วันใหม่ แผนใหม่

วันใหม่ แผนใหม่

เริ่มโดย don, 10 ธันวาคม 2008, 05:15:19

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

don

ทุกคนบนโลกเกิดมาแตกต่างกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา เชื้อชาติ ความคิด ฐานะ ฯลฯ ที่ดูจะเท่าเทียมกันก็เห็นจะมีเพียง ?เวลา? เท่านั้นที่ทุกคนมีวันละ 24 ชั่วโมง กับปีละ 365 วันเท่าๆ กัน ไม่เกี่ยงว่าเป็นใครมาจากไหน


แต่ใครที่สามารถจัดการกับเวลาของตัวเองได้ดีกว่าก็มักมีโอกาสสำเร็จมากกว่าคนอื่น ๆ ซึ่งก็แน่นอนว่าทุกคนย่อมดิ้นรนหาทางเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อโอกาสที่ดีขึ้น แต่เมื่อคิดถึงการเปลี่ยนแปลงก็มักจะกังวลไปก่อนทันทีเพราะห่วงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น

ที่สำคัญคือไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ต้องการจริงๆ คืออะไร ซึ่งเราควรใช้เวลาในการเขียนสิ่งที่คิดว่าอยากได้สิ่งที่ต้องการทำมีอะไรบ้าง สิ่งที่กังวลและสิ่งที่หวังผลของการกระทำคืออะไร ฯลฯ เพื่อทำให้ความคิดเข้าสู่ระบบมากขึ้น และเขียนเป้าหมายชัดเจนขึ้น

แต่ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ก็ต้องคิดให้เป็นสามเหลี่ยมสามมุมที่ทำให้เราเห็นภาพชัดขึ้น เช่นเรากับคนอื่น เรากับงาน และเรากับทรัพย์สิน เรามีความคิดใหม่อะไร และมองเรื่องต่างๆ ข้างต้น มีเรื่องไหนที่ควรทำ เรื่องไหนที่อยากแก้ไข และต้องมองจากบนลงล่าง คือ เรื่องใหญ่ไปหารายละเอียด และกับกันคือล่างถึงบนคือเอาเรื่องเล็กต่อเป็นจิ๊กซอว์จากสิ่งที่มีอยู่ทำเป็นเรื่องใหญ่ได้ เพื่อให้เห็นมุมมองทั้ง 2 ด้าน

นอกเหนือจากนั้น การจะมีแผนใหม่ ต้องคิดให้ครอบคลุมทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว แล้วจัดลำดับความสำคัญให้ดี เพื่อให้เราก้าวไปสู่ความฝันที่ตั้งใจไว้ให้ได้ ซึ่งต้องอาศัยทั้งความกล้าคิด กล้าเสนอต่อตนเองและคนรอบข้าง เพราะการทำงานอยู่ที่คนอื่นด้วย ความสำเร็จไม่ใช้เราคนเดียว แต่อยู่ที่สภาพแวดล้อมและคนอื่นด้วย

เริ่มจากข้อแรก ต้องกล้าทำ เมื่อมีความกล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ บวกกับ ลำดับความสำคัญที่เรียงไว้ ในที่สุดความกล้าทำจะแปรเป็นการกระทำ เมื่อมีการกระทำก็จะเกิดความสำเร็จ แม้ไม่สำเร็จแต่ก็คุ้มค่าเพราะได้เริ่มทำแล้ว เมื่อทำอีกครั้งก็มีโอกาสสำเร็จมากกว่าคนอื่น เพราะความล้มเหลวเป็นครูของความสำเร็จ

การบันทึกเป็นข้อ ๆ ว่าวันนี้ทำอะไรบ้าง และมาทบทวนจะเห็นว่าวันนี้มีอะไรที่ลืมทำหรือไม่ หรือเรื่องที่ทำแล้วมีโอกาสทำได้ดีกว่า โดยต้องคิดเสมอว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ ?วันนี้? ซึ่งจะเป็นการเตือนตัวเองว่าวันนี้ชีวิตคุ้มค่าหรือไม่ การเขียนการกระทำเป็นการทบทวนตัวเองเสมอ จะทำให้เรา พัฒนาตัวเองไปได้เรื่อยๆ

หากคิดว่า ปีนี้เป็นปีสุดท้ายของชีวิต มีอะไรที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำ ซึ่งเราจะพบว่าสิ่งที่มีคุณค่าที่สุดกับชีวิตเหลือเพียงไม่กี่ข้อ ซึ่งที่สำคัญที่สุดคือ ?ต้องทำ? ทันที เราจึงต้องรู้ว่าอะไรคือ core value ของเรา อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด เมื่อรู้แล้วก็คิดต่อในเรื่องการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ได้สิ่งนั้น ต้องหา core value ให้เจอ เมื่อทบทวนแล้วและเกิดความคิดขบวนการเพื่อให้เป็นการกระทำต่อเป้าหมายที่ตั้งไว้ และเมื่อมีเป้าหมายแล้ว ทางที่จะไปสู่เป้าหมายต้องปรับตลอดเวลา โดยการปรับต้องอยู่ภายใต้ 3 ข้อนี้ คือ

1) ต้องเป็นสิ่งที่เป็นเรื่องราวที่จับต้องได้ เช่นปีนี้ต้องให้สุขภาพดีขึ้น อยากออกกำลังกาย แต่ยังไม่มีรองเท้ากีฬาสำหรับใส่วิ่ง และต้องบังคับตัวเองว่าใน 1 อาทิตย์ต้องเล่นกีฬา ซึ่งเป็นสิ่งที่จับต้องได้ ความคิดที่จะเข้าสู่เป้าหมายต้องเป็นสิ่งที่จับต้องได้

2) ต้องเป็นสิ่งที่วัดได้ เช่นเรื่องสุขภาพ เมื่ออ้วนเกินไปต้องลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพ เราต้องบอกว่าภายใน 3 เดือนต้องลดน้ำหนัก 3 กก. ซึ่งเป็นเป้าหมายที่วัดได้ เมื่อมีเป้าหมาย กระบวนการที่จะเข้าสู่เป้าหมายก็จะเกิดขึ้น

3) ต้องเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ต้องรู้ศักยภาพตัวเอง และรู้ว่ามี core competency อะไร ซึ่งจะทำให้เป็นส่วนที่เราได้เปรียบและทำให้ฝันเป็นจริงได้ โดยสิ่งสำคัญที่สุด คือต้องมีเวลา และต้องกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอยากสู้ โดยการสู้จะตามมาด้วยผลของเรื่องที่หวังไว้ เช่นปีนี้อยากไปเยี่ยมพ่อแม่ให้บ่อยขึ้น จึงวางแผนตารางเวลาว่าช่วงไหนหยุดยาวบ้าง แล้วจองเวลาไว้ ซึ่งเราจะต้องทำทุกทางให้แผนของเราเป็นจริงให้ได้

การตัดสินใจจะให้ชีวิตดีขึ้นเป็นจริงขึ้นมา ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกในความรู้สึกของการต้องการที่ดีขึ้น ซึ่งต้องวางแผนเพื่อให้ความสำเร็จมาหาเรา โดยความสำเร็จต้องจับต้องได้ เช่น ตั้งใจตื่นตี 5 เพื่อออกกำลังกาย ปัญหาคือก่อนนอนเราจะกังวลใจว่า ตี 5 จะตื่นหรือไม่ คิดไปมาจนนอนไม่หลับ จึงตื่นสาย เราจึงควรตื่นเท่าเดิมแต่หาเวลาอื่นออกกำลังกายแทน

ข้อต่อมาคือ ความเป็นไปได้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แผนที่ตัดสินใจไว้มีโอกาสสำเร็จ เช่น อยากมีเงิน 1 ล้านบาท แต่ต้องคิดว่าจะได้มาอย่างไร ถ้ามีเงินเดือน 25,000 บาท และมีเงินฝากไม่ถึง 50,000 บาท ก็จะเห็นว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการบริหารเงินที่มีอยู่ เช่นมีรายได้อื่นหรือไม่ หรือมีการวางแผนการลงทุนหรือไม่

อีกข้อหนึ่งคือ ต้องมาจากภายในจิตใจ คือมาจากความคาดหวังของตนเอง ไม่ว่าเรามีจุดแข็งหรือจุดอ่อนอะไร สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร ฯลฯ เพื่อตั้งเป้าหมายว่าต้องการอะไร แล้วแปลเป็นการกระทำ เพื่อให้ความเป็นไปได้เกิดขึ้น และทุกสิ่งทุกอย่างที่คิดจะเป็นไปได้

ที่สำคัญต้อง กล้าเปลี่ยนนิสัย เพราะนิสัยทุกอย่างเป็นการสะสมภายใต้สิ่งแวดล้อม การเรียนรู้ และวัฒนธรรม ซึ่งทุกอย่างเรียนรู้ได้ เช่นเราชอบกินอาหารที่ภัตตาคารไหน ก็จะกินแต่ที่นั่น คือชอบอะไรก็ทำแบบนั้นไป ซึ่งเราควรทดลองสิ่งที่แตกต่างบ้าง เมื่อทดลองแล้วอาจเจอความผิดหวัง หรืออาจเจอสิ่งใหม่ ๆ

การเปลี่ยนแปลง ความกล้าทดลองสิ่งใหม่ๆ เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนนิสัย ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ ต้องเกิดจากนิสัยการเปลี่ยนแปลง กล้าทดลองสิ่งใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่สิ่งใหม่ๆ แต่เราต้องรู้จักสิ่งที่มีอยู่ เพราะเรามักวิ่งหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ที่ไม่เคยเจอ โดยหลงลืมสิ่งที่ได้มาแล้ว จึงต้องรู้จักรักและรักษาสิ่งที่มีอยู่

ถึงแม้ทุกคนจะมีเวลาอยู่เท่าๆกัน และเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทุกคนบนโลกมีอย่างเสมอภาคกัน แต่ความสำเร็จและล้มเหลวของแต่ละคนก็ขึ้นอยู่กับการจัดสรรเวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั่นเอง
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

suphap

พรุ่งนี้ ต้องดีกว่าเดิมคับ ผมเชื่ออย่างนั้น  dsgtk
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions