แนวทางเทคนิคการเลือกบริษัทรับทำ SEO ให้มีคุณภาพ แชร์ข้อมูลน่าสนใจ

แนวทางเทคนิคการเลือกบริษัทรับทำ SEO ให้มีคุณภาพ แชร์ข้อมูลน่าสนใจ

เริ่มโดย belive2528, 05 พฤษภาคม 2016, 04:04:44

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

belive2528

แนวทางเทคนิคการเลือกบริษัทรับทำ SEO ให้มีคุณภาพ แชร์ข้อมูลน่าสนใจ

ทฤษฎีเทคนิคเทคนิคการเลือกบริษัทรับทำ SEO ให้มีคุณภาพ ลองอ่านบทความ เริ่มต้นศึกษาเกี่ยวกับรับทำ SEOทำความเข้าใจได้จากเนื้อหานี้   อย่างที่รู้กันว่าปัจจุบันกูเกิลมุ่งเน้นคุณภาพมากกว่าเดิม การสร้างเนื้อหาคุณภาพให้พอใจทั้ง Google และ User ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเช่นกันครับ หากผู้ติดตามจะจ้างบริษัทรับทำ SEO เพื่อโปรโมทเว็บไซต์ให้ติดหน้าแรกกูเกิล จะต้องตรวจเช็คคุณภาพของ Article ที่ผู้ให้บริการรับทำ SEO แต่ละราย ว่า บทความที่สร้างขึ้นมีคุณภาพหรือไม่ อ่านรู้เรื่องหรือไม่ และอ่านแล้วได้ความรู้หรือประโยชน์มากน้อยขนาดไหน สิ่งเหล่านี้สำคัญต่อการทำอันดับเว็บไซต์ในยุคนี้มากๆ ครับ เพราะบริษัทรับทำ SEO ส่วนใหญ่ จะไม่ค่อยมุ่งเน้นที่คุณภาพกันมากนัก เพราะการจะเขียน Content ที่มีคุณภาพ ต้องใช้เวลาศึกษาเรื่องนั้นๆ มากกว่า ต้องใช้เวลา อีกทั้ง การเขียนเนื้อหา
คุณภาพเพื่อสร้าง Links กลับไปหาเว็บหลักจะต้องสร้างบทความที่ไม่ซ้ำกันด้วยครับ ในแง่ของผู้ให้รับทำ SEO ก็ควรเข้าใจและรับทราบว่าการทำเอสอีโอในยุคนี้จะทำแบบง่ายๆ ไม่ได้ ต้องทำให้ถูกหลักเกณฑ์ที่ทางกูเกิลกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ประการที่สำคัญให้นึกถึงถึงผลในระยะยาวด้วย ไม่ใช่แค่เพียงมุ่งแต่จะส่งเสริมให้ติดอันดับเร็วๆ โดยไม่สนใจว่าหากระบบอัลกอริทึมมีการอัพเดทจะมีผลยังไง และผู้ที่ให้บริการเอสอีโอควรเข้าใจว่าปัจจุบันการดันอันดับ Google จะอาศัยแค่การสร้าง Content และสร้าง Link ไม่ได้แล้ว จะต้องหาทราฟฟิคเข้าเว็บไซต์ด้วย พากเพียรโปรโมทให้คนเข้าสู่เว็บจำนวนมากๆ จึงจะทำให้เว็บติดอันดับได้เร็วและยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโปรโมทเว็บให้คนเข้าผ่านทาง Search Engine มีความสำคัญอย่างมากต่อการดันอันดับ สรุป การทำเอสอีโอสมัยปัจจุบันไม่ได้จะติดอันดับได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถ เว็บใครก็ตามที่มีเนื้อหาไม่มากและไม่มีคุณภาพ ทำแบบไม่ใส่ใจด้านคุณภาพ หวังแต่จะให้นักทำเอสอีโอดันอันดับให้อย่างเดียว แบบนี้ติดอันดับยากครับ เพราะสมัยนี้ถ้าบทความไม่พอใจกูเกิลหรือผู้ใช้งาน จำไปจ้างนักทำเอสอีโอคนไหนก็ทำขึ้นยากมากๆ ครับ สำคัญคือ เว็บต้องมีเนื้อหาดีไว้ก่อนจึงจะทำเอสอีโอได้ง่าย

การเลือกใช้บริการ SEO กับบริษัทรับทำเอสอีโอ

  ผู้ใช้บริการที่ใช้บริการ SEO กับบริษัทรับทำเอสอีโอไหนก็ตาม จะต้องเรียนรู้หาความรู้เกี่ยวกับเอสอีโอเบื้องต้นก่อนที่จะไปจ้างใครทำ SEO ให้ครับ เพราะอะไร? ก็เพราะว่าหากท่านไม่มีความรู้เบื้องต้นของเอสอีโอ ตลอดจนไม่รู้วิธีการตรวจสอบคุณภาพของการทำเอสอีโอแล้วละก็ การันตีได้เลยว่าท่านจะต้องเสียใจภายหลัง แม้ว่าบริษัท SEO ที่เราไปจ้างนั้น จะติดหน้าแรกคีย์ที่เกี่ยวกับการรับงานเอสอีโอก็ตาม แม้จนกระทั่งเว็บที่ติดหน้าแรกคีย์ รับทำ seo ก็ไม่ได้การรัณตีว่าเว็บนั้นจะส่งเสริมให้เว็บของเราติดอันดับกูเกิล ได้นะครับ เพราะกว่าที่เขาจะโปรโมทเว็บให้ดันเว็บตัวเองให้ติดหน้าแรกคีย์เหล่านี้ เขาใช้เวลาอย่างต่ำๆ 8 - 12 เดือนก็ว่าได้ แล้วถ้าท่านไปจ้างทำ seo และมีข้อความชักชวนให้ใช้บริการไม่จำกัด ทั้งโปรโมชั่นพิเศษ ทั้งบรรยายศัพท์เกี่ยวกับ SEO ที่ท่านไม่เข้าใจเลย อาจจะต้องเปลืองเวลา และเสียตังค์ไปเปล่าประโยชน์ จงจดจำไว้ว่าการทำเอสอีโอสมัยปัจจุบัน การที่นักทำเอสอีโอคนหนึ่งสามารถดันอันดับเว็บให้ติด Keyword ใดคีย์หนึ่ง ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าจะสามารถทำคีย์อื่นๆ ติดอันดับด้วย และนี่คือความแตกต่างของการทำเอสอีโอสมัยปัจจุบันครับ Google ต้องการให้เจ้าของเว็บที่มีความเชี่ยวชาญในการสร้างเนื้อหา
เกี่ยวกับเรื่อง นั้นๆ สามารถทำอันดับได้ กล่าวคือ หากเราวิจัยหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องอะไรอย่างลึกซึ้ง แล้วนำมาเขียนเนื้อหา สืบทอด เล่าประสบการณ์ผ่านทางการสร้างเว็บไซต์ ก็จะมีความเป็นไปได้ติดอันดับสูงกว่าคนที่ไม่ได้เป็น Guru ได้นั้นๆ ครับ เพราะฉะนั้น อยากทำให้เว็บติดอันดับได้เร็ว ต้องเป็น Guru ด้านนั้นๆ แล้วจะรุ่งครับ สิ่งที่อยากจะแนะนำอีกประการหนึ่ง คือ อยากให้เข้าใจว่าวิธีการของบริษัทรับทำ SEO ที่ใช้โปรโมทเว็บไซต์ตัวเอง กับเว็บที่ทำอันดับให้ลูกค้า มักจะใช้คนละวิธีการกัน หรือแม้แต่ถ้าใช้เทคนิคเดียวกันก็จะทำของผู้ใช้บริการน้อยกว่าเว็บของตัวเอง เหตุผลหลักคือ บริษัทเอสอีโอทั้งหลาย จะต้องแข่งกันดันอันดับเพื่อรับงานผู้ใช้บริการในแต่ละเดือน หรือแต่ละสัปดาห์ รวมทั้งแต่ละวันด้วย เขาจึงงัดเอาทุกยุทธวิธีที่จะส่งเสริมให้เว็บรับงานตัวเองอันดับดีมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้าง Links คุณภาพมากกว่าเว็บผู้ใช้บริการ เว็บตัวเองอาจใช้วิธีการเขียนมือสำหรับเขียนเนื้อหาจากเว็บอื่น เพื่อสร้างลิงค์กลับไปหาเว็บหลักของตัวเอง แต่อาจใช้ขั้นตอนการ Spin เนื้อหาที่อ่านรู้เรื่องบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง หรือใช้สปินแบบศัพท์แปลกๆ อ่านแล้วไม่สอดคล้องกันเพื่อสร้าง Backlinks สิ่งเหล่านี้ผู้ใช้บริการ SEO ควรเข้าใจ และมุ่งมั่นเรียนรู้หาความรู้เพื่อตรวจเช็คคุณภาพ แม้ว่าจะสามารถดันอันดับได้ แต่ก็เสี่ยงที่จะโดน Google Penalty ได้ครับ อีกทั้งการเขียนบทความ
ไม่คุณภาพอาจทำให้อันดับเอสอีโอมีความผันผวนสูงครับ หรือบางครั้งที่ใช้วิธีการเดียวกันทั้งหมด แต่ปริมาณการสร้างแบ็คลิงค์ให้เว็บตัวเองมากกว่าสร้างให้ผู้ซื้อสินค้า แม้คีย์เวิร์ดจะมีความยุ่งยากในระดับเดียวกัน แม้กระทั่งการสร้าง Social Links หรือ Youtube Links ก็อาจทำให้เว็บตัวเองเป็นหลัก และทำจำนวนมากด้วยเพื่อหวังผลให้การรับงานให้มากๆ แต่ลูกค้าอาจใช้วิธีการที่เน้นความเร็วของการสร้างแบ็คลิงค์เป็นหลัก โดยอาจไม่คำนึงถึงคุณภาพ สิ่งเหล่านี้ท่านสามารถตรวจเช็คได้ถ้ามีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการทำ SEO ระดับหนึ่ง ซึ่งแน่นอนใช้เวลาไม่นานครับ ขอให้แค่มีความตั้งมั่น อะไรก็ไม่ยาก ลำดับต่อมาคือเรื่องของช่วงเวลาการทำอันดับเอสอีโอ อยากให้เข้าใจว่า Keywords แต่ละคีย์มีความยาก ง่าย ไม่เท่ากัน แน่นอนว่าย่อมใช้ช่วงเวลาการทำอันดับได้เนิ่นนานไม่เท่ากันแน่ๆ แต่อย่างไรก็ตามการทำเอสอีโอในยุคนี้ ต้องใช้เวลานานอยู่แล้วครับ ด้วยเหตุนี้อย่างได้เอาอันดับ SEO ของผู้ให้บริการเอสอีโอมาเป็นดัชนีชี้วัดว่าควรใช้บริการที่ไหนดี เพราะอาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด เพราะบางครั้งเขาใช้เวลาทำกันเป็นปีๆ กว่าจะติด แถมใช้คนทำเป็นทีมเวิร์คช่วยกันปั่นอันดับเพื่อรับงาน อยากดูว่าใครเก่งจริง ให้ไปไล่ดู Content + Link ที่บริษัทรับทำ SEO แต่ละรายเขาใช้กัน ว่าเขาใช้เทคนิคและวิธีการอย่างไร และให้ไปตรวจเช็ค ชื่อเว็บ ของผู้ให้บริการว่าจดมากี่ปีแล้ว รวมทั้งไปไล่ดูว่าปริมาณลิงค์ที่ทำให้ติดอันดับเริ่มสร้างมากๆ ตั้งแต่ช่วงวันเวลาไหน สิ่งเหล่านี้เป็นตัวคัดกรองคุณภาพของผู้ให้บริการได้ครับ

ก่อนจ้างทำ SEO สอบถามก่อนว่าสร้าง Traffic เข้าเว็บหรือไม่

  ก่อนการจ้างทำ SEO ควรทำการสอบถามไปยังผู้ให้บริการเอสอีโอก่อนว่า มีบริการเพิ่ม Traffic หรือ โปรโมทให้คนเข้าเว็บด้วยหรือไม่ และถ้ามีจะมีคนเข้าเว็บเฉลี่ยวันละ 1,000 คนขึ้นไป ถึงจะเห็นผลเร็ว โดยจำนวนค่าเฉลี่ยของทราฟฟิคที่ส่งผลดีต่อการดันอันดับ SEO อย่างยิ่ง ทำให้ติดอันดับเร็วอีกด้วย หรือ ถ้าหากไม่มี ก็สามารถยืนยันได้ว่าเว็บจะติดอันดับช้า เพราะการทำเอสอีโอสมัยปัจจุบันไม่เหมือนสมัยก่อนที่อาศัยแค่การสร้าง Content ปรับแต่ On Page แล้วปรับ Off Page สร้างลิงค์จำนวนมากๆ ก็ทำให้ติดอันดับได้ ยุคปัจจุบันยากแบบนั้น ตัวที่สร้างเว็บของเราเป็น Trust Site หรือทำให้เว็บของเราน่าเชื่อถือในมุมมองของกูเกิล จะต้องมี Traffic เข้าสู่เว็บครับ

  ทราฟฟิค ที่เข้าสู่เว็บไซต์ของเรานั้นมีหลาก หลายลักษณะ และทราฟฟิคแต่ละแบบก็ให้คำตอบทางด้าน SEO ไม่เหมือนกัน ที่สำคัญหากเราเป็นนักทำ SEO ที่หาทราฟฟิคเก่งๆ ไม่จำเป็นต้องง้อ Backlink ให้เสียเวลาก็สามารถขับเคลื่อนอันดับ SEO ติดอันดับกูเกิล ได้อย่างไม่ยากเย็น และการทำ SEO ที่เน้นการสร้างทราฟฟิคมีความยั่งยืนมากกว่าการทำ SEO ด้วยลิงค์ เพราะทุกครั้งที่กูเกิล Update Algorithm ใหม่ แบ็คลิงค์ของเราจะถูกนำไปตรวจสอบใหม่ ลิงค์เดิมที่กูเกิลเข้าใจว่ามีคุณภาพใน Algorithm ชุดเก่า พอมีการอัพเดทอัลกอริทึมใหม่ ลิงค์เดิมที่มีคุณภาพ อาจไม่ถูกต้องตามกฎใหม่ หรือระบบอัลกอริทึมใหม่ของกูเกิล อันนี้คือความซับซ้อนของการสร้างลิงค์ แต่สำหรับทราฟฟิคและสถิติของเว็บไซต์ ไม่ว่าระบบบอัลกอริทึมจะอัพเดทใหม่ยังไง ข้อมูลเว็บที่ดีจะส่งผลดีตลอด เพราะข้อมูลมาจากผู้ใช้งานจริงๆ แต่ต้องเป็น Web Statistics ที่ดีด้วย เพราะถ้าเว็บมีข้อมูลที่ไม่สนับสนุนยูสเซอร์ก็อาจส่งผลเสียต่ออันดับของเว็บ ได้เช่นกัน สรุปง่ายๆ ก็คือ เว็บไหนทำให้คนเข้าเว็บมากๆ และมาจากทราฟฟิคหลายประเภท และอ่านเนื้อหาภายในเว็บนานๆ อันดับเอสอีโอ ขึ้นกับขึ้น เลิกสนใจแบ็คลิงค์ไปได้เลย Google เข้าใจดีว่า Website ที่ดีต้องเป็นเว็บที่มีคนเข้าอ่านเนื้อหาปริมาณมากๆ และต้องมีข้อมูลของเว็บที่ดีอีกด้วย

หมวดของ Traffic ที่ส่งผลดีต่ออันดับ SEO

1. ทราฟฟิคแบบที่หนึ่ง Ads Traffic ทราฟฟิคกลุ่มนี้เช่น ทราฟฟิคที่มีการเข้าสู่เว็บจากการลงโฆาณาแบบ PPC หรือที่เรียกว่า Pay Per Click เช่น โฆษณา Google Adwords ซึ่งโปรดปรานมากที่สุด และมีผลต่ออันดับมากกว่าการลงโฆษณากับเจ้าอื่นๆ เหตุผลหลักๆ เลย เพราะว่าคนที่เข้าไปอ่านข้อมูลในเว็บ มาจากคนที่ต้องกางอ่านเนื้อหาที่สอดคล้องกับเว็บของผู้ลงโฆษณาจริงๆ สิ่งที่อยากให้เข้าใจกันสักนิดหนึ่งก็คือ การที่คลิกป้ายโฆษณาของ Adwords แล้วเข้าสู่เว็บไซต์ เราจะไม่ได้สถิติของ Analytics for Search ใน Search Engine Console นะครับ เพราะไม่ได้คลิกที่ที่ตั้งของ SEO หรือ Search Result แต่เป็นสถานะของป้ายโฆษณา สิ่งที่เราจะได้คำจำนวนทราฟฟิคที่เข้าสู่เว็บ และปริมาณคนออนไลน์ แน่นอนว่าลงโฆษณา Adwords ย่อมต้องมีคนหยุดอ่านเนื้อหาภายในเว็บนานกว่าการลงโฆษณากับเจ้าอื่นๆ ในกลุ่ม PPC ด้วยกันอยู่แล้ว เพราะว่าคนมาจากการค้นหาผ่านการ Search Query ข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกัน ยิ่งคนอ่านบทความมากๆ และอยู่ในหน้าเว็บนานๆ ยิ่งส่งผลดีต่ออันดับครับ และถ้ามีคนออนไลน์มากๆ ยิ่งส่งผลดีอย่างเห็นชัดครับ อย่างไรก็ตาม Traffic ที่มาจากโฆษณาแบบ PPC มีความแรงน้อยกว่าทราฟฟิคประเภทอื่นๆ ทั้งหมดครับ

2. ทราฟฟิคแบบที่สอง Direct Traffic ทราฟฟิคคนเข้าสู่เว็บตรงๆ เรียกได้ว่าเป็นทราฟฟิคมาตรฐานก็ว่าได้ ถ้าเราทำเว็บที่มีคุณภาพจริงๆ ผู้ติดตามจะติดตามและเข้ามาอ่านบทความภายในเว็บของเราอย่างสม่ำเสมอ และหากเว็บเราดีในสายตาผู้ติดตามจริงๆ ยูสเซอร์จะ Bookmark เว็บของเราเก็บสะสม เพื่อเข้าสู่เว็บอีกใหม่อีกครั้ง แน่นอนว่าสถิติของ Return Visitor ใน Google Webmaster Tool ก็จะเพิ่มขึ้นด้วย หรือถ้าหากเราทำเว็บน่าสนใจจริงๆ ผู้ใช้งานก็จะจดจำชื่อเว็บของเรา ชื่อเว็บ และมีการเข้าสู่เว็บของเราโดยการป้อน URL กำหนดชื่อเว็บของเราโดยตรง ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นทราฟฟิคแบบ Direct Traffic ถ้าเปรียบเทียบกับทราฟฟิครูปแบบต่างๆ แล้ว ไดเรคทราฟฟิคส่งผลต่ออันดับเอสอีโอ น้อยกว่าทราฟฟิคแบบอื่นๆ แต่ยังไงก็แรงกว่า Backlink อยู่แล้วละ ยังไงก็ตามถ้าเราทำให้ Direct Traffic อาศัยอยู่ในหน้าเว็บขอเรานานๆ อ่านเนื้อหาภายในเว็บของเราหลายๆ หน้า การันตีว่าจะยิ่งเพิ่มความแรงในการทำ SEO มากยิ่งขึ้น

3. ทราฟฟิคแบบที่สาม Referral Traffic ทราฟฟิคจากการอ้างอิง ทราฟฟิคที่มาจากการคลิกลิงค์บนหน้าเว็บอื่นเพื่อเชื่อมโยงมายังหน้าเว็บของ เรา ล้วนเรียกว่า Referral Traffic และทราฟฟิคแบบนี้จะยิ่งส่งผลดี ถ้าหากว่าเว็บต้นทางมี Keyword หลักของเว็บไซต์ รวมทั้งบทความโดยรวมของเว็บเกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดหลักของเว็บเรา รวมทั้งมีบทความที่สัมพันธ์กัน ยิ่งมีจำนวนทราฟฟิคแบบนี้เข้ามาจำนวนมากๆ ยิ่งจะทำให้อันดับเอสอีโอ ของเว็บเราขยับขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือบางทีไม่จำเป็นต้องมีการคลิก Link เข้าสู่เว็บของเราก็ได้ ถ้าผู้เยี่ยมชมป้อน URL ของเราในขณะที่ยังอยู่ในหน้าเว็บนั้นๆ Google ก็เข้าใจว่ามีการอ้างอิงมาจากเว็บไหน จากการตรวจเช็ค Session และ Cookie ของ Webbrowser นั่นเอง ซึ่งระบบ Google Search สามารถตรวจเช็คพฤิตกรรมของผู้ใช้งานได้อย่างแม่นยำอยู่แล้ว

4. ทราฟฟิคแบบที่สี่ Social Network Traffic ทราฟฟิคจาก Social Network  การสร้างทราฟฟิคจากโซเชียลเน็ตเวิร์คไม่ว่าจะเป็น Facebook ซึ่งเป็นสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุด Google Plus  Social Network จากกูเกิล แม้ว่ายูสเซอร์ในประเทศไทยจะไม่มาก แต่เราสามารถหาทราฟฟิคคุณภาพได้ Twitter ระบบโซเชียลเน็ตเวิร์คอีกเว็บที่มียูสเซอร์ปริมาณมาก โดยการทวิตประโยคหากัน และ Youtube ระบบสังคมออนไลน์โดยเชื่อมต่อกับ Social Network ตัวอื่นๆ และมีคนเข้าใช้งานอย่างแพร่หลาย โดยการติดต่อสื่อสารผ่าน Video Youtube ที่สามารถแชร์ให้เพื่อนๆ ได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งหากเราสร้างวีดีโอที่น่าสนใจแล้ว Upload ไว้บนยูทูป เราจะได้รับทราฟฟิคอีกทางจากการแนะแนวเว็บผ่านหนทางนี้ จุดเด่นของ Social Network Traffic คือ หากเรานำเสนอ Content ที่น่าสนใจ จะมีคนเข้าสู่เว็บของเราจำนวนมาก แต่ข้อเสีย คือ ทราฟฟิคจากโซเชียลเน็ตเวิร์คมากมาไวไปไว เราต้องแชร์เนื้อหาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ปริมาณทราฟฟิคไม่น้อยลงอย่างกระทันหัน ซึ่งจะไม่ส่งผลดีต่ออันดับเอสอีโอ อย่างไรก็ตามทราฟฟิคที่เข้ามาจำนวนมากๆ พร้อมๆ กัน สามารถทำให้เว็บติดหน้าแรก Google รวดเร็วยิ่งขึ้น

5. ทราฟฟิคแบบที่ห้า ซึ่งสำคัญที่สุด Search Engine Traffic ทราฟฟิคที่มาจากกูเกิล หากเราสามารถสร้างทราฟฟิคที่มาจากกูเกิลเสิร์ทปริมาณมากๆ และมีข้อมูลการเข้าสู่เว็บที่ดี จะส่งผลต่ออันดับ Google ค่อนข้างมาก อาจเรียกได้ว่าเป็นทราฟฟิคที่มีผลต่อการทำ SEO สูงสุด หากเทียบกับทราฟฟิคแบบอื่นๆ ถ้าหากเราสามารถเพิ่มทราฟฟิคที่มาจาก Google Search อย่างสม่ำเสมอ จะส่งผลดีต่อเว็บหลายเรื่อง อีกทั้งกูเกิลจะเข้าใจว่าเว็บของเรามีคุณภาพ ถ้าหากเราสามารถสร้างทราฟฟิคจาก Google ปริมาณมากๆ อย่างต่อเนื่อง จะส่งเสริมให้เว็บของเราติดอันดับต้นๆ ของผลการค้นหา Search Result Pages ในเวลาอันรวดเร็ว และติดอันดับอย่างยั่งยืน ซึ่งทราฟฟิคจากกูเกิล มาจากการที่ผู้ค้นหาข้อมูล ค้นหาชื่อเว็บ หรือ แบรนด์ ของเรา แล้วคลิกเข้าสู่เว็บของเราจากผลการค้นหาของกูเกิล หากเว็บของเรามีคนเข้าสู่เว็บผ่านทาง Organic Search ปริมาณมากๆ จะส่งเสริมให้เว็บของเราเป็น Trust Site ในสายตากูเกิล จะส่งเสริมให้เราดันอันดับได้ง่าย เพราะเว็บคุณภาพไต่อันดับได้ไม่ยาก Google ชอบเว็บที่มีคนเข้าเยอะๆ หรือเว็บที่กล่าวถึงมากๆ นักทำ SEO เมืองนอกได้แยก Traffic จาก Google Search ออกเป็น 2 แบบ ได้แก่ Paid Search Traffic กับ Unpaid Search Traffic ทราฟฟิคที่เสียเงิน เช่น การลงโฆษณากับ Google Adwords ส่วนทราฟฟิคที่ไม่เสียตังค์ คือ ทราฟฟิคที่มาจากการค้นหาผ่านทาง Search Box แต่ในทางทฤษฎีของผู้เขียนแล้ว รูปแบบของ Traffic ที่มาจาก Google Search มีเพียงช่องทางเดียวเท่านั้น คือ การค้นหาผ่านทาง Search Engine นั่นเอง ส่วนทราฟฟิคที่มาจากโฆษณา Google Adwords นั้น จะมีลักษณะเหมือนกับ Direct Traffic มากกว่า เนื่องด้วยการที่มีการคลิกโฆษณา Adwords เพื่อเข้าสู่เว็บของเรา สถิติในส่วนของ Google Referral หรือ Organic Search จะไม่เพิ่มขึ้นเลย จะเพิ่มขึ้นเฉพาะสถิติคนเข้าสู่เว็บ และปริมาณคนออนไลน์ในเวลานั้นๆ แน่นอนว่าทราฟฟิคจากการลงโฆษณา Adwords มันช่วยเรื่องอันดับกูเกิล แต่เราไม่สามารถนำมาเทียบกับข้อมูลผ่านทาง Organic Search ได้เลย เพราะความแรงต่ออันดับของ SEO ห่างกันอย่างมาก

ปัจจัยชี้วัดคุณภาพของทราฟฟิคคืออะไร

1. ปัจจัยแรก Click Through Rate (CTR) อัตราส่วนการแสดงรายการเว็บของเราผ่านทาง Search Result ที่นำมาหารกับปริมาณคลิกที่เข้าสู่เว็บของเราผ่านทาง Google Search เช่น ถ้าหากมีคนคลิกเข้าสู่เว็บของเรา 5 คน ในการแสดงผล 1,000 ครั้ง จะส่งเสริมให้เราได้ค่า CTR เท่ากับ 0.5% ยิ่งค่า CTR ของเราสูงเท่าไหร่ จะส่งผลดีต่ออันดับเว็บมากเท่านั้น ค่านี้เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของการทำอันดับบนกูเกิลยุคนี้ก็ว่าได้ ยิ่งปรับค่า CTR สูงๆ ด้วยคีย์เวิร์ดที่สอดคล้องกับเว็บไซต์ของเรา ยิ่งจะทำให้ติดอันดับรวดเร็วครับ ทั้งนี้ ก็ต้องโปรโมทให้คนเข้าเว็บปริมาณมากๆ ด้วยครับ จะส่งเสริมให้เห็นผลการไต่ของอันดับอย่างชัดเจน รวดเร็ว และถ้าติดอันดับแล้วจะติดเนิ่นนานครับ

2. ปัจจัยที่สอง Time on Site (Session duration) ระยะเวลาที่ยูสเซอร์อาศัยอยู่บนเว็บมีความสำคัญต่อแต้มในการจัดอันดับ ของ Google Search ยิ่งคนใช้เวลาอ่านบทความภายในเว็บของเรามากเท่าไหร่ ยิ่งส่งผลดีต่ออันดับเอสอีโอ ของเว็บ ไม่เพียงแค่ช่วงเวลาเท่านั้น User Behavior ก็มีความสำคัญด้วยเช่นกัน ถ้าหากยูสเซอร์คลิกอ่านเนื้อหาภายในเว็บหลายๆ หน้า และมีการโต้ตอบ หรือแสดงความเห็นห็น ในแต่ละหน้า จะยิ่งส่งผลดีต่ออันดับของเว็บ ในเรื่องของช่วงเวลาการอ่านบทความของเว็บไซต์ ถ้าค่าเฉลี่ยเกิน 5 นาทีขึ้นไป ถึงว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากๆ แล้วครับ และช่วยสนับสนุนก
ภาพที่เกี่ยวข้อง
รูปภาพที่เกี่ยวข้องเทคนิคการเลือกบริษัทรับทำ SEO ให้มีคุณภาพ
เทคนิคการเลือกบริษัทรับทำ SEO ให้มีคุณภาพ
อ้างอิงจาก: รับทำ SEO
แท็ก: SEO
อ้างจาก: รับทำ SEOเทคนิคการเลือกบริษัทรับทำ SEO ให้มีคุณภาพ
หมวดหมู่: Search Engine Optimization
หน้าหลัก: http://www.cmseogroup.com
รายละเอียดสินค้า: http://www.cmseogroup.com/tag/บริการ-SEO/
ติดต่อเรา: http://www.cmseogroup.com/tag/รับทำ-SEO/
ชื่อ: CM SEO Group (ซีเอ็ม เอสอีโอ กรุ๊ป)
ที่อยู่: เชียงใหม่
เบอร์โทรติดต่อ: 062-363-9429
อีเมล์: cmseogroup@gmail.com
อ้างอิงจาก: http://thailandtrailblazerclub.com/index.php?action=post;board=20.0
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
บริการ seo รับทำ seo รับโปรโมทเว็บติดอันดับ google ด้วยเทคนิคคุณภาพ ติดต่อ cmseogroup@gmail.com
บริการ seo , รับทำ seo , ทำ seo