สัตววัตถุ นกอีเเอ่น

สัตววัตถุ นกอีเเอ่น

เริ่มโดย Tawatchai1212, 04 ธันวาคม 2017, 15:13:43

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Tawatchai1212


อีแอ่น
อีแอ่น เป็นชื่อไทยแท้ของนก ๒ วงศ์ (เดี๋ยวนี้คนประเทศไทยมีความคิดเห็นว่าชื่อ "อีแอ่น" ไม่สุภาพหรือเปล่าเนื่องจาก จึงเปลี่ยนเป็นชื่อ"นางแอ่น" หรือ"นกแอ่น" เหมือนกันกับ"กา" เป็น  "นกกา" หรือ "อีแร้ง" เป็น "นกแร้ง")หมายถึงตระกูล Apodidae (อันดับ  Apodiformes) กับตระกูล Hirundinidae (ชั้น Passeriformes)
อีแอ่นกินรังเป็นนกในสกุล Apodidae ส่วนนกในสกุล Hirundinidae หลายชนิดเรียก "อีแอ่น" เช่นกัน แต่นกที่จัดอยู่ในสกุลข้างหลังนี้สร้างรังด้วยดิน ไม่มีน้ำลายเป็นตัวเชื่อมอยู่ประการใด แล้วก็นกตาพอง (Pseudochelidon  sirintarae  Thonglongya) ที่มีผู้ตั้งชื่อให้ใหม่เป็นนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร อันเป็นนกถิ่นเดียวของไทย พบที่สระบอระเพ็ด   จังหวัดนครสวรรค์ ตอนนี้เป็นนกหายากแล้วก็มีจำนวนน้อยหรือบางทีก็อาจจะสิ้นพันธุ์ไปแล้งก็ได้
๕.อีแอ่นหิมาลัย   มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Colocalia  brevirostris  (Horsfield) มีชื่อสามัญว่า Himalayan  swiftlet จำพวกนี้ทำรังด้วยต้นหญ้าและพืชประเภทต่างๆมีน้ำลายเป็นตัวเชื่อมเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ อีแอ่น ๒ ประเภทแรก คือ อีแอ่นกินรังกับอีแอ่นกินรังตะโพกขาว สร้างรังด้วยน้ำลายล้วนๆจึงเป็นรังนกที่มีคุณภาพดีเยี่ยม มีชื่อเสียงกันมานานและก็เป็นที่ต้องการของตลาด แพงแพงมาก ส่วนรังของอีแอ่นชนิดอื่นในสกุลเดียวกันนี้ไม่ได้รับความนิยมของตลาด โดยเฉพาะ ๒ จำพวกข้างหลัง หมายถึง อีแอ่นท้องขาวรวมทั้งอีแอ่นหิมาลัย
อีแอ่นรับประทานรังเป็นนกที่อาศัยอยู่ในถ้ำหินปูนหรือถ้ำหินทรายตามเกาะต่างๆตามสมุทรหรือตามชายฝั่งต่างๆหรือบางทีอาจอยู่อยู่ตามอาคารบ้านเรือนต่างๆได้แก่ ตึก โบสถ์ และก็บินออกจากถิ่นในช่วงเช้ามืด ไปพบกินตามแหล่งน้ำในช่องเขาหรือตามป่า โดยบินไม่หยุดตลอดวัน ห่อนกลับมายังถิ่นที่อยู่ในตอนเย็นหรือเย็น นกพวกนี้สามารถบินโดยใช้เสียงสะท้อนกลับ (echolocation) จึงไม่ชนกับเครื่องกีดขวางใดๆทั้งที่ถิ่นที่อยู่มืดมิด ราวปริมาณร้อยละ ๘0 ของอาหารเป็นแมลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมดมีปีก ในฤดูฝนนั้น ของกินของนกพวกนี้เป็นนกแทบทั้งสิ้น อีแอ่นรับประทานรังที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราชข้อมูลต่อไปนี้สำเร็จงานของการศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยของรศ.โอภาส  ขอบเขตต์   ราชบัณฑิต ผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องนก ซึ่งได้รายงานต่อห้องประชุมราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ แห่งราชบัณฑิตยสถาน เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๔ ในประเด็นเรื่อง "อีแอ่นกินรังในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช" ก่อนที่ท่านใกล้จะถึงแก่กรรมเพียงแต่  ๕  เดือนเศษ
สมุนไพร อีแอ่นรับประทานรังในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นชนิด Colocalia  fuciphaga  (Gmelin) หรือ eible – nest swiftlet ในราว ๕0 ปีที่ผ่านมา อีแอ่นรับประทานรังได้เข้ามาอาศัยรวมทั้งสร้างรังในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งประชาชนเรียก "บ้านร้อยปี" โดยเริ่มเข้ามาพักที่ชั้น  ๓  อันเป็นชั้นบนสุด เจ้าของบ้านจึงย้ายมาอยู่ที่ชั้น ๒ ถัดมาปริมาณนกมีจำนวนไม่ใช่น้อยจนถึงรุกพื้นที่ชั้น ๒ เจ้าของบ้านจึงย้ายมาอยู่ที่ชั้น ๑ ซึ่งเป็นร้านค้า แต่ว่าเดี๋ยวนี้บ้านหลังนี้มีนกอยู่เต็มอีกทั้ง  ๓  ชั้น โดยเจ้าของบ้านล้มเลิกกิจการและก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นๆ แต่มาเก็บรังนกทุกเดือน  โดยเฉลี่ยได้รังนกราวเดือนละ  ๖  กก. (มูลค่ากก.ละ  ๕0000-๗0000 บาท) ในช่วงนั้นอีแอ่นกินรังไปอาศัยอยู่รอบๆโบสถ์ของสงฆ์ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ โดยที่เดิมที่ทางวัดมิได้เก็บรัง แต่ปัจจุบันคณะกรรมการวัดก็เก็บรังนกขายเหมือนกันกับบ้านร้อยปี  โดยได้รังนกเฉลี่ยราวเดือนละ  ๒  กิโล

ในตอน ๕ ปีที่ล่วงเลยไป อีแอ่นกินรังรอบๆตลาดอำเภอปากพนังได้เพิ่มขึ้น  จนตราบเท่าเข้าไปอยู่ในอาคารสูงๆหลายตึกทางฝั่งด้านทิศตะวันออก(ฝั่งบ้านร้อยปี) ส่วนฝั่งทางด้านตะวันตก(ฝั่งวัด) ก็มีบ้าง แต่ว่าน้อยกว่ามากมาย ตอนนี้มีการก่อสร้างตึกสูง๑๐ชั้น  มากกว่า ๑๐ตึก  แต่ละอาคารใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า  ๕  ล้านบาท  โดยหวังให้อีแอ่นเข้าไปอาศัยทำรัง   รวมแล้วมีตึกที่ทำขึ้น  โดยหวังว่าอีแอ่นรับประทานรังจะเข้าไปทำรังไม่น้อยกว่า  ๕0   อาคาร แต่อีแอ่นก็ไม่ได้เข้าไปอาศัยทำรังทุกอาคาร
เพราะเหตุใดอีแอ่นก็เลยเลือกตึกใดตึกหนึ่งเพื่อทำรัง  คำตอบนี้ยังไม่หาคำตอบได้แม้กระนั้นจากการศึกษาพบว่า อีแอ่นจะเข้าไปสร้างรังในตึกสูงตั้งแต่  ๑-๗  ชั้น ตึกส่วนมากมักมีสีเหลืองไข่ไก่  แต่ลางอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จแล้ว  ยังเป็นสีก้อนอิฐ  ก็มีนกเข้าไปอาศัยรวมทั้งสร้างรัง ส่วนแนวทางการเข้าออกของอีแอ่นนั้น พบว่ามีแทบทุกแนวทาง ไม่แน่นอน แม้กระนั้นทางเข้าออกของนกโดยส่วนมากเป็นทิศใต้ค่อนไปทางทิศตะวันตก
แต่  อุณหภูมิแล้วก็ความชุ่มชื้นภายใต้ตึกน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่นกเลือกอาศัยและสร้างรัง พบว่าตึกที่นกอาศัยจะอยู่ระหว่าง  ๒๖-  ๒๙  องศาเซลเซียส   แล้วก็ความชื้นสัมพัทธ์ไม่ต่ำลงมากยิ่งกว่าปริมาณร้อยละ  ๗๕   (อยู่ปริมาณร้อยละ  ๗๙-๘0  ) ผนังตึกจำเป็นต้องไม่น้อยกว่า  ๓0  เซนติเมตร ด้านในมีอ่างน้ำรอบๆหรือเกือบจะรอบ ไม่มีหน้าต่าง   แต่ว่ามีช่องลมให้นกเข้าออกขั้นต่ำ  ๒  ช่อง ซึ่งอุณหภูมิและก็ความชื้นสัมพัทธ์ในตึกเหล่านี้ใกล้เคียงกับถ้ำธรรมชาติที่นกชนิดนี้ใช้เป็นที่อาศัยและก็สร้างรัง สำหรับเพื่อการเก็บรังนกนั้น เจ้าของบ้านเก็บก่อนที่นกจะวางไข่   คือราว  ๓0  วัน   ภายหลังจากนกเริ่มทำรัง  และก็เก็บทุกๆเดือน
แต่|แต่ว่า|แม้กระนั้น}ถ้าเกิดเป็นรังที่นกออกไข่แล้ว  ก็จะปล่อยให้นกตกไข่ต่อไปจนครบ  ๒  ฟอง แล้วปลดปล่อยให้ไข่ฟัก  รวมทั้งเลี้ยงลูกอ่อนจนลูกบินได้จึงจะเก็บรัง
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions