ต่อกรการปฏิเสธในธุรกิจMLM

ต่อกรการปฏิเสธในธุรกิจMLM

เริ่มโดย mlmeazythai, 08 มิถุนายน 2017, 21:48:58

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

mlmeazythai

การไม่ยอมรับในธุรกิจเอ็มแอลเอ็มนั้นเกิดเรื่องที่นักธุรกิจขายตรงทุกท่านจำต้องเจอ นักขายผู้ที่มีความชำนาญหรือนักธุรกิจ ขายตรง ที่ประสบผลสำเร็จทราบว่า การขายยังไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆจนกระทั่งลูกค้าจะตอบไม่ยอมรับ นั้นมีความหมายว่าเช่นไร...
แนวทางการขายยังมิได้เกิดขึ้นจริงจนกว่าลูกค้าจะตอบไม่ยอมรับซึ่งก็หมายความว่า ถ้าหากคุณสร้างสื่อสมาคมหรือที่หมายความว่าคุณเข้ากับลูกค้าได้ดิบได้ดีมากมายแล้วลูกค้าก็จะจ่ายตลาดคุณโดยง่ายเกือบจะไม่มีคำกล่าวปฏิเสธไปได้เลย แม้กระนั้นถ้าเกิดลูกค้าเริ่มไม่เห็นด้วยและไม่ยอมรับ คุณก็จะแงะทักษะในการขายของคุณออกมาใช้ได้จริงๆนั่นเป็น คุณต้องก้าวผ่านคำพูดปฏิเสธนี้ไปให้ได้ แล้วนำคนที่คุณมุ่งหวังมาอยู่ในที่พร้อมจะซื้อ แล้วคุณก็ปิดแนวทางการขาย
ในการถูกปฏิเสธทุกทุกคราวนั้นคุณไม่จำเป็นที่ต้องตกใจ ไม่ต้องอับอาย หรือรู้สึกผิดหวังกับคำพูดปฏิเสธของลูกค้า ขั้นแรกคุณจำเป็นต้องรู้สึกว่ามันคือเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ทั่วๆไป ด้วยเหตุดังกล่าวคุณต้องดำรงท่าทีรวมทั้งทัศนคติที่เป็นบวกไว้เสมอ สิ่งที่สร้างไม่เหมือนกันระหว่างนักธุรกิจ MLM ที่ประสบผลสำเร็จกับนักธุรกิจ ขายตรง ที่ไม่ประสบผลสำเร็จก็คือการต่อกรกับการถูกปฏิเสธ

การถูกปฏิเสธที่พบเจอได้หลายครั้งสำหรับการขายตรง

• ยังไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เดี๋ยวนี้
• มีเงินไม่พอ
• ราคาผลิตภัณฑ์สูงเกินความจำเป็น
• คาดหมายไว้หรือที่ได้ข่าวมาไม่เป็นแบบนี้
• ขอลองคิดดูก่อน
• ขอคุยกับคนภายในบ้านก่อน
• ใช้ของแบรนด์อื่นๆอยู่

เหล่านี้คือประโยคที่ใช้เพื่อการไม่ยอมรับที่เคยได้ฟังอยู่เสมอๆและก็เมื่อคุณได้รับการปฏิเสธแบบอ้อมๆเช่นนี้ คุณสามารถหยุดแนวทางการขายกลางคันได้เลย แม้กระนั้นถ้าหากจะดีมากกว่านั้นเป็นเดินหน้าต่อไปด้วยการดำรงค์ทัศนคติและท่วงท่าที่เป็นบวกเอาไว้ คุณจำเป็นที่จะต้องอธิบายให้เห็นจริงว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณเป็นประโยชน์จริงๆเช่นไรกับเขาหรือเธอที่เกินกว่าจุดอ่อน และแนวทางการทำแบบนี้ก็ได้โอกาสที่คุณจะสามารถขายสินค้าของคุณได้ และคุณสามารถเปลี่ยนคำปฏิเสธของลูกค้าเปลี่ยนเป็นยอดจำหน่ายของคุณได้ดังต่อไปนี้

ยังไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เวลานี้
ถ้าเกิดคำตอบของลูกค้าเป็นยังไม่ต้องใช้ในขณะนี้จริงๆก็อาจไม่มีอะไรต้องบอกต่อไป แม้กระนั้นคำตอบในใจของลูกค้าก็คือ ไม่จริง แทนที่คุณจะเลือกยอมยกธงขาวกับคำพูดนี้ ให้ลองวิเคราะห์ว่ามีความจำเป็นอะไรซ่อนอยู่ในความคิดของลูกค้า หากว่ามีก็ให้ระบุชัดออกมา ยกตัวอย่างเช่น "ผมเข้าใจว่าคุณยังอายุไม่มากแล้วก็คุณแน่ใจว่าสุขภาพของคุณแข็งแรงดีไม่มีความจำเป็นต้องกินอาหารเสริมใดๆแต่ที่สำคัญก็คือ มันจะชะลอความแก่เฒ่าของคุณลงได้ หากคุณไม่เตรียมพร้อมซื้อตั้งแต่ในขณะนี้มันจะมีผลให้ร่างกายของคุณไม่มีภูมิต้านทานความเฒ่าอย่างที่ต้องเป็น ตามเทคโนโลยีในปัจจุบันนี้ อีกอย่างหนึ่งผมเองก็รับประทานมาราวสามเดือนแล้วรู้สึกเช่นเดียวกันกับเป็นวัยรุ่น แต่ก่อนออกกำลังกายได้เพียงไม่นานก็เหนื่อยมากแล้ว แม้กระนั้นตอนนี้ออกกำลังกายได้เป็นชั่วโมงๆโดยไม่เคยรู้สึกอ่อนเพลียอะไร ไม่มีการปวดกล้ามเนื้อ แล้วถ้าเกิดเป็นคุณที่มีสุขภาพแข็งแรงแล้วก็จะช่วยทำให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงขึ้น แถมยังทุ่นเวลาในการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายแล้วก็ออกกำลังกายได้อีกด้วย"

มีเงินน้อยเกินไป
ถ้าลูกค้ายิ่งมีเงินน้อยเกินไปจริงๆก็เป็นเรื่องปกติที่คนจะไม่อาจจะปิดการขายได้ แต่ว่าถ้าหากคุณแน่ใจว่าเขาหรือเธอสามารถซื้อมันได้คุณก็อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีคำชี้แจงเช่น "มั่นใจว่าคุณอาจจะยังลังเลที่จะลงทุนในระบบการกรองน้ำแบบทันสมัยและประหยัดนี้ มันเกิดเรื่องที่เกิดขึ้นได้อะไรๆก็แพงหมดเดี๋ยวนี้ เพราะอะไรต้องซื้ออะไรเพิ่มเติมถ้าเกิดคุณยังซื้อน้ำได้ทีละขวดตามร้านขายของทั่วไป แต่ถ้าหากคุณลองคิดดูคุณมีคนภายในครอบครัวหลายคนแม้ว่าจะซื้อเป็นแพคใหญ่ก็สิ้นเปลืองมากเช่นเดียวกัน การซื้อน้ำประมาณ 10 แพ็คต่อเดือน คุณสามารถผ่อนจ่ายได้ในราคาที่ถูกกว่าอีกครับ รวมทั้งพอเพียงถึงเดือนที่สี่คุณก็จะมีกำไรจากเครื่องนี้แล้ว เมื่อหักลบกับทุนและก็เปรียบเทียบกับน้ำที่คุณซื้อมาเป็นแพค แถมคุณยังได้น้ำที่มีคุณภาพ อีกด้วยครับผม"

ราคาสินค้าสูงเกินความจำเป็น
นักธุรกิจขายตรงชอบได้ยินคำนี้มากกว่าคำตอบอื่นๆแต่หากคุณรู้ราคาผลิตภัณฑ์ที่เช่นเดียวกันในตลาดคุณจะสามารถที่จะบอกลูกค้าได้ แต่ว่าหากว่าราคาของผลิตภัณฑ์ของคุณสูงขึ้นยิ่งกว่าจริงๆคุณก็ควรจะมีเหตุผลที่จะรองรับและก็ลบล้างอย่างมีเหตุผล ซึ่งโดยมากแล้วลูกค้าก็รู้ว่าต้องแย้งในเรื่องของประสิทธิภาพที่ดีมากกว่า แม้กระนั้นมันดียิ่งกว่าในแง่ไหน ลูกค้าจะสามารถสารภาพเหตุผลนั้นได้หรือเปล่า ยกตัวอย่างเช่น "ผู้ที่ซื้อไปทุกคนตอนแรกก็คิดแบบเดียวกันนี้ครับผม มันบางทีอาจจะแพงกว่าแบรนด์อื่นนิดหน่อยแต่ผลดีที่พวกเขาได้รับมีมากกว่าหลายเท่า เริ่มแรกที่กรรมวิธีการวิจัยและพัฒนาอย่างละเอียดลออ กระบวนการผลิตที่ได้รับรองมาตรฐานระดับโลก ทำให้แก่การใช้งานเป็นเวลานานกว่ายี่ห้ออื่นๆหลายเท่า"

คิดไว้หรือได้ยินมาไม่เป็นอย่างนี้
เกิดเรื่องที่ท้าทายอย่างมากในการที่จะคัดค้านคำกล่าวปฏิเสธข้อนี้ โดยเฉพาะหากคุณไม่มีสิ่งอื่นใดที่เอามาเสนอเพิ่มเติมให้เลือก แต่ต้องอย่ายอมยกธงขาว หายพบว่าคนที่คุณมุ่งมาดกำลังคิดว่าสินค้าหรือบริการของคุณเป็นเช่นไร ให้ท่านพยายามมองหาความแตกต่างพวกนั้น เป็นต้นว่า "ตุ๊กตาตัวนี้ไม่สามารถพูดได้ ก็จริงขอรับ แต่ที่แท้พวกเราทำเอาไว้แบบนั้นก็เพื่อให้เด็กๆใช้จินตนาการของตัวเองแทนที่จะให้ตุ๊กตาบอกได้ไม่กี่ประโยค แต่ตุ๊กตาตัวนี้ลูกๆของคุณสามารถบันทึกเสียงลงไปแล้วเล่นซ้ำราวกับว่ามันพูดได้เช่นเดียวกันนะครับ"

ขอคิดดูก่อน
คุณต้องหาว่าเพราะเหตุใดคนที่คุณคาดหวังจึงต้องการเวลามากขึ้นในการคิดทบทวน หากเกิดเรื่องที่มีเหตุผลคุณก็ควรจะปล่อยให้เป็นไปตามครรลองแล้วนัดวันที่ใหม่เพื่อรอคำตอบ แต่ถ้าเกิดคุณเชื่อว่าเป็นการกล่าวไม่ยอมรับครั้งไม่น่าจะเป็นจริงก็ให้คุณเน้นประโยชน์ของผลิตภัณฑ์อีกรอบหนึ่ง เช่น "ขณะนี้เป็นช่วงๆลดราคาพิเศษของเราครับผม ปกติราคาสูงกว่านี้ 200 บาท แต่เหตุเพราะเป็นช่วงๆเทศกาลบริษัทจึงมีนโยบายที่จะชักชวนให้ลูกค้าซื้อผลิตภัณฑ์กันเป็นจำนวนมากและยังมีคูปองแถมให้อีกครับ คุณจะได้ลดอีก 20% กับสินค้าที่มีโลโก้ของพวกเราตลอดระยะเวลาหนึ่งปีรวมทั้ง 10% ของผลิตภัณฑ์ที่มีโลโก้แบบอื่นในร้านค้าของพวกเราครับผม"

ขอคุยกับคนภายในครอบครัวก่อน
คำนี้มักเป็นคำกล่าวปฏิเสธที่ไม่ค่อยตรงในความจริงสักเท่าไหร่ วิธีการตอบการแย้งนี้ก็ยังพอมีขั้นตอนการทำได้ดังต่อไปนี้ "ผมเข้าใจว่าคุณอาจจะต้องสนทนากับคนภายในครอบครัวก่อน แม้กระนั้นคุณก็สามารถที่จะยกเลิกการสมัครได้ในวันที่ชำระเงิน โดยเหตุนี้คุณสามารถฉวยโอกาสนี้สมัครไว้ก่อนเพื่อที่จะได้สิทธิพิเศษต่างๆที่ผมได้อธิบายไว้แล้วครับ"

ใช้แบรนด์อื่นอยู่
แม้กระทั่งลูกค้าที่ซื่อตรงต่อผลิตภัณฑ์ของคุณก็บางทีอาจจะเปลี่ยนความคิดไปใช้ยี่ห้ออื่นได้เมื่อมีข้อเสนอแนะที่ดีมากกว่า กรรมวิธีที่เยี่ยมที่สุดที่จะพิสูจน์ว่าจะเป็นข้อได้เปรียบถ้าเกิดเปลี่ยนแบรนด์ในตอนนี้ คุณสามารถย้ำไปว่ามันจะเป็นอะไร อย่างเช่น คุณลักษณะ ราคา อายุการใช้งาน การใช้แรงงานที่ง่าย แล้วก็อื่นๆที่ทำให้สินค้าของคุณเหนือกว่าผลิตภัณฑ์ของลูกค้ากำลังใช้อยู่ อย่างเช่น "ผมคุ้นเคยกับยี่ห้อที่คุณกำลังใช้อยู่นี้ขอรับแล้วก็ทราบว่าคุณคุ้นเคยกับมันมากทีเดียว แม้กระนั้นสินค้าของพวกเรามีส่วนผสมที่ต่างจากยี่ห้ออื่นและไม่มียี่ห้อไหนทำเป็น แต่ละส่วนถูกคัดมาเป็นอย่างดีและเก็บรักษาได้นาน"

เหล่านี้คือการจัดการกับการไม่ยอมรับของลูกค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของนักธุรกิจขายตรง มักจะมีการกระทำอยู่แล้วสำหรับสินค้าชนิดต่างๆที่มีอยู่คุณสามารถประยุกต์ใช้ได้เช่นเดียวกัน ด้วยเหตุดังกล่าวขอให้คุณศึกษาว่ามีการไม่ยอมรับและก็การถกเถียงแบบใดบ้าง และก็คุณจะสามารถจัดการมันได้อย่างไร เท่านี้คุณก็จะเป็นนักธุรกิจMLMที่มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่านักธุรกิจขายตรงที่ไม่สามารถที่จะรับมือกับการถูกไม่ยอมรับได้

เครดิตบทความจาก : https://mlmeazy.wordpress.com/2017/05/31/รับมือการปฏิเสธในธุรกิ/

Tags : ธุรกิจ mlm,ธุรกิจขายตรง
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions