Anthrax Letters จดหมายโรคระบาด

Anthrax Letters จดหมายโรคระบาด

เริ่มโดย etatae333, 28 กรกฎาคม 2017, 13:49:12

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

Anthrax Letters จดหมายโรคระบาด
credit :: cammy@dek-d.com


วันที่ 11 กันยายน 2001 ผู้ก่อการร้ายต่างประเทศได้โจมตีประเทศอเมริกา จนทำให้ชาวอเมริกันหวาดกลัว
ต่อภัยก่อการร้าย และความสูญเสีย มันเป็นช่วงเวลาที่มืดมน ความหวาดระแวง และความไม่ไว้ใจ และจากนั้น
ไม่กี่วันอเมริกาต้องหวาดกลัวการก่อการร้ายอีกครั้ง

คราวนี้มันเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันที่สงบสุขของพวกเขา มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อมีใครบางคนใช้จดหมายที่ข้างในเต็มไปด้วยสปอร์ของเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคระบาดฉับพลันส่งไปยังบุคคลสำคัญ
บุคคลสาธารณะ และคนที่ได้สัมผัสกับจดหมายล้วนติดโรคถ้วนหน้า และรุกรามจนกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่น่ากลัวที่สุด
ในประวัติศาสตร์อเมริกา

 



มันเริ่มต้นเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2001 เมื่อมีจดหมายลึกลับ 7 ฉบับ ส่งไปยังสำนักงานข่าว ABC, CBS, NBC, AMI
และนิวยอร์กโพสต์ อีกทั้งยังส่งไปยังวุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครตสองคนคือ นายทอม แดชเชิล (Tom Daschle) 
แห่งรัฐรัฐเซาท์ดาโคตา  และ แพทริก เลฮี (Patrick Leahy) แห่งรัฐเวอร์มอนต์


จดหมายทุกฉบับล้วนเต็มไปด้วยสปอร์ของโรคแอนแทรกซ์ ซึ่งถือว่าเป็นชื้อโรคที่รุนแรงมาก มันเป็นโรคเฉียบพลัน
ซึ่งเกิดจากแบคทีเรีย Bacillus anthracis  ซึ่งปกติแล้วจะมีผลต่อสัตว์เลี้ยงด้วยนมรวมไปถึงมนุษย์ และมีสามวิธี
ในการติดโรคนั้นคือทางผิวหนัง ทางหายใจเอาสปอร์ของแบคทีเรียเข้าไป  และทางรับประทานอาหาร มันเชื้อโรค
ที่อันตรายมาก เพราะมันไร้รส ไร้กลิ่น จนไม่มีใครรู้ตัวเลยว่าติดโรคเข้าไป จนกว่าจะแสดงอาการ

โรคระบาดจะผ่านทางผิวหนังทำให้เกิดเนื้อร้าย ตอนแรกๆ จะมีขนาดเล็ก ๆ ก่อนที่จะขยายกลายเป็นสู่แผลที่เจ็บปวด
รูปแบบของโรคระบาดนี้หายยาก ถ้าได้รับการรักษาช้า แต่อย่างไรก็ตามเชื้อ อัตราป่วยตายกรณีไม่ได้รับการรักษา
ไม่สูงนัก อยู่ระหว่างร้อยละ 5-20 เท่านั้น

หากโรคระบาดเข้าระบบทางเดินอาหาร ผ่านระบบย่อยอาหาร ก็อาจทำให้เสียชีวิตได้หากรักษาไม่ทันเวลา โดยจะมี
อาการคลื่นไส้อาเจียนและเบื่ออาหาร ต่อมามีอาเจียนเป็นเลือดและท้องเสียทำให้ถึงแก่ชีวิตได้ ในกรณีนี้จะมีอัตรา
การป่วยตายถึงร้อยละ 50-60


อย่างไรก็ตาม หากโรคเข้าไประบบทางเดินหายใจ จะเป็นรูปแบบที่อันตรายที่สุด  อาการเริ่มต้นจะมีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว
หายใจขัด หายใจลำบาก และเลวร้ายมากขึ้นเมื่อมีไข้สูง หายใจลำบาก กล้ามเนื้อกระตุก ชัก แล้วตายในที่สุด
อัตราการป่วยตายของผู้ป่วยระบบนี้จะสูงมากถึงร้อยละ 80-90 หากสูดดมสปอร์โรคเข้าไป

เห็นได้ชัดคือจดหมายเหล่านี้ มีคนพยายามนำเชื้อแอนแทรกซ์มาใช้เป็นอาวุธชีวภาพ  เพียงแค่ใช้งบประมาณไม่มาก
ก็สามารถใช้เชื้อเป็นอาวุธชีวภาพ ทำให้ผู้ติดเชื้อได้อย่างง่ายดาย และจากเหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน
และอีก 17 คนติดเชื้อ ทั้งหมดสูดดมเชื้อแบคทีเรียเข้าไป

ซึ่งต่อมามีการเรียกเหตุการณ์นี้ว่า "โจมตีด้วยแอนแทรกซ์" หรือเรียกว่า อเมริแทรกซ์ 



การโจมตีจดหมายแอนแทรกซ์ถูกแบ่งเป็นสองระลอก ระลอกแรกมี 5 ฉบับประทับตาลงสวันที่ 18 กันยายน 2001
ส่งไปยังข่าวเอบีซี , ซีบีเอส , ข่าวเอ็นบีซี และ นิวยอร์กโพสต์ต่อมาวันที่ 9 ตุลาคมก็จดหมายสองฉบับก็ส่งให้
ผู้รับวุฒสมาชิกทอม แดชเชิล และแพทริก ลีฮี


ผลของโจมตีครั้งนี้ ทำให้มีผู้ได้รับเชื้อนี้เป็นอาวุธชีวภาพผ่านทางจดหมายที่ประเทศอเมริกาจำนวนหลายคน
โดยทางการหายใจถึง 11 ราย และพบ 11 รายที่เป็นโรคที่ผิวหนัง และ 5 รายที่ติดต่อผ่านทางการหายใจนั้นเสียชีวิต
และผู้เสียชีวิตรายแรกคือโรเบิร์ต สตีเวนส์ (Robert Stevens) ที่เสียชีวิตจากการส่งจดหมายที่ทำงาน และหนึ่ง
ในผู้ป่วยนั้นมีเด็กอยู่ด้วย แสดงให้เห็นว่าผู้ส่งจดหมายไม่สนใจเลยว่าผู้รับเคราะห์จะเป็นใคร

แน่นอนว่าตำรวจเริ่มตามล่าหาคนส่งจดหมาย เชื่อว่าจดหมายทั้งหมดถูกส่งจากตู้จดหมายในพรินซ์ตัน ของรัฐนิวเจอร์ซีย์
และหลังจากตรวจตู้จดหมายหลายตู้ น่าเป็นตู้ที่ตั้งใกล้มหาวิทยาลัยพรินซ์ เพราะนักวิจัยพบเชื้อสปอร์แอนแทรกซ์ข้างใน
การวิเคราะห์ลายมือก็สรุปได้ว่าจดหมายทั้งหมดนั้นมีเจ้าของคนเดียวกัน



แต่คำถามที่ตามมาก็คือ สาเหตุวัตถุประสงค์ของตัวผู้ส่งจดหมาย ว่ามีเป้าหมายอะไรกันแน่ เพราะแม้ว่าจะเป็นจดหมาย
ใส่แอนแทรกซ์ แต่ด้านการสร้างความเสียหายนั้นถือว่าน้อยมาก (แต่ก็มากพอที่ทำให้ชาวอเมริกันต้องหวาดผวากันทั้งประเทศ)
จนไม่สามารถระบุแน่ชัดว่าเป็นฝีมือของผู้ก่อการร้าย หรือวางแผนกันเป็นกลุ่ม แม้ว่าจะมีข้อสันนิษฐานว่าเป็นฝีมือ
ของผู้ก่อการร้ายจากต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ไม่ได้พบกลุ่มก่อการร้ายต่างประเทศที่น่าจะเป็นตัวกลางเลย
ทำให้เอฟบีไอหันมาสนใจที่จะก่อการร้ายในประเทศที่เป็นไปได้มากกว่า



บรูซ เอ็ดเวิร์ด ไอวินส์

แม้ว่าเนื้อหาของจดหมายจะเขียนข้อความในเชิงเกลียดอเมริกาว่า "ไปตายซะอเมริกา และอิสราเอล" หากแต่ทางการ
ได้ออกมาเปิดเผยผลการสอบสวน ว่าจดหมายอีโบล่านั้นน่าจะเป็นฝีมือของคนในประเทศมากกว่าคนนอกประเทศ
และเชื่อว่าเชื้อที่ใช้ในการก่อการร้ายน่ามาจากห้องปฏิบัติการทางการทหารของสหรัฐ


ต่อมาวันที่ 6 สิงหาคม 2008 อัยการของรัฐบาลกลางได้ประกาศตัวผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งที่น่าเหลือเชื่อ เพราะว่าผู้ต้องสงสัย
คนนั้นคือนายบรูซ เอ็ดเวิร์ด ไอวินส์ Bruce Edwards Ivins เป็นนักวิจัยอาวุโสและผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธชีวภาพ วัย 62 ปี
ของห้องแลบสถาบันการแพทย์ป้องกันภัยจากอาวุธชีวภาพ ที่ฟอร์ตเดทริค รัฐ แมรี่แลนด์ของสหรัฐฯ (United States
Army Medical Research Institute of Infectious Diseases)



ตามประวัติของบรูซ เขาเกิดในครอบครัวที่พ่อเป็นเภสัชกร เจ้าจองร้านขายยาท้องถิ่น และมีความสนใจเรื่องวิทยาศาสตร์
ศึกษาเล่าเรียกจนได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ประจำห้องแลบสถาบันการแพทย์ป้องกันภัยจากอาวุธชีวภาพ และได้รับยกย่องว่า
เป็นนักจุลชีววิทยาที่มีฝีมือ ซึ่งศึกษาโรคติดเชื้อแอนแทรกซ์ มาตลอด 18 ปี  และเขาก็เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่เข้าตรวจสอบ
คดีจดหมายแอนแทรกซ์ร่วมกับเอฟบีไอด้วย


อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนของเอฟบีไอ พบว่าบรูซมีอาการทางจิต และมีประวัติไม่ชอบวุฒิสมาชิก และการสอบสวน
ก็เชื่อมโยงว่าบรูศมีส่วนเกี่ยวข้องกับจดหมายแอนแทรกซ์ ศาลยุติธรรมกลางสหรัฐ (DOJ) รับคำฟ้องของ FBI สหรัฐ
ให้มีการจับกุมบรูซ เอ็ดเวิร์ด ไอวินส์  ในข้อหาเป็นเป็นผู้แพร่เชื้อไวรัส Anthrax ผ่านจดหมายไปยังวุฒิสมาชิกการ
ประกาศครั้งนี้ทำให้ชื่อของบรูซได้รับจารึกว่าเขาเป็นผู้ก่อการร้ายชาวอเมริกันที่เลวร้ายที่สุดตลอดกาล

หากแต่ผลสุดท้ายเอฟบีไอก็ไม่สามารถจับกุมเขา (และไม่รู้แน่นอนว่าเขาเป็นตัวการตัวจริงหรือไม่) เนื่องจากนายบรูซ
ก็ชิงฆ่าตัวตายเสียก่อนเมื่อเดือนกรกฎาคม 2008 โดยสาเหตุการตายคือเขากินยาไทลีนอลจำนวนมาก ผสมกับโคดีอีน
ซึ่งเป็นส่วนผสมของยาแก้ไอ ทำให้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าบรูซเป็นตัวการของจดหมายแอนแทรกซ์หรือไม่




ในเดือนกุมภาพันธ์ของปี 2010 เอฟบีไอได้ปิดการสืบสวนอย่างเป็นทางการ ว่าจดหมายโรคระบาดแอนแทรกซ์นั้น
เป็นฝีมือของด็อกเตอร์บรูซวินส์แต่เพียงผู้เดียว แน่นอนว่าหลายคนไม่เห็นด้วยกับข้อสรุปของเอฟบีไอมากนัก เพราะเห็นว่า
เอฟบีไอปิดคดีก่อนกำหนด และไม่ค่อยสืบสวนอย่างละเอียดมากนัก นอกจากนี้เหตุผลสำคัญคือคำกล่าวอ้างว่า
ด็อกเตอร์บรูซก่อเหตุก็เนื่องจากมีปัญหาทางจิต รวมไปถึงการฆ่าตัวตายที่ยังคงเป็นปริศนาว่าเป็นการจัดฉากหรือเปล่า

แน่นอนว่าหลายคนเชื่อว่าจดหมายเชื้อโรคนั้นเป็นทฤษฏีสมคบคิดของอเมริกาเพื่อสร้างความหวาดกลัวแก่พลเมือง
ของอเมริกามากขึ้น เพื่อให้ตระหนักถึงภัยก่อการร้าย เพื่อจะหาความชอบธรรมในการทำสงครามอีรัก  พูดง่ายๆ
ด็อกเตอร์บรูซเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งที่อเมริกาเลือกเท่านั้น

แน่นอนว่าทฤษฏีที่ว่าอีรักอยู่เบื้องหลังการโจมตีนี้ก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน ผลจากความเชื่อนี้ก็ทำให้เกิดสงครามอีรัก
ตามมาในอนาคตด้วย ไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไร ควันหลงที่ตามมานั้น จดหมายเชื้อโรคได้ส่งผลกระทบต่อการเมือง
ทำให้อเมริกาต้องทุ่มเงินในการวิจัยสงครามชีวภาพและการเตรียมความพร้อม ซึ่งมีโครงการมากมายเกิดจากเหตุการณ์
ก่อการร้ายดังกล่าว



อ้างอิง
http://en.wikipedia.org/wiki/2001_anthrax_attacks
http://www.historicmysteries.com/who-was-responsible-for-the-2001-anthrax-letters/
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

nawin

friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

nawin

friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

น้ำขิง

ผู้ก่อการร้ายนี่ไม่ว่าวิธีไหนก็สรรหามาได้เนอะ scary
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions