โรงพิมพ์วัชรินทร์ พี.พี. มองหาโรงพิมพ์ มองหาเรา รับพิมพ์งานหนังสือ ตัดตกนิตยสาร

โรงพิมพ์วัชรินทร์ พี.พี. มองหาโรงพิมพ์ มองหาเรา รับพิมพ์งานหนังสือ ตัดตกนิตยสาร

เริ่มโดย GoogleTrends, 15 กันยายน 2017, 20:11:43

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

GoogleTrends

ตัดตก (Bleed) หรือบางครั้งบางคราวเรียกว่าระยะเผื่อเจียน คืออะไร แล้วก็เพราะอะไรต้องมี มาว่ากันในบทความเดียว
.

.
ก่อนอื่นจะต้องทำความเข้าใจในขั้นตอนการพิมพ์ก่อนบางส่วนครับ ว่าจริงๆแล้วเวลาสำนักพิมพ์ พิมพ์งานออกมาไม่ได้เป็นขนาดสำเร็จรูปเสมอครับผม แต่จะมีขอบกระดาษเพื่อเอาไว้ให้เครื่องพิมพ์จับกระดาษเวลาทำงาน รวมถึงไกด์สีรวมทั้งข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับช่างพิมพ์ ด้วยเหตุนั้น พิมพ์งานเสร็จแล้ว จะส่งให้ลูกค้า ก็ควรจะมีการตัดขอบกระดาษส่วนนี้ทิ้งไป
.

.
ภาพที่ 1 : แบบอย่างงานโปสเตอร์ที่กำลังขึ้นแท่นตัด เพื่อตัดขอบกระดาษส่วนเกินทิ้ง จะมองเห็นได้ว่า ขนาดกระดาษก็มิได้เสมอกันทุกแผ่น
.
เมื่อกระทำการตัดกระดาษแล้ว แน่ๆว่าเราไม่สามารถตัดตรงขอบงาน (ในรูปภาพจะเป็นรอยต่อสีขาวและก็ม่วง) แบบเป๊ะๆได้ แถมงานที่พิมพ์ออกมาทั้งหลายพันหลายหมื่นแผ่น ก็ไม่ได้ตรงกันเป๊ะทุกแผ่นครับ ไม่ว่าจะพิมพ์ด้วยระบบดิจิตอลหรือออฟเซ็ต หรือพิมพ์ด้วยเครื่องจักรล้ำยุคขั้นเทพเท่าใด ก็ไม่อาจจะทำให้ตรงกันได้ทุกแผ่นขอรับ สิ่งนี้จำเป็นอย่างมากๆครับผม รวมทั้งดีไซน์เนอร์ส่วนมากที่ไม่เคยมีประสบการณ์ปฏิบัติงานกับสำนักพิมพ์มาก่อนจะไม่รู้เรื่อง งานที่มิได้เผื่อตัดตก บางครั้งจะทำให้มีขอบขาวๆเกิดขึ้นเวลาพิมพ์รายงานจริง กระดาษบางแผ่นอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีเนื้องานขอบขาวยื่นล้ำเข้าไปได้ ด้วยเหตุดังกล่าวเวลาออกแบบกราฟฟิคอาร์ตเวิร์ค นักออกแบบต้องเผื่อระยะตัดตกมาไว้เสมอ ปกติแล้วทางสำนักพิมพ์วัชรินทร์ พี.พี. จะแจ้งลูกค้าก่อนว่างานที่ทำมาไม่ได้เผื่อตัดตกไว้ ถ้าหากลูกค้ามิได้เผื่อตัดตกมาให้ทางสถานที่พิมพ์ ในกรณีนี้อาจจะมีขอบงานสีขาวแลบเข้าไปในเนื้อโปสเตอร์ได้ครับผม
.

.
ภาพที่ 2 : เมื่อตัดเจียนงานทิ้งแล้ว ขอบกระดาษก็จะเรียบเนียนกริบ พอๆกับเป๊ะทุกแผ่น แถมตัวโปสเตอร์สีม่วงก็ไม่มีขอบขาวแลบออกมาด้วย
มอง VDO แสดงการตัดเจียนงานพอดีนี่
.
ระยะตัดตกกับงานหนังสือเล่ม
.
ถ้าถามว่าระยะตัดตกนี้ ใช้กับงานอะไรบ้าง ก็จำต้องตอบว่าใช้กับงานทุกประเภทที่พิมพ์โดยเครื่องพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นระบบออฟเซ็ทหรือระบบดิจิตอลก็ตาม ลองมาศึกษางานหนังสือกันบ้างครับผมว่าระยะตัดตกนี้ มีผลอย่างไรบ้างกับงานที่เป็นหนังสือรูปเล่ม เวลาสำนักพิมพ์พิมพ์รายงานหนังสือจะมิได้พิมพ์หน้า แต่ว่าจะพิมพ์เป็นยกแล้วนำแต่ละยกมาพับเพื่อรอกระทำการเย็บเล่มอีกครั้งนึง รูปแบบอย่างที่เอามาแสดงนี้ เป็นการเข้ารูปเล่มแบบเย็บมุงหลังคา ด้วยเหตุดังกล่าวเมื่อพับงานแต่ละยกมาเสร็จแล้ว ก็จะเอามาทับกันเพื่อรอคอยเข้าสู่กรรมวิธีการเย็บเล่มอีกที
.

.
ภาพที่ 3 : งานพิมพ์ที่ออกมาจากเครื่องพิมพ์ขนาด A4 พิมพ์ครั้งละ 8 หน้า
.

.
ภาพที่ 4 : งานที่พับแล้วตระเตรียมเอามาซ้อนกันเพื่อรอการเย็บ สังเกตว่าขอบกระดาษที่ติดมาร์คการพิมพ์ก็ยังอยู่
.

.
ภาพที่ 5 : หนังสือที่เก็บเล่มแล้วรอการเย็บ จะมองเห็นได้ว่ายังมีขอบกระดาษอยู่ทั้งสองด้าน ซ้ายรวมทั้งขวาของรูปเล่ม
.
เมื่อกระทำเย็บเล่มแล้ว ก็ควรมีการตัดเจียนรูปเล่มรอบด้านให้เป็นงานสำเร็จ งานหนังสือที่พับมาถ้าเกิดไม่ตัดขอบ 3 ด้าน ก็จะเปิดอ่านเป็นหน้ามิได้น่ะครับผม (แน่ล่ะ เพราะว่ามีขั้นต่ำ 1-2 ด้านที่ถูกพับมา) ระยะตัดตกที่ลูกค้าเผื่อมานั้นจะทำให้งานที่ออกมามีความสมบูรณ์ 100% ไม่มีขอบขาวแลบเข้าไปในเนื้องาน เนื้องานแล้วก็รูปภาพถูกพิมพ์เต็มพื้นที่ของกระดาษ ตรงนี้มีสิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังสำหรับลูกค้าและดีไซน์เนอร์ทุกคนนิดนึงครับ ก็คือพวกเราไม่ควรที่จะวางเนื้อหาสำคัญของหนังสือไว้ชิดขอบกระดาษมากเกินไป เพราะมีโอกาสที่ตัวหนังสือ รูปภาพ ข้อความสำคัญที่วางไว้ชิดขอบกระดาษจะถูกตัดออกระหว่างการเจียนรูปเล่ม คำว่ามีโอกาสในที่นี้คือ อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีบางเล่มโดนตัด บางเล่มไม่โดน โดนตัดทุกเล่ม หรือเปล่าโดนตัดซักเล่มเลยก็ได้ครับผม ด้วยเหตุนั้นเพื่อให้เกิดความปลอดภัย วางเนื้อหาสำคัญห่างจากขอบงานไว้ซักหน่อยนะครับ กล่าวถึงประเด็นการวางงานนี้ เสนอแนะให้ลูกค้าและดีไซน์เนอร์ทุกท่านอ่านบทความ เกี่ยวกับการวางงานบนหน้ากระดาษของทางสถานที่พิมพ์ประกอบด้วยครับ
.

.
ภาพที่ 6 : ภาพเปรียบเทียบงานก่อนตัดรูปเล่ม รวมทั้งงานที่เสร็จบริบูรณ์แล้ว จะมองเห็นได้ว่าขอบกระดาษถูกตัดออกไปพอควรอย่างยิ่งจริงๆ
.

.
ภาพที่ 7 : ภาพเปรียบเทียบงานก่อนตัดรูปเล่ม แล้วก็งานที่สำเร็จบริบูรณ์แล้ว
.

.
ภาพที่ 8 : ภาพเปรียบงานก่อนตัดรูปเล่ม รวมทั้งงานที่สำเร็จบริบูรณ์แล้ว
.
ระยะตัดตกควรจะเผื่อให้มากแค่ไหนดี
.
โดยปรกติทั่วไปแล้ว ถ้าเป็นหนังสือไสกาว / เย็บกี่ไสกาว โดยธรรมดาระยะตัดตกน่าจะเว้นไว้ไม่ต่ำกว่า 3 มม. เป็นอย่างน้อย แต่ว่าก็มีหลายกรณีที่ควรเว้นระยะตัดตกมาให้เยอะขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนังสือที่เข้ารูปเล่มแบบเย็บมุงหลังคา เพราะอะไรถึงเป็นแบบนั้น ? เนื่องจากว่าหนังสือที่เย็บเล่มแบบเย็บมุงหลังคา หากหนังสือมีความหนามาก เวลาพับเพื่อกระทำเข้าเล่มแล้ว หน้าที่อยู่คู่ในสุดกับหน้าที่อยู่คู่นอกสุด (ปกหนังสือ) จะอยู่ห่างกันถึง 5-6 มิลลิเมตร เลยทีเดียว ในกรณีนี้ ระยะตัดตกก็จะต้องมีโดยประมาณ 5-6 มม.เหมือนกัน
.
สาเหตุจากจำนวนหน้าที่มากมายของหนังสือนี่เอง ทำให้การเข้าเล่มแบบเย็บมุงหลังคาไม่ควรใช้กับหนังสือที่มีความหนาเกิน 80 หน้าคร่าวๆ ถ้าหากหนังสือที่มีความครึ้มเกิน 80 หน้า ทางโรงพิมพ์วัชรินทร์ พี.พี. แนะนำให้ลูกค้าเข้ารูปเล่มแบบไสกาวจะดียิ่งกว่าครับผม ด้วยเหตุว่าถึงแม้ว่าพวกเรารู้สึกว่าพวกเราดีไซน์ artwork มาดีแล้ว แต่ด้วยความครึ้มของหนังสือ หน้าด้านในสุดก็ได้โอกาสที่เนื้อหาหรือข้อความจะโดนตัดทิ้งไปอยู่สูงทีเดียวนะครับ
.

.
ภาพที่ 9 : หนังสือที่มีความหนามาก ก่อนเย็บเล่มมาร์คตัด ยังตรงกันอยู่
.

.
ภาพที่ 10 : หนังสือที่มีความหนามาก เมื่อนำมาเย็บมุงหลังคา หน้าในสุดกับหน้าปกเหลื่อมล้ำกันได้ 5-6 มิลลิเมตร เลยทีเดียว
.

.
ภาพที่ 11 : เมื่อเอามาสอดเล่มแล้ว จะมองเห็นได้ว่า หน้าที่อยู่ภายในๆได้โอกาสตัดโดนตัวอักษรอยู่ดี
.
ติดต่อเราได้ที่นี่
Website: http://www.wacharinprint.com/
Fanpage: https://www.facebook.com/WacharinPP
IG : https://www.instagram.com/wacharinpp/
Line ID : @WacharinPP (มี @ ด้วย)

Tags : โรงพิมพ์,หนังสือ,ตัดตก
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions