร์ของเวียดนาม

       ลักษณะของพระราชวังมีกำแพง 2 ชั้น โดยกำแพงชั้นนอกยาวถึง 9,950 เมตร เมื่อคณะของเราเดินผ่านกำแพงชั้นนอกเข้าไปแล้ว ไกด์หทัยพาพวกเราไปหยุดอยู่ที่หน้ากระบอกปืนใหญ่ 4 กระบอก ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยกษัตริย์ยาลองเช่นกัน โดยเชื่อว่าปืนใหญ่เหล่านี้เป็นปืนของเทพเจ้าสร้างขึ้นเพื่อแสดงแสนยานุภาพของราชวงศ์เหงียน และปืนใหญ่ทั้ง 4 กระบอกที่พวกเราเห็นนั้นก็มีความหมายถึงฤดูกาลทั้ง 4 นั่นเอง
       
       ส่วนอีกฝั่งหนึ่งก็มีปืนใหญ่อยู่เช่นเดียวกัน แต่มี 5 กระบอก หมายถึง ธาตุทั้ง 5 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และทอง ซึ่งธาตุทั้ง 5 นั้น เชื่อว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์เราในการดำรงชีวิตอยู่บนโลก และตั้งแต่สร้างปืนใหญ่ทั้ง 9 กระบอกมาก็ยังไม่เคยมีใครได้ใช้งานเลยแม้แต่ครั้งเดียว ได้แต่เพียงตั้งโชว์แสดงแสนยานุภาพไว้เฉยๆเท่านั้น
ท่องเมืองเว้...ชมพระราชวังต้องห้าม
บรรยากาศภายในพระราชวังต้องห้ามงดงามด้วยสีสันของสถาปัตยกรรมและสวนสวยงาม
       จากนั้นพวกเราก็เดินต่อไปยังกำแพงชั้นที่สอง ซึ่งยาวประมาณ 2,450 เมตร ที่กำแพงชั้นนี้มีสะพานหินทอดไปยังประตูทางเข้าใหญ่ของพระราชวัง ด้านบนประตูมีตัวหนังสือเขียนไว้ว่า "โงมน" (Ngo Mon) แปลว่า ประตูใหญ่ ไกด์หทัยบอกว่า แต่เดิมตอนสร้างใหม่ๆตัวหนังสือนี้เป็นทองคำแท้ แต่เมื่อฝรั่งเศสเข้ามาปกครองจึงถูกถอดเอาทองคำออกแล้วแทนด้วยทองทิพย์แทน

   
ทัวร์เวียดนาม....พระราชวังต้องห้าม..เว้

ประตูศิลปะแบบจีนที่สวยงามเป็นทางผ่านเข้าสู่พระราชฐานชั้นใน
       ประตูโงมนแห่งนี้มี 3 ชั้น 5 ช่องประตูเข้าออก แบ่งเป็น ช่องนอกสุดด้านซ้ายและขวาคือทางเข้าของทหาร 2 ช่องถัดเข้ามาทางซ้ายและขวาสำหรับราชวงศ์และขุนนาง ส่วนประตูช่องกลางเป็นทางเข้าออกสำหรับองค์กษัตริย์เท่านั้น ซึ่งก็แน่นอนพวกเราต้องเดินเข้าประตูด้านริมนอกสุดตามชนชั้นอยู่แล้ว
       
       หลังจากซื้อตั๋วเดินรอดประตูเข้ามาแล้ว เราจะขึ้นไปยังชั้นที่ 2 ของประตูโงมน ซึ่งไกด์หทัยเล่าว่า ชั้นบนของประตูโงมนนี้เป็นที่สำหรับองค์กษัตริย์ใช้ต้อนรับราชอาคันตุกะ กษัตริย์ทุกพระองค์ในราชวงศ์เหงียนจะต้อนรับราชอาคันตุกะที่นี่ และบนชั้นที่ 2 นี้ก็เป็นที่สำหรับนักเรียนจอหงวนในสมัยนั้น (หรือเทียบเท่าปริญญาเอกในปัจจุบัน) รับปริญญาจากพระหัตถ์ขององค์กษัตริย์ อีกทั้งยังเป็นที่จัดงานพิธีต่างๆของวัง ซึ่งถือเป็นบริเวณที่มีความสำคัญมากในสมัยนั้น
       
       ส่วนชั้นที่ 3 เป็นที่สำหรับพระมเหสีมาดูดาว หรือชมจันทร์ แต่ปัจจุบันเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้เพียง 2 ชั้นแรกเท่านั้น
       
       เมื่อลงจากประตูโงมน พวกเราเดินลอดรั้วประตูสำริดขนาดใหญ่ข้ามสะพานหินหยก ตรงไปยัง "ตำหนักไทฮวา" ก่อนจะก้าวย่างเข้าไปพวกเราผ่านตัวกิเลน 2 ตัวที่ทำหน้าที่เฝ้าตำหนัก เชื่อกันว่ากิเลนเป็นสัตว์ประเสริฐสามารถช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้ไกลจากพระราชวัง
       
       ตำหนักไทฮวาแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อพ.ศ.2348 พร้อมกับพระราชวัง แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.2375 ลักษณะเป็นท้องพระโรงขนาดใหญ่สวยงามมาก เป็นตำหนักที่กษัตริย์จะเสด็จประทับเมื่อมีการเข้าเฝ้าของราชวงศ์หรือขุนนาง ในสมัยนั้นเวลาเข้าเฝ้าจะทำการแต่ตอนกลางคืนก่อนเช้าตรู่หรือก่อนพระอาทิตย์ขึ้น คือเวลาประมาณ ตี2- ตี4 เท่านั้น อีกทั้ง กษัตริย์ทั้ง 13 พระองค์ของราชวงศ์เหวียงจะทำพระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่ตำหนักไทฮวาแห่งนี้อีกด้วย

ท่องเมืองเว้...ชมพระราชวังต้องห้าม
ภายในตำหนักเถเหมียวมีป้ายดวงพระวิญญาณของเหล่ากษัตริย์ในราชวงศ์เหงียน
       นอกจากนี้ตำหนักไทฮวายังมีความสำคัญมากทางประวัติศาสตร์ชาติเวียดนาม คือ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ.2488 ตำหนักนี้เคยเป็นที่ยืนประกาศสละราชสมบัติหรือสละบัลลังก์ขององค์กษัตริย์บ๋าวด่าย ซึ่งเป็นองค์กษัตริย์สมัยที่ 13 หรือกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์เหวียง ซึ่งเป็นลูกชายของกษัตริย์องค์ที่ 12 คือ กษัตริย์ขายดิก และวันนั้นก็ถือเป็นวันสิ้นสุดการปกครองระบอบกษัตริย์ เปลี่ยนมาปกครองแบบระบบประธานาธิบดีจนปัจจุบัน
       
       เมื่อเข้าไปในตำหนัก ไกด์หทัย เล่าว่า สมัยที่ราชวงศ์เหงียนสร้างตำหนักนี้ใหม่ๆ ทุกอย่างจะเป็นทองคำแท้หมด แต่เมื่อฝรั่งเศสเข้ามาปกครองเวียดนามในปี พ.ศ.2402 ทุกอย่างที่เป็นทองคำฝรั่งเศสจะถอดไปที่บ้านเขาหมดแล้วแทนด้วยทองชุบ
ท่องเมืองเว้...ชมพระราชวังต้องห้าม
ด้านหน้าของตำหนักเฮียนลามกั๊กเป็นที่ตั้งของเหล่ากระถางธูปประจำราชวงศ์
       ไกด์หทัยบอกอีกว่า ให้สังเกตภายในตำหนักไทฮวาจะมีบัลลังก์สำหรับองค์กษัตริย์ประทับเพียงบัลลังก์เดียว เนื่องจากกษัตริย์ยาลองปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เหงียนผู้สร้างพระราชวัง ประกาศจะไม่พระราชทานตำแหน่งพระราชินีให้กับนางสนมคนใดเลย และไม่ให้สนมคนใดยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองเลยแม้แต่นิดเดียวเพราะกลัวจะเป็นแบบประเทศจีน
       
       จากตำหนักไทฮวา พวกเราเดินต่อไปเรื่อยๆเพื่อเข้าไปยังส่วนพระราชฐานชั้นใน โดยในส่วนนี้มีจุดที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งคือ "ตำหนักเถเหมียว" (The Mieu) ตำหนักนี้เป็นที่ตั้งของป้ายดวงวิญญาณของจักรพรรดิ 10 พระองค์ในราชวงศ์เหงียน ส่วนฝั่งตรงข้ามคือ "ตำหนักเฮียนลามกั๊ก" (Hien Lam Cac) ซึ่งด้านหน้าของตำหนักแห่งนี้มีกระถางธูปประจำราชวงศ์ 9 ใบ เป็นกระถางธูปที่หล่อด้วยโลหะสำริดมีความใหญ่และหนักมาก
#11



โปรแกรมทัวร์หลวงพระบาง 4วัน3คืน



วันที่ 1 หนองคาย-เวียงจันทร์-วังเวียง-หลวงพระบาง

07.00 น. เจ้าหน้าที่ แอลทูบีทราเวล ให้การต้อนรับ คณะที่สนามบินอุดรธานี หรือ หนองคาย
08.00 น. เดินทางไปสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว เพื่อรอทำเอกสารผ่านแดนข้ามไปประเทศลาว
09.00 น. จากนั้นนำท่านเข้าสู่ สปป.ลาว(วันนี้เดินทางไปหลวงพระบางเลย ) จากนั้นเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองวังเวียงสายน้ำซองไหลผ่านใสบริสุทธิ์ระหว่างทางชมวิถิชีวิตของชาวลาวและวิวธรรมชาติสองข้างทางอันสวยสดงดงาม(กุ้ย หลินเมืองลาว)วังเวียงเป็นเมืองที่มีธรรมชาติสวยสดงดงามอากาศเย็นสบาย เป็นแหล่งท่องเที่ยวของลาวตัวเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำซองล้อมรอบด้วยเทือกเขาหินปูสูงใหญ่ตระการตา มองเห็นสายน้ำกว้างสลับกับเนินทราย โดยมีเทือกเขาหินปูนเป็นฉากหลัง วังเวียงได้ ฉายาว่า "กุ้ยหลินแห่งเมืองลาว"
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน(มื้อที่ 1)
13.00 น. จาก นั้นมุ่งหน้าเดินทางสู่หลวงพระบาง ตามระหว่างทางเราแวะถ่ายรูปที่บ้านผาตั้งถ่ายรูปคู่กับผาตั้งและวิวแม่น้ำซอง อันงดงาม ตลอดสองข้างทางท่านจะเพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันงดงามตระการตาของทิวเขาไรน่าแบบขั้นบันได ละหมู่บ้านชนพื้นเมืองต่างๆของลาว เช่น ลาวสูง ลาวเทิงลาวม้ง
ไทลื้อ ซึ่งตั้งบ้านเรือนอยู่สองข้างทางชมความยิ่งใหญ่ของขุนเขาที่เต็มไปด้วยไม้ป่านานาพันธ์ที่ขึ้นตามธรรมชาติเส้นทางสายนี้จัดเป็นเส้นทางลัดเลาะภูเขาที่สวยที่สุด แห่งหนึ่งของเอเซียอาคเนย์ก็ว่าได้
19.00 น. รับประทานอาหารเย็น(มื้อที่ 2)  เช็คอินเข้าที่พักหลวงพระบาง  จากนั้นนำท่านพาเดินเที่ยวตลาดมืดหลวงพระบาง ชมสินค้าผ้าทอกระเป๋าทำมือ มากมาย
 
วันที่ 2 ตักบาตรข้าวเหนียว-พระธาตุภูสี-พระราชวัง-วัดเชียงทอง-ถ้ำติ่ง-น้ำตก ตาดกวางสี
 
05.30 น. เชิญ ท่านร่วม ทำบุญใส่บาตรข้าวเหนียว พร้อมกับประชาชนชาวหลวงพระบางในทุกเช้า พระสงฆ์และสามเณรจากวัดต่างๆ จะออกบิณฑบาต เป็นแถวนับร้อยรูป ซึ่งเป็นภาพอันน่าประทับใจ และสื่อถึงความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาของชาวหลวงพระบาง จากนั้นนำท่านเดินชมตลาดเช้าของชาวหลวงพระบางซึ่งเป็นตลาดสด ท่านสามารถเลือกซื้ออาหารพื้นเมือง และของป่า ซึ่งเป็นแบบฉบับของชาวลาว
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่ 3)
08.00 น. นำท่านเข้าชม พระราชวังหลวงพระบาง สร้างในรัชสมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส เป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบฝรั่งเศสและลาว เป็นที่ประทับของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ จนพระองค์สวรรคต ก็มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อ พศ.2518 ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ นำท่านชมหอพระบางเป็นที่ประดิษฐานพระบาง พระคู่บ้านคู่เมือง เป็นพระพุทธรูปประทับยืนปางห้ามสมุทรเป็นศิลปะขอมสมัยบายน น้ำหนัก 54 กิโลกรัม เป็นทองคำ 90 เปอร์เซ็นต์
09.00 น. จาก นั้นนำท่านชม วัดเชียงทอง วัดที่ตั้งอยู่ริมผั่งเม่น้ำโขงสร้างในรัชสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ช่วงประมาณ ปี พศ 2102 – 2103 ซึ่งวัดเชียงทองได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงค์ และเข้าชีวิตศรีสว่างวัฒนา กษัตริย์สองพระองค์สุดท้าย ชมพระอุโบสถ ที่มีศิลปะแบบล้านช้าง หลังศรแอ่นโค้งต่ำ ซ้อนกันอยู่สามชั้น มีช่อฟ้าที่อยู่ตรงกลางของหลังคารวมกัน 17 ช่อ ถ้าเป็นคนสามัญสร้างจะมี 1-7 ช่อเท่านั้น ชมพระพุทธรูปป่างห้ามสมุทรในอูปมูง ด้านข้างพระอุโบสถ ชมวิหารพระม่านที่ประดิษฐานพระม่าน ผนังสีชมพู ภาพประดับกระจกสีเล่าถึงวิถีชีวิตชาวหลวงพระบาง ชมโรงราชรถ
ออกแบบโดยเจ้ามณีวงศ์ ภายในบรรจุพระพุทธรูปแกะสลักไม้จำนวนมากที่เก็บมาจากวัดร้างต่างๆ
10.00 น. นำ ท่านชม วัดวิชุนราช สร้างในสมั่ยพระเจ้าวิชุนราช (พศ 2046 ) นับเป็นอีกหนึ่งพระธาตุที่ชาวหลวงพระบางให้ความนับถือ ซึ่งเป็นพระธาตุที่มีรูปทรงคล้ายกับลูกแตงโมผ่าครึ่ง
10.30 น.เดินทางไปยังหมู่บ้านซ่างไห เพื่อลงเรือเดินทางชมวิวทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำโขง รับประทานอาหารกลางวันประเภทปลาน้ำโขงที่หมู่บ้านปากอู
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน(มื้อที่ 4 ) ถ้ำติ่งซึ่งเป็นถ้ำอยู่บนหน้าผาริมแม่น้ำโขงมีอยู่ 2 ถ้ำ คือ ถ้ำล่างและถ้ำบน ถ้ำติ่งลุ่ม หรือ ถ้ำล่างสูง 60 เมตรจากพื้นน้ำ มีลักษณะเป็นโพรงน้ำตื้นๆ มีหินงอกหินย้อย มีพระพุทธรูปไม้จำนวนนับ 2,500 องค์ ส่วนใหญ่จะเป็นพระยืน มีทั้งปางประทานพร และปางห้ามญาติ ถ้ำติ่งบน จะไปทางแยกซ้ายเดินขึ้นบันไดไป 218 ขั้น ปากถ้ำไม่ลึกมากมีพระพุทธรูปอยู่ในถ้ำแต่ไม่มากเท่าถ้ำล่างสมัยโบราณเป็นที่สักการะบวงสรวงดวงวิญญาณ ผีฟ้า ผีแถน เทวดาผาติ่ง ต่อมาพระเจ้าโพธิสารทรงเลื่อมใสพระพุทธศาสนาเป็นผู้นำพระพุทธรูปเข้ามา และจึงทรงใช้ถ้ำติ่งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนา
15.00 น. พา คณะไปชม น้ำตกตาดกวางสี ห่างจากเมืองหลวงพระบางประมาณ 30 กม.ผ่านหมู่บ้านชนบทริมสองข้างทาง ชมความงดงามของน้ำตก ซึ่งเป็นน้ำตกที่สูงราว70-80เมตร ถือเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในหลวงพระบาง โดยมีสายน้ำที่ลดหลั่นผ่านชั้นหินปูนลงสู่แอ่งน้ำที่สดใส มีทางเดินลัดเลาะขึ้นไปสู่ชั้นบนเพื่อชมความงามอีกมุมหนึ่งของน้ำตก อิสระให้ท่านดื่มด่ำกับธรรมชาติ เล่นน้ำ บันทึกภาพอันประทับใจ
18.00 น. นำ ท่านขึ้นสู่ เขาพูสี ขึ้นบันได 328 ขั้น เชิญนมัสการธาตุพูสี เจดีย์ธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวหลวงพระบาง ตลอดทางขึ้นท่านจะได้รับกลิ่นหอมจากดอกจำปาลาว ดอกไม้ประจำชาติลาว เมื่อท่านถึงยอดให้ท่านนมัสการองค์พระธาตุ ซึ่งสร้างในสมัยพระเจ้าอนุรุท เมื่อปี พ.ศ.2337 พระธาตุเป็นรูปทรงดอกบัว อยู่บนฐานสี่เหลี่ยมยอดประดับด้วยเศวตฉัตรทองสำริด 7 ชั้น สูงประมาณ 21 เมตร ชมพระอาทิตย์ยามอัสดง วิวทิวทัศน์รอบเมืองหลวงพระบางยามเย็น
18.00 น.รับประทาน อาหารเย็น (5) ที่ร้านอาหาร
19.00 น. เช็คอินเข้าที่พักพักผ่อนอย่างสบาย จากนั้นนำท่านพาเดินเที่ยวตลาดมืดหลวงพระบาง
   
วันที่ 3 หลวงพระบาง-พูคูน-วังเวียง-ถ้ำจัง
 
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่ 6 )
08.00 น. เดินทางออกจากหลวงพะบางแวะเข้าห้องน้ำถ่ายรูปวิว(จุดนี้จะสูงที่สุดในเส้นทางนี้)ที่กิ่วกะจำ หมู่บ้านชาวเขา ผ่านพูคูน เลือกซื้อผัก ผลไม้ สัตว์ป่า จากชาวม้งที่ปลอดสารพิษ
12.00 น. รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 7)
15.00 น. เดินทางถึง "กุ้ยหลินเมืองลาว"  พาคณะชมถ้ำจัง ถ้ำที่สวยที่สุดของวังเวียงภายในเป็นโถงใหญ่ มีไฟประดับ ภายในบริเวณถ้ำจะสัมผัสได้ถึงอากาศเย็นฉ่ำ หินงอกหินย้อยอันงดงาม
18.00 น. รับประทานอาหารเย็น(มื้อที่ 8 ) และเข้าที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัยหรือท่านใดต้องการเดินเที่ยวเล่นในตัวเมืองวังเวียงยามค่ำคืน ทางทีมงานมีบริการรถรับส่งให้ท่าน
 
วันที่ 4 วังเวียง-เวียงจันทน์-พระธาตุหลวง-ประตูชัย-หนองคาย
 
07.00 น. รับประทานอาหารเช้า (มื้อที่ 9 )
08.00 น.จากนั้นออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ กำแพงนครหลวงเวียงจันทน์ ระยะทาง 150 กม.
12.00น. รับประทานอาหารกลางวัน (มื้อที่ 10 ) ณ ภัตตาคาร ด้วยเมนูอาหารหลากหลาย
13.00 น. นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์หอพระแก้ว (Hor Phra Kaew Museum) ซึ่งครั้งหนึ่ง เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตก่อนที่จะถูก อันเชิญมาไว้ที่กรุงธนฯโดยเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก(ร. 1) เมื่อปี ค.ศ. 1778 นำท่านเข้าชม นมัสการ พระธาตุหลวงหรือพระเจดีย์โลกจุฬามณี เป็น ปูชนียสถานที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งในนครหลวงเวียงจันทน์ สร้างใน สมัยเดียวกันกับการสร้างเมืองเวียงจันทน์ โดยพระเจ้าจันทบุรีประสิทธิศักดิ์ และ พระอรหันต์ 5  องค์บรรจุพระบรม สารีริกธาตุ ส่วนหัวเหน่าของพระพุทธเจ้าไว้ในองค์พระธาตุ เดิมเป็น พระธาตุองค์เล็ก ๆ ต่อมาในสมัยของพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชได้นำ พาประชาชน  สร้างพระธาตุองค์ใหญ่ครอบพระธาตุองค์เดิมไว้จนถึงปัจจุบันนี้ สวยงามและ ยิ่งใหญ่ ที่สุดในประเทศลาว
-อนุสาวรีย์ประตูชัย (Victory Monument) Victory Monument)
  สถาปัตยกรรม ผสมผสานลาว ล้านช้าง กับฝรั่งเศส ตั้งตระหง่านสูงเด่นอยู่ ใจกลางนครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อรำลึกถึงวีรชนของชาติ ที่ เสียสละ เพื่อชาติบ้านเมืองมา  ทุกยุค ทุกสมัย ชั้นบนสุดท่าน สามารถชมทิวทัศน์ของเวียงจันทน์ได้รอบทิศทาง
15.00 น. ได้เวลาอันสมควร นำคณะมาที่ด่านชายแดนลาว-ไทย ให้ท่านแวะช๊อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี ที่ Duty free ของลาว ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ทำเอสการข้ามแดน ที่ด่านลาวเลือกซื้อสินค้านานาชาติมียี่ห้อ ราคาถูก ต่างๆ มากมาย อาทิ เหล้า ไวน์ บุหรี่ และเครื่องสำอาง
16.30 น. เดินทางกลับเมืองไทยด้วยความประทับใจ และส่งท่านตามที่นัดหมาย
 
โปรแกรมทัวร์หลวงพระบาง เที่ยวหลวงพระบาง 4วัน3คืน
   
เข้าชมได้ที่ www.L2btravel.net
แอลทูบี ทราเวล ใบประกอบธุรกิจนำเที่ยว เลขที่ 51/00600
205 หมู่ 1 ต.บ้านเกาะ ซอย 17 ถนน สุรนารายณ์ อ.เมือง นครราชสีมา 30000
ติดต่อสายด่วน 083-2743757