Show posts - sunshine
Menu

Show posts

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Show posts Menu

Messages - sunshine

#1
พิษรถคันแรกทำหนี้ครัวเรือนพุ่ง นายกคอนโดฯ เผยลูกค้าอสังหาฯ ส่อกู้แบงก์ไม่ผ่านเพิ่มเป็น 10% แต่ยังไม่ถึงจุดน่าเป็นห่วง

นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) และอดีตนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา มีลูกค้าที่เข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยของบริษัท และขอสินเชื่อจากสถาบันการเงินแต่ "ไม่ผ่าน"การอนุมัติ เพิ่มเป็น 10% จากอัตราปกติจะมีลูกค้ากู้ไม่ผ่านราว 5%

สาเหตุของการกู้ไม่ผ่าน วิเคราะห์ว่าผู้กู้อาจมีรายได้ เงินเดือนไม่พอ หรือมีภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่เพิ่มขึ้น จากการผ่อนชำระหนี้สินอื่นๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น

"เมื่อก่อนลูกค้ามาซื้อบ้าน 100 ราย จะกู้แบงก์ไม่ผ่านราว 5 ราย หรือ 5% เท่านั้น แต่ตอนนี้เพิ่มขึ้นเกือบ 10% แม้จะไม่มากนัก แต่ก็ทำให้เห็นว่าคนไทยมีหนี้เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับแบงก์ชาติที่ออกมาส่งสัญญาณเรื่องนี้ แต่ผมเห็นว่าสัดส่วนนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง จนกว่าจะกู้ไม่ผ่านในสัดส่วน 30% ถึงจะเป็นจุดที่น่าเป็นห่วง"

ด้านนายธำรงค์ ปัญญาสกุลวงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย และประธานกรรมการบริหาร บริษัท สเตชั่น แลนด์ จำกัด กล่าวว่า ลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยของบริษัทกู้ไม่ผ่าน "ไม่เกิน 10%" ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาล จนทำให้ลูกค้าไม่สามารถผ่อนสินค้าทั้ง 2 รายการได้พร้อมกัน

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ
#2
ตลาดอสังหาฯ เชียงใหม่ปี 56 แถบฝั่งตะวันออกสุดคึกคัก หอฯเชียงใหม่ คาดเส้น อ.สันกำแพง บูมรับท่าอากาศยานแห่งใหม่-แนวสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูง

นายเจนกิจ สวัสดิโอ กรรมการหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่กล่าวถึงการพัฒนาจังหวัดเชียงใหม่และแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยปี2556 จัดโดยศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ว่าทิศทางการเติบโตของเชียงใหม่หลังจากนี้ไปจะอยู่ด้านอ.สันกำแพง หรือเชียงใหม่ฝั่งตะวันตก เนื่องจากมีโครงการใหญ่ที่จะเกิดขึ้น ในอนาคตทั้งสนามบินแห่งใหม่ แนวสถานีรถไฟฟ้าความเร็วสูง และสถานีรถไฟที่ต้องย้ายจากที่อยู่เดิม โดยผังเมืองรวมเชียงใหม่ที่ประกาศใช้แล้วกระทบต่อสัดส่วนการใช้พื้นที่มาก เพราะให้พื้นที่สีเขียวจำนวนมากบริเวณดังกล่าวห้ามทำการจัดสรรพื้นที่เด็ดขาด

เผยลูกค้าเชียงใหม่ซื้อเพื่อการลงทุน
นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าเชียงใหม่เป็นตลาดที่มีความน่าสนใจมีศักยภาพสูง มีความพร้อมมากกว่าหลายจังหวัด รวมถึงกทม.ลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ซึ่งยอดขายของบริษัทที่มาลงทุนเชียงใหม่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมากับโครงการบ้านจัดสรร 3 โครงการและคอนโด 1 โครงการ พบว่าลูกค้ามีการซื้อเพื่อการลงทุน และซื้อด้วยเงินสดมากกว่าจังหวัดอื่นๆ ที่บริษัทได้ไปลงทุน เช่น ภูเก็ต ขอนแก่น อุดรธานี สุราษฎร์ธานี ขณะที่การขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์พบว่าได้รับการปฏิเสธในสัดส่วนที่น้อยมากเมื่อเทียบกับภูเก็ต

ขณะเดียวกันเชียงใหม่ มีสิ่งซัพพอร์ทการเกิดโครงการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งผังเมืองรวมจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีความชัดเจนกำหนดความสูงของอาคารชัดเจน ซัพพลายเออร์ท้องถิ่นด้านวัสดุก่อสร้างมีความแข็งแกร่งทั้งด้านการเงินและการบริหารจัดการ

นอกจากนี้ พบว่าโมเดิร์นเทรดด้านวัสดุก่อสร้างก็มาลงทุนเชียงใหม่หลายโครงการทั้งโฮมโปร , โกลบอลเฮ้าส์ , โฮมเวิร์ค, ดูโฮม แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเชียงใหม่ที่สูงมากจึงมีการลงทุนสูง นอกจากนี้ ยังมีระบบสาธารณูปโภคที่พร้อม ปัจจุบันมีวงแหวน 3 รอบ ในอนาคตเชื่อว่าจะเกิดรอบที่ 4 และ 5 ขึ้นแน่นอน เพื่อรองรับการเติบโตและการขยายตัวของเมือง โดยเฉพาะการขยายสนามบินแห่งใหม่

ที่ดินชี้ฝั่งตะวันออกขยายตัวสูง
ขณะที่นายไพรัต เศียรสมาน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่าแนวโน้มการเติบโตของเชียงใหม่ หลังจากนี้จะเป็นทางฝั่งตะวันออก คือ อ.สันกำแพง อ.สันทราย อ.ดอยสะเก็ด อ. แม่ริม และอ.หางดง ยอมรับว่าปีที่ผ่านมาจากข้อมูลตัวเลขการจัดเก็บรายได้จากการซื้อขายที่ดินและจำนองที่ดินเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ข้อมูลล่าสุดเดือนธ.ค.2555 ที่จัดเก็บได้ 31 ล้านบาท จากเดือนพ.ย.อยู่ที่ 40 ล้านบาท

ส่วนที่อ.สันทราย เดือนธ.ค.2555 จัดเก็บได้ 16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ย.ที่จัดเก็บได้ 15 ล้านบาท อ.สันกำแพงนั้น เดือนธ.ค.2555 จัดเก็บได้ 12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนพ.ย.ที่จัดเก็บได้ 8 ล้านบาท อ.ดอยสะเก็ด พบว่าช่วงเดือนพ.ย.และธ.ค.จัดเก็บได้เท่ากันที่ 5-6 ล้านบาท ในส่วนของการจดทะเบียนอาคารจุดนั้น เขต อ. เมือง มีการยื่นจดทะเบียนทุกเดือน

ยันอสังหาฯเชียงใหม่ไม่น่าห่วงฟองสบู่
ด้านนางสุภาวดี ปุณศรี ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ กล่าวว่า ภาวะฟองสบู่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ขณะนี้ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศดีมาก ปี 2555 โตกว่า 6.4%คาดว่าปีนี้จะโต 4.9% แต่ต้องจับตาสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

ส่วนสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือเมื่อสิ้นปี 2555 มีมูลค่าเกือบ 4.77 แสนล้านบาท โตขึ้น 18% จากปี 2554 เมื่อเทียบกับเงินฝากแล้วไม่โตเกินไป โดยเงินฝากปี 2555 มีมูลค่า 5.4 แสนล้านบาท ขยายตัว 23% ส่วนสินเชื่อเพื่ออสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ปี 2555 มีมูลค่า 6.8 หมื่นล้านบาท โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2554 โตขึ้น 17-20%

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ
#3
ไตรมาส 1/2556 มีหน่วยขายเปิดใหม่ถึง 30,000 หน่วย รวมมูลค่า 80,500 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีเฉพาะที่อยู่อาศัยจะเปิดถึง 119,132 หน่วย

นายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ได้รายงานว่า อสังหาริมทรัพย์ทุกประเภทเปิดตัวอย่างคึกคักในช่วงไตรมาสที่ 1/2556 และยังต่อเนื่องมาในเดือนเมษายน 2556 ที่ยังเปิดตัวมากเป็นพิเศษ แม้เข้าสู่ไตรมาสที่ 2 แล้วก็ตาม ทั้งนี้คงเป็นผลจากการคลี่คลายขยายตัวของเศรษฐกิจไทย

หากเฉพาะจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยที่เปิดใหม่ในไตรมาส 1/2556 มีจำนวนสูงถึง 29,783 หน่วย รวมมูลค่าที่อยู่อาศัยที่เปิดใหม่ทั้งหมดในไตรมาส 1/2556 เป็นเงินสูงถึง 79,942 หรือเฉลี่ยเป็นเงินหน่วยละ  2.684 ล้านบาท  จะเห็นได้ว่าในปีนี้ราคาที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ลดลงจากปีที่แล้วที่ค่าเฉลี่ยประมาณ 3 ล้านบาท  ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะการเก็งกำไร

ในรายละเอียดพบว่ามีการเปิดตัวโครงการทั้งหมด 80 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว 17 โครงการ รวม 2,468 หน่วย เป็นบ้านแฝด 3 โครงการ รวม 139 หน่วย เป็นทาวน์เฮ้าส์ 18 โครงการ รวม 3,750 หน่วย เป็นอาคารพาณิชย์ 6 โครงการ จำนวน 180 หน่วย และเป็นอาคารชุด 42 โครงการ ถึง 23,246 หน่วย  อนึ่งจำนวนโครงการในรายละเอียดจะมีมากกว่า 80 โครงการ เพราะบางโครงการมีมากกว่า 1 ประเภทบ้าน

"จะสังเกตได้ว่าสินค้าประเภทห้องชุดมีมากถึง 78% ของทั้งหมด และเป็นห้องชุดระดับราคาปานกลางค่อนข้างถูก (ไม่เกิน 2 ล้านบาท) แสดงถึงอาการของการเก็งกำไรอยู่พอสมควร โดยในปี 2555 มีห้องชุดเปิดใหม่อยู่เพียง 60% ของอุปทานใหม่ทั้งหมด  แต่ปีนี้ขยับขึ้นมาสูงมาก ทั้งนี้เป็นผลจากการเปิดตัวโครงการอาคารชุดของบริษัทมหาชนใหญ่ ๆ ในตลาดหลักทรัพย์เป็นสำคัญ" นายโสภณ กล่าว

ทั้งนี้ ได้ประมาณการจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ทั้งปี 2556 อยู่ที่ 119,132 หน่วย รวมมูลค่าประมาณ 319,767 ล้านบาท ซึ่งจะมีจำนวนสูงกว่าปี 2555 ที่มีจำนวน 102,080 หน่วย รวมมูลค่า 299,829 ล้านบาท ยกเว้นหากเกิดวิกฤตที่ไม่คาดฝัน เช่น วิกฤตทางการเมือง วิกฤตเศรษฐกิจ

ขอบคุณ : ข้อมูลจาก http://www.posttoday.com
#4
ที่ผ่านมา มีการสร้างข่าวกันว่าอสังหาริมทรัพย์กำลังจะล้นตลาดนั้นเป็นความเท็จ ในความเป็นจริงตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังจะไปต่ออีกไกล

ในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวคราวเกี่ยวกับการเกิดฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาจทำให้ผู้ซื้อบ้าน นักลงทุน นักพัฒนาที่ดิน สถาบันการเงิน ตลอดจนหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องเข้าใจผิด อันนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่ผิดพลาด ผมในฐานะที่เป็นศูนย์ข้อมูลแห่งแรกของประเทศไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 และเก็บรวบรวมข้อมูลต่อเนื่องที่สุด ขอแถลงความจริงว่า

1. สถานการณ์อสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพมหานครยังเติบโตด้วยดี มีจำนวนหน่วยที่อยู่อาศัยที่สามารถขายได้ในปี พ.ศ.2555 ถึง 107,412 หน่วย โดยมากกว่าจำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่ ซึ่งมีอยู่จำนวน 102,080 หน่วย และมีจำนวนหน่วยที่ยังเหลือขายอยู่ในท้องตลาดประมาณ 128,934 หน่วย ซึ่งจะใช้เวลาขายอีก 12 เดือน

2. อย่างไรก็ตามในส่วนของห้องชุดพักอาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สถานการณ์กลับดียิ่งกว่าอีก คือ มีจำนวนหน่วยห้องชุดที่สามารถขายได้ในปี พ.ศ.2555 ถึง 65,215 หน่วย มากกว่าจำนวนหน่วยที่เปิดขายใหม่ ซึ่งมีอยู่จำนวน 62,548 หน่วย และมีจำนวนหน่วยที่ยังเหลือขายอยู่ในท้องตลาดเพียงประมาณ 40,853 หน่วย ซึ่งจะใช้เวลาขายอีกเพียง 7 เดือน

3. ในส่วนของห้องชุดในจังหวัดภูมิภาค อันได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา ขอนแก่น และ หัวหิน-ชะอำ พบว่า ห้องชุดพักอาศัยในหัวเมืองหลักนั้นสถานการณ์ยังดีอยู่ ไม่เกิดภาวะล้นตลาดแต่อย่างใด โดยในกรณีภูเก็ต ที่มีห้องชุดพักอาศัย 15,500 หน่วยและระยะเวลาที่สินค้าที่เหลืออยู่จะหมดตลาดนั้น จะกินเวลาอีกเพียง 2.3 เดือนเท่านั้น 

ส่วนเชียงใหม่ ที่มีห้องชุดพักอาศัย 10,700 หน่วย ระยะเวลาที่สินค้าที่เหลืออยู่จะหมดตลาดนั้นจะกินเวลาอีกเพียง 1.5 เดือน
ในกรณีพัทยา ที่มีห้องชุดพักอาศัยถึง 122,600 หน่วย ระยะเวลาที่สินค้าที่เหลืออยู่จะหมดตลาดนั้น จะกินเวลาอีกเพียง 5.2 เดือนเท่านั้น 

ส่วนขอนแก่น ที่มีห้องชุดพักอาศัย 5,500 หน่วย ระยะเวลาที่สินค้าที่เหลืออยู่จะหมดตลาดนั้น จะกินเวลาอีก 0.8 เดือนเท่านั้น
และในกรณีหัวหิน-ชะอำ ที่มีห้องชุดพักอาศัย 17,600 หน่วย จะกินเวลาอีกเพียง 2.7 เดือนก็จะขายได้หมด

เมื่อเปิดเขตเศรษฐกิจอาเซียน จากการสัมภาษณ์ที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ในอาเซียนจำนวน 100 ราย โดยศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส ก็พบว่าต่างมองในแง่บวกที่จะทำให้อสังหาริมทรัพย์เติบโตขึ้นอีก ประกอบกับเศรษฐกิจของไทยและอาเซียนโดยรวมกำลังเติบโตต่อเนื่อง  โอกาสที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์จะพังทลายลงจึงยังมาไม่ถึงอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม แม้ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องฟองสบู่ แต่ควรเป็นห่วงเรื่องการปล่อยกู้ (เกือบ) 100% หรือบางแห่งอาจเกิน 100% ซึ่งเป็นการก่อให้เกิดความเปราะบางให้กับสถาบันการเงิน รวมทั้งการรับเงินดาวน์โดยไม่มีหลักประกัน ไม่มีการค้ำประกันเงินดาวน์ของคู่สัญญาตามพระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. 2551 ซึ่งเปิดให้ผู้ประกอบการจะเลือกทำสัญญาเงินดาวน์กับผู้ซื้อหรือไม่ก็ได้ แล้วแต่ความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย  ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จึงเลือกไม่ทำ เพราะใช้ชื่อเสียงของตัวเองเป็นประกัน  แต่ในยามวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมา รายใหญ่แทบทุกรายก็แทบเอาตัวไม่รอด ปล่อยภาระให้เป็นของผู้ซื้อ

การไม่มีการบังคับคุ้มครองเงินดาวน์ให้เสมอหน้ากันระหว่างผู้ประกอบการทุกรายนี้ทำให้ผู้ประกอบการรายเล็กสู้รายใหญ่ไม่ได้  และที่สำคัญ ทำให้ผู้ซื้อบ้านได้รับความเสี่ยงอย่างมาก เพราะหากโครงการใดล้มเลิกไป ผู้เดือดร้อนก็คือผู้บริโภคนั่นเอง 

หากมีการบังคับใช้อย่างเสมอหน้าในหมู่ผู้ประกอบการทุกฝ่ายจะทำให้ผู้ประกอบการทุกรายมี "ยี่ห้อ" ที่คุ้มครองผู้บริโภค ผู้บริโภคก็จะวางใจซื้อบ้าน  ดังนั้น รัฐบาลจึงควรให้การคุ้มครองเงินดาวน์ของคู่สัญญาเป็นภาคบังคับ ไม่ใช่แล้วแต่ความสมัครใจของผู้ประกอบการ และควรเพิ่มสัดส่วนเงินดาวน์ รวมทั้งการบังคับการคุ้มครองเงินดาวน์ ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้นบ้าง แต่ก็เป็นหลักประกันที่ดีต่อผู้ซื้อ ทำให้ตลาดมีวุฒิภาวะมากยิ่งขึ้น

ขอบคุณ : ข้อมูลจาก http://www.ddproperty.com
#5
   
   BAM โชว์ผลงานจัดประมูลทรัพย์ครั้งแรกปี 56 กวาดรายได้กว่า 300 ล้านบาท เผยรายการใหญ่สุดที่ดินใน อ.หางดง จ.เชียงใหม่ กว่า 132 ไร่ เคาะขายราคา 245 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมออกบูททั่วทุกภูมิภาคในประเทศ หวังกระตุ้นยอดขายทรัพย์ทั้งปี ชี้ทิศทางตลาดอสังหาฯ ปีนี้เติบโตต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของ ศก. ระบุประชาชนยังมีความต้องการที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านใหม่ และบ้านมือสอง โดยเฉพาะคอนโดฯ แนวรถไฟฟ้า
       
       นายกฤษณ์ เสสะเวช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด หรือ BAM กล่าวว่า ในปีนี้ BAM ยังคงเน้นนโยบายเชิงรุกในการจำหน่ายทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนจัดกิจกรรมประมูล "ทรัพย์เด่น ทำเลดี" 3 ครั้ง ในช่วงเดือนมีนาคม มิถุนายน และตุลาคม 2556 รวมมูลค่าทรัพย์ประมาณ 3,000 ล้านบาท
       
       ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา BAM ได้จัดประมูลทรัพย์สินรอการขายครั้งแรกของปีนี้ จำนวน 22 รายการ โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมงานจำนวน 25 ราย และมีผู้เข้ายื่นประมูลทรัพย์ 4 รายการ ซึ่งบริษัทอนุมัติราคาประมูลขาย 3 รายการ เนื่องจากอีก 1 รายการ เสนอราคาต่ำกว่าราคาเริ่มต้น คิดเป็นมูลค่าจากการประมูลทรัพย์ครั้งนี้ จำนวน 321,614,999 บาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้จำนวน 300 ล้านบาท


       ทรัพย์ที่ประมูลได้ ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน 4 ชั้น พร้อมชั้นลอย 3 คูหา เนื้อที่ 90 ตร.ว. ตั้งอยู่ที่ 22/16-18 ถนนพระราม 3 แขวงบางคอแหลม เขตยานนาวา กรุงเทพฯ ประมูลได้ในราคา 20,000,000 บาท, ที่ดินเปล่า (ยังไม่พัฒนา) เนื้อที่ 18-1-11 ไร่ ตั้งอยู่ที่ถนนสุขสวัสดิ์ ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ประมูลได้ในราคา 56,555,000 บาท และที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง เนื้อที่ 132-3-56 ไร่ ตั้งอยู่ ถนนเชียงใหม่-ฮอด ตำบลสันผักหวาน อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ประมูลได้ในราคา 245,059,999 บาท
       
       ขณะเดียวกัน ในโอกาสครบรอบ 15 ปี BAM ได้จัดงานมหกรรมอสังหาฯ 5 มุมเมือง โดยออกบูทในศูนย์การค้า 5 มุมเมือง ได้แก่ เดอะมอลล์ บางแค, เดอะมอลล์ บางกะปิ, ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต, ซีคอน สแควร์ ศรีนครินทร์ และเซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ระหว่างวันที่ 14-20 มีนาคม 2556 ที่ผ่านมา มียอดจำหน่ายทรัพย์รวมทั้งสิ้น 200,059,000 บาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
       
       นายกฤษณ์ กล่าวอีกว่า ทิศทางตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ยังคงเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นผลมาจากประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านใหม่ และบ้านมือสอง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้ามีการขยายตัวในอัตราที่สูง รวมถึงตลาดอสังหาฯ ในต่างจังหวัด ตามหัวเมืองสำคัญที่จะมีธุรกิจการค้าเชื่อมโยงกับประชาคมอาเซียนในอนาคต

       นอกจากนั้น ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีนี้มีแนวโน้มการเติบโตสูงกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งตลาดในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดยมีปัจจัยเสริมมาจากนโยบายภาครัฐที่กระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ดอกเบี้ยเงินกู้อยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก รวมถึงแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์ในส่วนภูมิภาคทางแถบภาคอีสาน ภาคตะวันออก มีทิศทางการเติบโตที่สูงตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ และการลงทุนระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ของภาครัฐที่เชื่อมต่อกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน ขณะที่ตลาดบ้านมือสอง หลังจากสถานการณ์ปัญหาน้ำท่วมหมดไปแล้ว บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ และคอนโดมิเนียมมือสองปรับตัวดีขึ้น มีการซื้อขายกันคึกคักกว่าเดิม เนื่องจากราคาบ้านใหม่ปรับสูงขึ้นตามต้นทุนแรงงาน และค่าวัสดุก่อสร้าง

ขอบคุณ :  http://www.manager.co.th
#6
ผู้ประกอบการอสังหาฯยังมั่นใจ ไม่เกิดภาวะฟองสบู่ เผยตัวเลขที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ไตรมาสแรกเกือบ 3 หมื่นยูนิต

นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยอมรับว่าการเปิดตัวโครงการใหม่ที่มากขึ้น อาจทำให้เกิดภาวะโอเวอร์ซัพพลาย อย่างไรก็ตาม แม้ซัพพลายจะมีสูงกว่าความต้องการตลาด ขณะนี้ยังไม่อันตรายถึงขั้นวิกฤติฟองสบู่อสังหาฯเหมือนในอดีต

ด้านนายโสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส เผยรายงานการสำรวจตลาดอสังหาริมทรัพย์ไตรมาสแรกปีนี้ พบว่าอสังหาฯทุกประเภทเปิดตัวใหม่อย่างคึกคัก โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยเปิดใหม่ในไตรมาส 1/2556 มีสูงถึง 29,783 ยูนิต รวมมูลค่ารวมเปิดใหม่เฉพาะที่อยู่อาศัยทั้งหมดในไตรมาส 1/2556 เป็นเงินสูงถึง 79,942 ล้านบาท

ในรายละเอียดพบว่า มีการเปิดตัวโครงการทั้งหมด 80 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว 17 โครงการ รวม 2,468 หน่วย เป็นบ้านแฝด 3 โครงการ รวม 139 ยูนิต เป็นทาวน์เฮ้าส์ 18 โครงการ รวม 3,750 ยูนิต เป็นอาคารพาณิชย์ 6 โครงการ จำนวน 180 ยูนิต และเป็นอาคารชุด 42 โครงการ 23,246 ยูนิต

สังเกตได้ว่าสินค้าที่เปิดใหม่ เป็นห้องชุดมีมากถึง 78% ของทั้งหมด ส่วนใหญ่อยู่ในระดับราคาปานกลาง-ต่ำ คือราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ขณะที่ปี 2555 มีห้องชุดเปิดใหม่เพียง 60% เท่านั้น

ขอบคุณ : กรุงเทพธุรกิจ
#7
ทุนจากส่วนกลางบุกตลาดเชียงใหม่ ทุ่มกว่า 1,000 ล้านประเดิมโครงการแรกคอนโดหรูบนทำเลยอดนิยมถนนนิมมานเหมินทร์ รับกำลังซื้อในพื้นที่ที่กำลังมาแรง

กลุ่มคีย์ สตาร์ พร็อพเพอร์ตี้ นำโดยนายสมนึก ไชยกุล ประธานกรรมการบริหารได้เปิดตัวโครงการ "เดอะ นิมมานา" (The Nimmana) คอนโดมิเนียมล่าสุดในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นโครงการแรกในทำเลต่างจังหวัดของบริษัทหลังจากที่ก่อนหน้านี้เน้นดำเนินธุรกิจพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ เป็นหลัก โดยนับจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น

โครงการเดอะนิมมานา ตั้งอยู่บนพื้นที่เกือบ 4 ไร่ บนถนนนิมมานเหมินทร์ซอย 6 ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์ความสูง 8 ชั้นจำนวน 3 อาคาร ที่มีห้องชุดแบบตกแต่งครบชุดรวม 350 ยูนิต แบ่งเป็นแบบสตูดิโอ และ 1-2 ห้องนอน พื้นที่ตั้งแต่ 33 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้นที่ 2.5 ล้านบาท

สำหรับโครงการดังกล่าว บริษัทได้ทุ่มงบสำหรับการออกแบบและตกแต่งโดยใช้ทีมสถาปนิกและดีไซน์เนอร์ที่มีชื่อเสียง อาทิ ทีมสถาปนิกจาก A49 ทีมดูแลภูมิสถาปัตย์จาก L49 และทีมตกแต่งภายในจาก August

ทั้งนี้ บริษัทได้เปิดตัวและเปิดขายอย่างเป็นทางการไปเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยมียอดจองแล้วกว่า 200 ยูนิตจากลูกค้าซึ่งเป็นคนในพื้นที่คิดเป็นสัดส่วนถึง 60%  โดยเริ่มการก่อสร้างแล้วและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2558

ขอบคุณ : ข่าวจาก http://www.ddproperty.com
#8
ที่ดินเชียงใหม่เผยแนวโน้มอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ปี'56 ขยายตัวต่อเนื่อง ระบุโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงกระตุ้นการลงทุน 4 อำเภอในโซนตะวันออก

นายไพรัต เศียรสมาน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยถึงแนวโน้มการขยายตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ของจังหวัดเชียงใหม่ในปี 56 ว่า ยังไม่อิ่มตัวโดยยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกหลายปี โดยเฉพาะในพื้นที่ 4 อำเภอโซนตะวันออก คือ อำเภอดอยสะเก็ด, อำเภอสันทราย, อำเภอสันกำแพง และอำเภอแม่ริม โดยมีปัจจัยจากความต้องการที่อยู่อาศัยของคนในพื้นที่ และคนต่างพื้นที่ และการก่อสร้างศูนย์การค้าขนาดใหญ่พร้อมกัน 3 แห่ง, อีกทั้งโครงการสร้างรถไฟความเร็วสูง ตลอดจนการเปิดใช้งานศูนย์ประชุม และแสดงสินค้านานาชาติฯ ล้วนแต่เป็นปัจจัยกระตุ้นให้จังหวัดเชียงใหม่มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภาคการลงทุนอสังหาริมทรัพย์เติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีการประกาศใช้ผังเมืองรวมจังหวัดเชียงใหม่แล้ว แต่รายละเอียดของผังเมืองฉบับดังกล่าวไม่สอด คล้องกับสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกันในปลายเดือนเมษายน 2556 กำลังจะมีการประกาศใช้ผังเมืองเมืองเชียงใหม่ ทำให้ผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์เร่งดำเนินการก่อนที่จะ มีกฎหมายบังคับ แต่ในข้อเท็จจริงคงจะต้องมีการแก้ไขผังเมืองทั้ง 2 ฉบับ เพื่อให้มีการใช้ประโยชน์พื้นที่แต่ละโซนให้มีความเหมาะสม และเอื้อต่อการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเท่าที่ทราบขณะนี้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่มีแนวคิดจะแบ่งโซนระหว่างเมืองเก่าในฝั่งตะวันตกกับเมืองใหม่ในฝั่งตะวันออกให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อโบราณสถาน และการค้าการลงทุน

นอกเหนือจากนี้ หลังจากที่ทางรัฐบาลต้องการผลักดันให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุนของภาคเหนือ ด้วยการสนับสนุนโครงการสร้างรถไฟความเร็วสูง จึงทำให้มีผลต่อการตัดสินในใจการเข้ามาลงทุนของผู้ประกอบการภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะกลุ่มทุนขนาดใหญ่จากส่วนกลางไม่ว่าจะเป็นกลุ่มแลนด์แอนด์เฮ้าส, คลอลิตี้เฮ้าส์, ศุภาลัย และแสนสิริ ต่างเข้ามาลงทุนในรูปแบบของบ้านจัดสรร และอาคารชุดกันอย่างคึกคัก ซึ่งในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2556 มีการยื่นคำขออนุญาตจัดสรรแบ่งเป็นบ้านจัดสรร จำนวน 13 ราย และอาคารชุด 5 ราย ขณะที่ทั้งปี 2555 มีการยื่นคำขออนุญาตจัดสรรแบ่งเป็นบ้านจัดสรร 55 ราย และอาคารชุด 11 ราย

นายไพรัต กล่าวต่อว่า ส่วนการจัดเก็บค่าธรรมเนียม ในปี 2555 มีการโอนจำนวน 38,000 ราย คิดเป็นเงิน 445 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ที่มีจำนวน 37,000 ราย คิดเป็น 352 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2556 ตั้งแต่เดือนมกราคม - มีนาคม พบว่ามีจำนวน 9,608 ราย คิดเป็น 128 ล้านบาท โดยราคาที่ดินสูงสุดยังอยู่ในย่านสำคัฐ เช่นถนนช้างม่อย, ถนนช้างคลาน, ตลาดวโรรส และถนนนิมมานเหมินทร์ ตารางวาละ 250,000 บาท ส่วนราคาที่ดินที่พบว่ามีการปรับตัวสูงขึ้น คือ บริเวณศูนย์การค้ารเซ็นทรัลเชียงใหม่แอร์พอร์ต มีการปรับตัวสูงที่สุดจากเดิมตารางวาละ 3,000 บาท ปรับเป็น 25,000 บาท และ ถนนอัษฎาธร จากเดิมตารางวาละ 20,000 บาท ปรับเป็น 60,000 บาท และในเขตเมืองชั้นในจากเดิมอยู่ที่ตารางวาละ 200,000 บาท ปรับเป็น 250,000 บาท

ขอบคุณ: กรุงเทพธุรกิจ
#9
TCDC เตรียมเปิดสาขาเชียงใหม่ ตอกย้ำการเป็นแหล่งเรียนรู้ มั่นใจศักยภาพของจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงสู่ระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์

นายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) เปิดเผยว่า ด้วยพันธกิจหลักของศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบที่มุ่งให้ความรู้ด้านการออกแบบและกระตุ้นให้ภาคประชาชนทุกระดับนำความคิดสร้างสรรค์มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งนับเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) ของประเทศ

ทั้งนี้ นับตั้งแต่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2548 ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา การดำเนินงานของ TCDC ได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมาย ทั้งนักเรียน นิสิต/นักศึกษา นักออกแบบ ตลอดจนผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไปเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง TCDC จึงได้กำหนดแผนขยายขอบข่ายการดำเนินงานไปสู่ภูมิภาคเพื่อให้ผู้สนใจสามารถเข้าถึงทรัพยากรและบริการต่างๆ ของศูนย์ฯ ได้สะดวกขึ้น

โดยก่อนหน้านี้เริ่มกระจายความรู้สู่ภูมิภาคผ่านโครงการ mini TCDC ผ่านสถาบันการศึกษา 13 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย และล่าสุดได้เดินหน้าโครงการการจัดตั้ง TCDC เชียงใหม่ ซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จพร้อมให้บริการได้วันที่ 2 เดือนเมษายนที่จะถึงนี้ นับเป็นศูนย์ความรู้ด้านการออกแบบที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเขตภาคเหนือตอนบน

"สำหรับเหตุผลที่เลือกขยายไปยังจังหวัดเชียงใหม่เนื่องจากเชียงใหม่เป็นเมืองที่มีศักยภาพพร้อมที่จะพัฒนาไปสู่ระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทั้งในแง่รากฐานทางวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น วิถีชีวิตและทักษะความเป็นช่างฝีมือของชาวเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงที่เอื้อต่อการต่อยอดด้วยความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบ เป็นศูนย์กลางทางธุรกิจการค้าและการศึกษาของภาคเหนือตอนบน ทั้งยังมีการรวมกลุ่มของอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับความคิดสร้างสรรค์จำนวนมาก และที่สำคัญ เชียงใหม่เป็นสังคมที่เปิดรับความแตกต่างหลากหลาย"

TCDC เชียงใหม่ มีพื้นที่ใช้สอย 1,500 ตร.ม. จัดเป็นศูนย์เรียนรู้เต็มรูปแบบแห่งแรกในภูมิภาคที่มีความทันสมัยและบริการที่ครบวงจรเทียบเท่ากับ TCDC ในกรุงเทพฯ การดำเนินงานของศูนย์ฯ ประกอบด้วย บริการความรู้ด้านความคิดสร้างสรรค์และการออกแบบในรูปแบบของห้องสมุดเฉพาะด้านการออกแบบ ด้วยหนังสือกว่า 6,000 เล่ม นิตยสารกว่า 70 หัว และ มีเดียกว่า 500 เรื่อง พร้อมทั้งฐานข้อมูลด้านการออกแบบ WGSN และ ฐานข้อมูลด้านการตลาด GMID อย่างครบครัน

ทั้งนี้ เมื่อเปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้ว TCDC เชียงใหม่ จะตอบสนองความต้องการของผู้สนใจ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1) ผู้ผลิต ผู้ประกอบการ กลุ่มนักออกแบบ และผู้ผลิตโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ 2) นักเรียน/นักศึกษาในสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบหรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ 3) กลุ่มนักท่องเที่ยว 4) ประชาชนทั่วไป

ขอบคุณ: กรุงเทพธุรกิจ