สัตววัตถุ เม่น

สัตววัตถุ เม่น

เริ่มโดย plawan1608, 15 พฤศจิกายน 2017, 15:54:40

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

plawan1608


เม่น
เม่นเป็นสัตว์กินนม
จัดอยู่ในวงศ์ Hystricidae
เม่นที่พบในประเทศไทยมี ๒  ประเภท  ตัวอย่างเช่น
๑.เม่นใหญ่แผงคอยาว
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Hystrix  brachyuran  Linnaeus
ชื่อสามัญว่า  Malayan  porcupine
เม่นจำพวกนี้มีขนาดวัดจากปลายจมูกถึงโคนหางยาว ๖๓ – ๗๐  เซนติเมตร หางยาว ๖ – ๑๐ เซนติเมตร น้ำหนักตัว  ๓-๗ กก. ขนบนลำตัวเป็นขนแข็งใช้ป้องกันตัว  หัวเล็ก จมูกป้าน มีหนวดยาวสีดำ บริเวณลำตัว คอ รวมทั้งไหล่  มีขนแข็ง  สั้น  สีดำ  ขนใต้คอสีขาว ตาเล็ก ใบหูเล็ก ขนตั้งแต่ข้างหลังไหล่ไล่ลงไปแข็งยาว ด้านโคนและปลายสีขาว กึ่งกลางสีดำ ปลายแหลม หางมีขนคล้ายหลอดสั้นๆขาสีดำเม่นชนิดนี้ถูกใจออกหากินเพียงลำพังในช่วงเวลากลางคืน รักสงบ เวลาพบศัตรูจะวิ่งหนี เพียงพอจวนตัวจะหยุดนิ่งแล้วพองขนขึ้น ศัตรูที่ไล่ตามมาอย่างรวดเร็วถ้าหยุดไม่ทันก็จะโดนขนเม่นตำ และก็ถ้าเกิดศัตรูใช้ตีนตะปบก็จะโดนขนเม่นตำเช่นกัน  ได้รับความปวดเจ็บมากมาย เมื่อศัตรูหนีจากไปแล้ว  เม่นก็จะหลบเข้าโพรงไม้หรือโพรงดิน ขนเม่นที่หลุดออกไปจะมีขนใหม่ผลิออกขึ้นมาแทนที่ เม่นประเภทนี้รับประทานผัก ต้นหญ้าสด หน่อไม้ กาบไม้ ผลไม้ แล้วก็กระดูกสัตว์  เริ่มสืบพันธุ์ได้เมื่ออายุราว ๒ ปี ท้องนาน  ๔  เดือน  ตกลุกทีละ  ๑ -๓  ตัวในโพรงที่ขุดอาศัย ลูกเม่นแรกเกิดมีขนที่อ่อน  แต่เมื่อถูกอากาศข้างนอกขนจะค่อยๆแข็งขึ้น  อายุราว ๒๐ ปีพบทางภาคใต้ของประเทศไทย ในต่างชาติเจอที่มาเลเชียและก็อินโดนีเซีย
๒. เม่นหางพวง
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Atherurus  macroura (Linnaeus)
ชื่อสามัญว่า  bush-tailed  porcupine
เม่นประเภทนี้มีความยาวลำตัววัดจากปลายจมูกถึงโคนหาง  ๔๐ – ๕๐  เซนติเมตร หางยาว ๑๕ – ๒๐ เซนติเมตร น้ำหนักตัว ๒.๕ – ๕  โล จมูกเล็ก มีหนวดยาว ใบหูเล็ก ลำตัวยาว ขาสัน มีขนแข็งปกคลุมทั่วตัว ขนบางส่วนแข็งและก็ปลายแหลมมากมาย  เหมือนหนาม  ขนส่วนที่ยาวที่สุดอยู่บริเวณกลางหลังขนแบน  มีร่องยาวอยู่ด้านบน ตอนกลางหางไม่ค่อยมีขน แม้กระนั้นเป็นเกล็ด โคนหางมีขนสั้นๆปลายหางมีขนขึ้นดกหนาเป็นกระจุก มองเป็นพวง ขนดัขี้งกล่าวแข็งแล้วก็คม ส่วนขนที่หัวรอบๆขาอีกทั้ง ๔ และบริเวณใต้ท้อง แหลม แต่ไม่แข็ง ขาค่อนข้างจะสั้น ใบหูกลมและก็เล็กมากมาย เล็บเท้าเหยียดตรง ทื่อ แล้วก็แข็งแรงมาก  เหมาะกับขุดดิน เม่นชนิดนี้ออกหากินในช่วงเวลาค่ำคืน  ช่วงเวลากลางวันมักแอบอยู่ในโพรงดิน  ตามโคนรากของต้นไม้ใหญ่ หรือตามซอกหิน มักออกหากินเป็นฝูง  ใช้ขนเป็นอาวุธปกป้อง รับประทานหัวพืช หน่อไม้  กาบไม้  รากไม้  ผลไม้  แมลง เขาและกระดูกสัตว์  ออกลูกครั้งละ ๓- ๕  ตัวในโพรงที่ขุดอาศัย  ลูกเม่นแรกเกิดมีขนอ่อนนุ่ม แม้กระนั้นจะต่อยๆแข็งขึ้นอายุราว ๑๔ ปี เจอในทุกภาคของเมืองไทย ในเมืองนอกเจอทางภาคใต้ของจีน รวมทั้งที่ลาว เวียดนาม  เขมร มาเลเซีย  และก็อินโดนีเซีย

ผลดีทางยา
แพทย์แผนไทยใช้ขนเม่นที่สุมไฟให้ไหม้แล้วปรุงเป็นยาแก้ตานซาง  แก้พิษรอยดำ  พิษไข้ เชื่อมซึม กระเพาะอาหารของเม่นใช้ปรุงเป็นยารับประทานบำรุงน้ำดี ช่วยให้ลำไส้มีกำลังบีบย่อยของกิน พระคู่มือปฐมจินดาร์ให้ยาขนานหนึ่ง เข้า"ขนเม่น" เป็นยาทาตัวเด็ก ดังนี้ ภาคหนึ่งยาทาตัวกุมารกันสรรพโรคทั้งผอง และจะเจ็บป่วยอภิฆาฏก็ดี  โอปักกะมิกาพาธก็ดี ท่านให้เอาใบมะขวิด คราบงูเห่า หอมแดง สาบอีแร้งสาบกา ขนเม่น ไพลดำ ไพลเหลือง  บดทำแท่งไว้ ละลายน้ำนมวัว ทาตัวกุมาร จ่ายมลทินโทษทั้งปวงดีนัก
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions