สัตววัตถุโหรามิคสิงคี

สัตววัตถุโหรามิคสิงคี

เริ่มโดย teareborn, 07 พฤศจิกายน 2017, 08:31:12

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

teareborn


โหรามิคสิงคี
โหรามิคสิงคี หรือที่เรียกใน แบบเรียนพระยาพระนารายณ์ว่า "โหราอำมิคสิงคี" เป็นเขากวางสุม (ให้เป็นถ่าน) คำ มิค หมายความว่า กวาง ส่วนคำ สิงคี หมายความว่าสัตว์มีเขาได้จากกวางอิหร่าน
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Dama dama Linnaeus
ในวงศ์ Cervidae
มีชื่อสามัญว่า   fallow  deer
กวางอิหร่านนี้มี  ๒  จำพวกย่อย  เป็น
๑.ชนิดย่อยซึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Dama  dama  mesopotamica  (Brooke)
มีชื่อสามัญว่า Iran  fallow  deer
๒.ประเภทย่อยที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Dama  dama  dama  Linnaeus
มีชื่อสามัญว่า South  Turkey  fallow  deer
กวางเปอร์เซียเป็นกวางขนาดกลาง ขนาดวัดจากจมูกถึงปลายหางยาวราว ๑.๕0  เมตร หางยาว  ๒0-๒๕  เซนติเมตร น้ำหนักตัว  ๓0-๓๕  กรัม ขนตามลำตัวมีสีเทาหรือสีน้ำตาลแกมเหลือง มีจุดขาวอยู่กึ่งกลางข้างหลังหรือข้างลำตัว มีขนแถบสีดำทอดยาวจากกลางหลังไปจนถึงสะโพก ด้านล่างลำตัวสีขาว ขนเรียบ บางและแนบติดกับลำตัว   ในช่วงฤดูหนาวขนตามลำตัวจะกลายเป็นสีน้ำตาลเทาแล้วก็จุดขาวตามลำตัวจะเลือนไป ขายาว ลำตัวอ้วนล่ำ หัวค่อนข้างสั้น คอดก ตัวผู้มีลูกกระเดือกนูนออกมา รอบๆตูดวงรอบก้นมีสีขาวขอบสีดำ
กวางจำพวกนี้กินต้นหญ้า ใบไม้ แล้วก็ผลไม้เป็นอาหาร ถูกใจอยู่กันเป็นฝูงในฤดูร้อน เพศผู้ที่โตเต็มที่จะแยกออกจากฝูง ทิ้งตัวภรรยารวมทั้งลูก แม้กระนั้นในช่วงฤดูผสมพันธุ์จะกลับเข้ามาสืบพันธุ์กับตัวเมีย กวางประเภทนี้โตเต็มที่แล้วก็ผสมพันธุ์ได้เมื่ออายุ ราว ๑๘  เดือน มีท้องราว  ๒๓0  วัน ออกลูกทีละ  ๑  ตัว อายุยืนราว  ๒0  ปี
เคยพบกวางเปอร์เซียในป่าโดยรอบสมุทรเมดิเตอร์เรเนียนและในตะวันออกกลาง ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศประเทศอิหร่านแล้วก็อิรัก เดี๋ยวนี้บางทีอาจสิ้นพันธุ์ไปจากธรรมชาติแล้ว แม้กระนั้นยังคงมีเลี้ยงอยู่บ้างตามสวนสัตว์หลายที่
ตำราคุณประโยชน์โบราณว่า โหรามิคสิงคีเป็นยาทำลายพิษ แก้ปวดตามข้อ ปวดเอว ใน หนังสือเรียนพระโอสถพระนารายณ์  มีตำรับยาขนานหนึ่งเข้า "โหราอำมิคสิงคี"  เป็นเครื่องยาด้วย ดังต่อไปนี้ ยาทรงเขี่ย ให้เอาโหราเดือยไก่ โหราอมฤตย์ โหราอำมิคสิงคี โหราบอนโหราเท้าสุนักข์ โหราเขาควาย โหราใบกลม โกฏกัยี่ห้อ ลูกจันทร์ ดอกจันทร์ กระวาน  กานพลู พริกหอม พริกหาง พริกล่อน  ดีปลี  มหาหิงคุ์ โปตัสเซี่ยมไนเตรดขาว หอมแดง ชาตรี ยาดังนี้สิ่งละเฟื้อง ฝิ่นสลึง ๑  ทองคำเปลว  ๑0  แผ่น น้ำมะนาวเป็นกระสาย   บดทำแท่ง ตากในร่ม ฝนด้วยน้ำมะนาว น้ำท่า เมื่อเขี่ยแล้วนั้น ถึงเป็นฝีฟกทูมเมีย ขึ้นเป็นเม็ดเป็นเปาเป็นเงื่อนก็หาย ถ้าเป็นไข้เจ็บ ให้สับกระหม่อมสับต้นคอ ทาหาย แก้ลมจับสูงด้วย ถ้าเกิดงูมองดูม์ ตะขาบ แมลงป่องขบ ฝนด้วยน้ำมะนาวก็ได้ สุราก็ได้ ทั้งยังรับประทานทั้งยา หาย  ฯ
ประโยชน์ทางยา
ยาไทยใช้เขากวางเป็นยาขนานหนึ่ง ตำราเรียนยาสรรพคุณยาโบราณ เขากวางเป็นยาเย็น ดับพิษทุกสิ่ง มีสรรพคุณแก้ร้อน ถอนพิษแสดง แพทย์แผนไทยมักเอามาคั่วให้ไหม้เกรียม หรือสุมให้ดำเกรียม และก็ก็เลยเอามาผสมเข้าในตำรับยา
ในพระคัมภีร์โบราณอันเป็นต้นแบบของยาแพทย์แผนไทยนั้น มีตำรับยาที่ เข้า  "เขากวาง" หลายขนาน ในที่นี้ขอยกตัวอย่างยาขนานหนึ่งใน  พระคู่มือมหาโชตรัต ดังนี้สิทธิการิยะ ถ้าเกิดผู้ใดกันเจ็บป่วยแลให้ร้อนด้านในให้ต้องการน้ำนัก แลตัวคนไข้นั้นให้แข็งกระด้าง เหมือนหนึ่งท่อนไม้แลท่อนฟืน ให้ตัวนั้นเป็นเหน็บชาไปทั่วอีกทั้งกายหยิกไม่เจ็บ   ท่านว่าเกิดกาฬ  ด้านในแลให้ปากแห้งคอแห้งฟันแห้งนมหดหู่ให้เป็นต่างๆนั้น ท่านว่ากาฬผุดออกยังไม่สิ้น ยังอยู่ในหัวใจนั้น ถ้าหากจะแก้ให้เอา รากกะตังบาย  ๑  จันทร์ทั้ง  ๒  สนเทศ  ๑  ท้อถอยม  ๑  เพ่งพิศที่นาศ  ๑  รากแตงไม่มีอารยธรรม  ๑  รากหมูปล่อย  ๒  หัวมหารอยแดง  ๑  หัวกะเช้าตรู่ผีมด  ๑  รากไคร้เครือ  ๑  ใบระงับ  ๑  ใบพิมเสน  ๑  ใบเฉียงพร้าหอม  ๑  ใบทองพันชั่ง  ๑  เขากวาง ๑  งาช้าง  ๑  เขี้ยวเสือ  ๑  เขี้ยวหมี  ๑   เขี้ยวไอ้เข้  ๑   เขี้ยวหมูป่า  ๑   เขี้ยวแรด  ๑   ฟันกรามพญางู  ๑   เขี้ยวปลาพะยูน  ๑   เกสรดอกบัวน้ำ  ๗   ผลสมอพิเภก  ๑   เทียนดำ  ๑   ใบสเดา  ๑   เปลือกไข่เป็ดสด  ๑   ผลจันทร์  ๑   ดอกจันทร์  ๑   สมอไทย ๑   รากมะรุมบ้าน  ๑   รวมยาทั้งนี้เอาเท่าเทียมกัน   ทำผงแล้วจึงบดปั้นแท่งไว้ ฝนด้วยน้ำดอกไม้ อีกทั้งกินทั้งยังพ่น แก้สรรพไข้ทุกอันดังที่กล่าวมาแล้วมานั้น หายแล

Tags : สัตววัตถุ
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions