สารอาหารที่เด็กวัยอนุบาล ( 3-6 ปี) ควรได้รับต่อ 1 วัน

สารอาหารที่เด็กวัยอนุบาล ( 3-6 ปี) ควรได้รับต่อ 1 วัน

เริ่มโดย monapan478, 11 พฤษภาคม 2018, 12:48:31

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

monapan478

สารอาหารที่เด็กวัยอนุบาล ( 3-6 ปี) ควรได้รับต่อ 1 วัน




เด็กในวัยอนุบาลเป็นวัยที่ร่างการต้องการพัฒนาใน3 ด้านนี้

1) พัฒนาการด้านร่างกายของเด็กวัยอนุบาล (อายุ 3-6 ขวบ)
จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วการเลี้ยงดูในช่วงวัยนี้จึงมีผลต่อคุณภาพของการเจริญเติบโต ความแข็งแรงของร่างกาย การเคลื่อนไหวและการทรงตัว หากผู้ใหญ่ที่ดูแลเด็กมีความเข้าใจเกี่ยวกับพัฒนาการและให้การเลี้ยงดูที่เหมาะสม เด็กจะสามารถพัฒนาความสามารถของตนได้อย่างเต็มที่ เต็มศักยภาพ ครอบครัวมีความสำคัญยิ่งต่อการเจริญเติบโตของเด็กปฐมวัย หากลูกน้อยเติบโตในครอบครัวที่มีการเลี้ยงดูอย่างเหมาะสม พ่อแม่มีปฏิสัมพันธ์ ร่วมกิจกรรมต่างๆกับลูก บุคคลในครอบครัวมีการดำเนินชีวิตที่เป็นสุข มีการจัดเวลา จัดสถานที่ให้ลูกเคลื่อนไหว ออกกำลังกาย และเล่นอย่างปลอดภัย ลูกจะมีสุขภาพที่แข็งแรง เติบโตสมวัย มีอารมณ์เบิกบานแจ่มใส จะทำให้ลูกเกิดการพัฒนาอย่างเต็มที่และดีที่สุดในทุกด้าน เพราะการที่ลูกได้ออกกำลังกาย ได้เล่นกีฬาฝึกว่ายน้ำ หัดถีบจักรยาน วิ่งเล่น กระโดดโลดเต้น ฯลฯ ที่เหมาะสมกับความสามารถและทักษะของลูก จะทำให้ลูกมีสุขภาพแข็งแรง กระปรี้กระเปร่า ได้บริหารปอด หัวใจ กล้ามเนื้อ และข้อต่างๆ ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันโรค นอนหลับสบาย ขับถ่ายดี ผ่อนคลายความเครียด จิตใจแจ่มใส สร้างความเชื่อมั่นในตนเอง



2) พัฒนาการด้านอารมณ์
จิตใจของเด็กวัยอนุบาลเปรียบเสมือนฟองน้ำที่พร้อมจะซึมซับทุกสิ่งผ่านเข้ามาและเก็บสะสมข้อมูลที่ได้รับอยู่ตลอดเวลา หากเด็กได้รับการเลี้ยงดูแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสม จะทำให้เด็กมีพัฒนาการด้านอารมณ์ที่ดี เด็กจะยอมรับนับถือตนเอง ได้ รับการยอมรับจากผู้อื่น และเด็กก็จะมีความสุขมีกำลังใจ มีแรงจูงใจในการทำงานตามที่มุ่งหวัง และสามารถมีกระบวนการคิดแก้ปัญหาความขัดแย้งได้ดี ทำให้ประสบความสำเร็จ ถ้าเด็กไม่สามารถทำได้ตามขั้นตอนพัฒนาการ เด็กจะรู้สึกเป็นปมด้อย และจะทำงานในขั้นตอนพัฒนาการที่สูงขึ้นได้ยาก วัยอนุบาลเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดช่วงหนึ่งเพราะเป็นช่วง เวลาที่เด็กเรียนรู้เรื่องต่างๆมากที่สุดในชีวิต เด็กจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่เช่นไรในอนาคต ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูในช่วงนี้ เป็นช่วงที่หล่อหลอมลักษณะพิเศษของแต่ละคน หรือที่เราเรียกว่า "บุคลิกภาพ" ซึ่งเปลี่ยนแปลงได้ยากเมื่อเติบโตขึ้น ทั้งนี้เพราะเด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ เด็กคือเด็ก ที่มีความรู้สึก มีความคิดเห็นของตัวเอง แต่จะถูกหรือผิดขึ้นอยู่กับผู้ใหญ่ที่จะช่วยอบรมสั่งสอน นำพาเข้าสู่เส้นทางที่ถูกที่ควร เด็กจึงจะเจริญเติบโตเป็นเด็กที่เป็นคนดี มีความสุข และมีความสมดุลในชีวิต ดังนั้น การพัฒนาจึงเริ่มต้นขึ้นที่บ้าน ถ้าพ่อแม่พัฒนาลูกในทุกกิจกรรม ลูกจะมีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมที่ถูกต้อง รู้จักกินเป็น ดูเป็น ฟังเป็น บริโภคเป็น มีจิตใจที่ดีงาม มีการแสดงออกทางอารมณ์ที่เหมาะสม พร้อมที่จะออกสู่สังคมนอกบ้านต่อไป เพราะเด็กวัยอนุบาลจะเก็บสะสมข้อมูลที่ได้รับผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 อยู่ตลอดเวลา ดังนั้นหากเด็กได้รับการเลี้ยงดูแนะ นำที่ถูกต้องเหมาะสม จะทำให้เด็กมีพัฒนาการทางอารมณ์และจิตใจดี เด็กจะยอมรับนับถือตนเอง ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น และเด็กก็จะมีความสุขตามมา เมื่อเด็กมีความสุข เด็กจะมีกำลังใจ มีแรงจูงใจในการทำงานตามที่มุ่งหวัง และสามารถทนต่อความขัดแย้งได้ดี ทำให้ประสบความสำเร็จ ถ้าเด็กไม่สามารถทำได้ตามขั้นตอนพัฒนาการ เด็กจะรู้สึกเป็นปมด้อย และจะทำงานในขั้นตอนพัฒนาการที่สูงขึ้นได้ยาก



3) พัฒนาการด้านสติปัญญา
เด็กวัยอนุบาล(3-6 ขวบ)เป็นวัยที่มีลักษณะเฉพาะของพัฒนาการทางสติปัญญา คือ เป็นวัยที่สามารถใช้สัญลักษณ์แทนสิ่ง ของ วัตถุ และสถานที่ได้ เริ่มมีทักษะในการใช้ภาษาที่จะอธิบายสิ่งต่างๆ มีความคิดคำนึง มีความตั้งใจทีละเรื่อง และยังไม่สามารถจะพิจารณาหลายๆเรื่องรวมกันได้ นอกจากนี้เด็กวัยนี้ยังไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับความคงตัวของสสาร พัฒนาการทางด้านสติปัญญา เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความคิดและความเข้าใจของเด็ก เป็นสิ่งที่สามารถพัฒนาให้ประสบความสำเร็จในอนาคตได้ ด้วยการที่พ่อแม่ไม่ปิดกั้นหนทางในการสร้างสรรค์ของเด็ก แต่ครอบครัวหรือผู้ใหญ่รอบตัวจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะสร้างแรงจูงใจให้เด็กมีความใฝ่รู้ ได้แสดงความสามารถ กล้าแสดงความคิดเห็น โดยปลูกฝังให้เด็กเป็นคนรู้จักคิด ฝึกให้สังเกตสิ่งรอบตัว ให้ความสนใจในสิ่งที่เด็กทำ ให้เด็กได้มีโอกาสเรียนรู้จากการลองผิดลองถูกในเรื่องต่างๆ ให้เด็กได้ฝึกคิดแก้ปัญหาต่างๆด้วยตัวเอง ทั้งนี้โดยอยู่บนพื้นฐานของการใช้เหตุผลและความถูกต้องเหมาะสม



พัฒนาการด้านสติปัญญาแบ่งออกเป็น6 ส่วน ดังนี้



1.การคิดหมายถึงการใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ด้วยการมอง ฟัง สัมผัส ชิมรสและดมกลิ่น การคิดเชื่อมโยงความสัมพันธ์สิ่งของต่างๆ การคิดสร้างสรรค์และการคิดแก้ปัญหา


2.การใช้ภาษาในการสื่อสารด้วยการฟังการพูด การอ่าน การเขียน


3.การสังเกต การจำแนกและการเปรียบเทียบได้แก่ การจำแนกเปรียบเทียบความเหมือน-ความต่าง การจัดหมวดหมู่สิ่ง ของและการเรียงลำดับสิ่งต่างๆ


4.จำนวนทั้งการนับจำนวนและการรู้ค่าของจำนวน


5.มิติสัมพันธ์คือการเข้าใจและการอธิบายในเรื่องพื้นที่ ตำแหน่ง ระยะทาง ทิศทาง


6.เวลาใช้ในการเปรียบเทียบเวลาต่างๆเรียงลำดับเหตุการณ์ และความเข้าใจเกี่ยวกับฤดูกาล


ในฐานะของการเป็นคุณพ่อคุณแม่ จะต้องเข้าใจในการพัฒนาของลูกน้อยในแต่ละช่วงวัยนั้นเป็นสิ่งสำคัญ
เพราะคุณพ่อคุณแม่ ครอบครัว คือส่วนสำคัญอันดับแรกที่จะช่วยให้ลูกๆ บุตรหลานของท่าน
พัฒนาไปตามวัยในแต่ละด้านอย่างสมบูรณ์ที่สุด
เพื่อพร้อมที่จะพัฒนาไปสู่ในขั้นตอนของการพัฒนาการในขั้นสูงของลูกๆต่อไป



การได้รับสารอาหารและวิตามิน ก็เป็นสิ่งสำคัญที่คุณพ่อ คุณแม่ต้องเลือกสรรให้กับลูกๆของท่าน
ให้ลูกๆได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างครบถ้วน
และได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อช่วงวันที่ต้องพัฒนาทั่งทางด้านร่างกาย อารมณ์
และสติปัญญา
คุณพ่อคุณแม่ทุกท่านคงไม่อยากให้ลูกๆของท่าน ตัวเล็ก ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน หรือ
คงไม่อยากให้ลูกๆของท่านไม่ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ ไม่ได้รับสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่
การได้รับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามินที่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายก็เป็น ทางเลือกที่คุณพ่อ คุณแม่
เลือกสรรสิ่งดีๆให้ลูกๆของท่าน
ความต้องการสารอาหารในวัยเด็กอนุบาล



  • 1. พลังงานเด็กวัยก่อนเรียนต้องการพลังงานเพื่อการเจริญเติบโตและทำกิจกรรมต่างๆ ปัญหาที่พบบ่อยคือ
    ได้รับอาหารที่ให้พลังงานไม่เพียงพอ ควรให้เด็กวัยนี้กินอาหารอย่างเพียงพอ
    เด็กอายุช่วง 4-6 ปี ควรได้วันละ 1,450 กิโลแคลอรี่ พลังงานที่ได้รับนี้
    ควรมาจากคาร์โบไฮเดรตร้อยละ 50-60ไขมันร้อยละ 25-35 และโปรตีนร้อยละ 10-15
    ของพลังงานทั้งหมด
    การคำนวณความต้องการพลังงานเด็กวัยก่อนเรียนอาจทำได้ดังนี้ เด็กอายุหนึ่งปีเต็ม ต้องการพลังงาน 1000 กิโลแคลอรี่ เมื่ออายุ 1
    ปีให้บวก 100 แคลอรี่ต่อปีเช่น เด็กอายุ 4 ปี จะต้องการพลังงาน =1000 + 300 = 1300 กิโลแคลอรี่
  • 2. โปรตีน ความต้องการโปรตีนเมื่อเทียบกับน้ำหนักตัวในเด็กสูงกว่าวัยผู้ใหญ่ในเด็กอายุ 4-6 ปีต้องการโปรตีน 1.5 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน
  • 3. วิตามินและเกลือแร่ มีความจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กถ้าขาดก็จะทำให้เกิดโรคต่างๆได้ เด็กวัยนี้เป็นถ้าได้รับนม 2-3 ถ้วย
    ก็จะทำให้ได้รับแคลเซียมและฟอสฟอรัสเพียงพอต่อการสร้างกระดูกและฟัน
    นอกจากนี้ยังได้วิตามินอื่นๆอีก ได้แก่ วิตามินเอ ดี บีสิบสอง บีหนึ่ง
    และไนอะซินด้วย
  • 4. เหล็กเด็กอายุ 1-6 ปี ควรได้รับเหล็ก 10 มก.ต่อวัน
    การให้อาหารเสริมที่มีธาตุเหล็กจึงจำเป็น อาหารที่มีธาตุเหล็กมาก ได้แก่ ไข่
    เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ ถั่วเมล็ดแห้งและผักใบเขียว
  • 5. แคลเซียมเด็กวัยนี้จำเป็นต้องได้รับแคลเซียมในปริมาตรที่เพียงพอในการเจริญเติบโต
    เด็กวัยนี้จำเป็นต้องได้รับแคลเซียมมากกว่าวัยผู้ใหญ่ 2-3 เท่า
    อาหารที่มีแคลเซียมสูงสำหรับเด็กวัยนี้ ได้แก่ นมและผลิตภัณฑ์จากนม แคลเซียมในนมนั้นร่างกายสามารถดูดซึมได้มากกว่าแคลเซียมในอาหารอื่น
  • 6. สังกะสี มีความจำเป็นในการเจริญเติบโตการขาดสังกะสีจะมีผลให้เกิดการเจริญเติบโตล้มเหลว ความอยากอาหารลดลง
    เด็กวันนี้ควรได้รับสังกะสี 10 มก. ต่อวัน อาหารทีมีสังกะสีได้แก่
    เนื้อสัตว์และอาหารทะเล
  • 7. น้ำ เด็กต้องการน้ำ 4-6 แก้วต่อวัน หรือ 1000-1500 มล.

ถ้าเด็กๆได้รับอาหารพวกนม ข้าว เนื้อสัตว์ ปลาอาหารทะเล ถั่ว ผัก และผลไม้ครบแล้ว ก็จะทำให้ได้พลังงาน เกลือแร่
และวิตามินครบตรงตามความต้องการของร่างกาย




สารอาหารที่ร่างการต้องการในช่วงวัยอนุบาลจากงานวิจัย ประกอบด้วย
- Omega-3น้ำมันปลา ให้ DHA สูง ช่วยบำรุงสมอง
โดยเฉพาะน้ำมันปลาเป็นน้ำมันที่สกัดจากส่วนของเนื้อ หนัง หัว
และหางของปลาทะเลน้ำลึกโดยเฉพาะปลาในเขตหนาว ในน้ำมันปลามีกรดไขมันหลายชนิด
ซึ่งประกอบด้วยกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน (Polyunsaturated fatty acid = PUFA) น้ำมันปลาไม่ใช่น้ำมันตับปลาน้ำมันปลาเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้จากการรับประทานปลา
เพราะร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ปลาที่มีกรดไขมัน omega3สูงได้แก่ปลา mackerel, tuna, salmon, sturgeon, mullet, bluefish,anchovy, sardines, herring, trout, และ menhaden พบว่าปลาที่จับได้ในธรรมชาติจะมีปริมาณกรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ในสัดส่วนที่เหมาะสม
- Lysineสูง กระตุ้นความอยากอาหาร ช่วยเจริญอาหาร
Lysine (ไลซีน) เป็นกรดอะมิโนจำเป็น (essential amino acid) ที่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้จึงต้องได้รับจากการรับประทานอาหารการศึกษาที่พบว่า lysine มีส่วนช่วยในด้านการเจริญเติบโตของเด็กโดยเป็นการศึกษาถึงการเสริม Lysine ในอาหารเพื่อดูการเจริญเติบโตของเด็กก่อนวัยเรียนกลุ่มทดลองที่ได้รับ lysine มากกว่า จะมีความสูงเพิ่มมากกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติส่วนด้านน้ำหนักไม่พบว่าให้ผลไม่ต่างกัน

- L-Glutamineเป็นส่วนช่วยสร้าง Growth Hormoneช่วยการเจริญเติบโตของร่ายกาย
Glutamineเป็นกรดอะมิโนที่จำเป็น (Essential Amino Acids) และเป็นกรดอะมิโนที่มีมากที่สุดในร่างกาย โดยมากกว่า 60% ของ Glutamine จะอยู่ในเซลล์กล้ามเนื้อ (SkelatonMuscle) ดังนั้น Glutamineจึงเป็นกรดอะมิโนที่เป็นโครงสร้างหลักของโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบหลัก ของเซลล์กล้ามเนื้อ L-Glutamine ทำหน้าที่เป็นกรดอะมิโนที่ไปกระตุ้นให้มีการหลั่งฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต (Growth Hormone) ซึ่งจะไปกระตุ้นให้ร่างกายมีการสังเคราะห์โปรตีนเพื่อเสริมสร้างเซลล์กล้ามเนื้อและช่วยซ่อมแซมเซลล์กล้ามเนื้อ ที่สึกหรอ
ช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโต
มีส่วนช่วยเรื่องความสูง

-MTV วิตามินรวม ช่วยบำรุงร่ายกาย
  • วิตามินบี3 (Nicotinamide 20 mg) ช่วยบำรุงสมองและประสาทรักษาสุขภาพของผิวหนัง
  • วิตามินอี (D-alpha Tocopheryl Acid Succinate 6.43 mg) สารต้านอนุมูลอิสระช่วยบำรุงสมองและประสาท รักษาสุขภาพของผิวหนัง
  • วิตามินเอ (Vitamin A Acetate 4 mg) ช่วยบำรุงสายตาและช่วยการมองเห็นในที่มืด ทำให้การเจริญและพัฒนาของเซลล์บุผิว กระดูก ฟัน
  • วิตามินบี 5 (D-Panthenol 3 mg) ป้องกันการเกิดการผิดปกติของผิวหนังการสร้างฮอร์โมนและประสาท โลหิตจาง
  • วิตามินบี 6 (Pyridoxine Hydrochloride 2.43 mg) ช่วยการผลิตสารสื่อประสาท ช่วยกระบวนในการสร้างเม็ดเลือดแดง
  • วิตามินบี 1 (Thiamine Hydrochloride 1.68 mg) ช่วยเจริญอาหาร ป้องกันไม่เกิดการเหน็บชาและช่วยในการเปลี่ยนแปลงของพวกแป้งและน้ำตาล
  • วิตามินบี 2 (Riboflavin 1.50 mg) ป้องกันการเกิดโรคปากและลิ้นอักเสบทำให้ร่างกายเจริญเติบโตรักษาสุขภาพของผิวหนังและระบบประสาท
  • วิตามินบี 12 (Cyanocobalamin 0.002 mg) ป้องกันโรคโลหิตจางทำให้ระบบประสาททำงานปกติ
  • วิตามินดี 3 (Dry Vitamin D3 0.002 mg) มีความสำคัญในการสร้างกระดูกและฟันและช่วยการเจริญเติบโต



ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก
mamarine kids : ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผสมวิตามินชนิดน้ำรสส้ม สำหรับเด็ก
เพื่อการเจริญเติบโตที่แข็งแรงสมวัย ทั้งร่างกายและความคิด "เข้มข้น รสส้ม ทานง่าย ไม่คาว"


[/center]

คุณประโยชน์ MAMARINE KIDS® Omega3 Plus MTV with Lysine Forte

  • DHA Omega-3 ในน้ำมันปลาสูง ช่วยบำรุงสมอง (น้ำมันปลานำเข้าจาก ประเทศ ไอซ์แลนด์ (ICELAND)
  • Lysine สูง ช่วยการเจริญเติบโต เพิ่มความอยากอาหาร
  • L-Glutamine เป็นส่วนช่วยสร้าง Growth Hormone ช่วยการเจริญเติบโตของร่ายกาย
  • MTV วิตามินรวม ช่วยบำรุงร่ายกาย
  • MAMARINE KIDS® Omega 3 ไม่มีน้ำตาล ไม่ทำให้อ้วน
  • มีรสส้ม หวาน หอม ไม่คาว มีกลิ่นน้ำมันปลาอ่อนๆ

สำหรับท่านใดสนใจสั่งซื้อสินค้า สามารถสอบถามได้ที่

ร้านขายยาใกล้บ้านท่าน

Facebook Fanpage :www.facebook.com/mamarinethailand

Line@ : @mamarinethailand


(คลิ๊ก : http://line.me/ti/p/%40mamarinethailand)


Lazada :https://bit.ly/2jJSSbn

นอกจากนี้ MAMARINE THAILAND ยังมีข้อมูลสินค้า ข่าวสาร กิจกรรม บทความที่เป็นประโยชน์
ที่มีการอัพเดทข้อมูลเพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลาที่ทางเว็ปไซด์ www.mamarinethailand.com


friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions