ผีมีจริงหรือ!? [ตอนที่ 1/2 ฟิสิกส์กับการปรากฎตัวของผี]

ผีมีจริงหรือ!? [ตอนที่ 1/2 ฟิสิกส์กับการปรากฎตัวของผี]

เริ่มโดย ZOIDS, 18 พฤษภาคม 2009, 20:40:30

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ZOIDS

เครดิต Dek-D.com

ฟิสิกส์กับการปรากฏตัวของผี

                                 


                เอาเป็นว่าเราจะยึดแนววิเคราะห์ตามสมมติฐานข้อที่สองกัน โดยยืนพื้นอยู่บนข้อสังเกตที่ว่า "ผีต้องสร้างโฟตอนเพื่อเปล่งรัศมีออกมา (ทำให้ผู้ประสบเหตุสามารถมองเห็นมันได้)"    ...จากรายงานเกือบทั้งหมดของผู้ประสบเหตุพบว่าผีสามารถลอยตัวในอากาศได้ มีอาการเคลื่อนที่อย่างน้อยๆก็เหมือนคนเดินเท้าไม่ติดดิน ถ้าเช่นนั้นเป็นไปได้ไหมครับว่าผีต้องมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าอากาศ เพราะถ้ามันน้ำหนักมากกว่าแล้วล่ะก็มันจะแสดงพฤติกรรมแบบนั้นไม่ได้แน่ ถึงยังงั้นผีก็ควรจะเบากว่าอากาศไม่มากนัก เนื่องจากถ้าเบามากผีก็จะลอยไปตามลมเหมือนลูกโป่งสวรรค์ หากจะอยู่กับที่จำเป็นต้องหาอะไรมายึดเกาะเอาไว้ ซึ่งก็ไม่มีผู้ประสบเหตุรายไหนพบว่าผีผูกขาตัวเองไว้กับโต๊ะ ขอบหน้าต่าง รากไม้ หรือว่าหิ้วสมอลอยไปลอยมาแต่ประใด ดังนั้นจึงอนุมานได้ว่า ผีมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าอากาศอยู่นิดหน่อยครับ


                เอาล่ะครับทีนี้เราลองมาดูโจทย์แรกที่ต้องขบให้แตกกัน นั่นคือผีสร้างโฟตอนขึ้นมาได้อย่างไร? จากข้อมูลของ SNG พบว่าผีส่วนมากปรากฏตัวให้เห็นเป็นภาพสามมิติเรือนลางกลางอากาศ นั่นหมายความว่าผีทำให้อากาศรอบตัวมันนั่นเองเปล่งแสงขึ้นมา ตัวผีจริงๆไม่มีแสงสว่าง ไม่สะท้อนหรือดูดกลืนคลื่นแสง อากาศต่างหากที่เป็นตัวเปล่งแสง(โฟตอน)ออกมา อะตอมของอากาศจะต้องถูกรบกวนจนกระทั่งอิเล็กตรอนเปลี่ยนตำแหน่งวงโคจรของมัน จนกระทั่งในที่สุดก็เปล่งแสงออกมา

                ในทางฟิสิกส์เราทราบกันว่าโฟตอนสีม่วงเป็นคลื่นอิเล็คโตรแม็กเนติกที่มีความ ถี่ 3,950 A? และโฟตอนสีน้ำเงินมีความถี่ 4,400 A? เมื่อได-อะตอม (di-atom) ของไนโตรเจนอิออนถูกรบกวนในช่วงเวลาทุกๆ 0.01 วินาที แต่สำหรับธาตุออกซิเจนมันจะเปล่งโฟตอนสีแดงความถี่ 7,500 A? ออกมาให้ในทุกช่วงเวลา 0.7 วินาทีโดยประมาณ แต่จากข้อมูลเรื่องผีเราสรุปได้ว่าผีเปล่งโฟตอนสีขาวน้ำเงินซึ่งเป็นแสง สว่างจางๆที่มีความเข้มของแสงต่ำเอามากๆ ประเมินค่าความเข้มแสงได้ประมาณ 1-20 วัตต์ ต่อปริมาตร 0.07 ลูกบาศก์เมตร และตาของคนเราจะสามารถมองเห็นความเข้มของแสงสว่างได้ในที่มืด โดยใช้ระบบประสาทที่เรียกว่า Rods Cell เท่านั้น เซลล์ชนิดนี้มีอยู่ในดวงตาของทุกคน มันสามารถรับภาพได้ว่องไวเฉพาะแสงสว่างขาวดำเท่านั้น (เรียกว่ามองไม่เห็นสีของแสงว่างั้นเหอะ) ดังนั้นไม่ว่าผีจะเปล่งแสงสีแดง สีม่วง สีคราม หรือสีรุ้งออกมา ดวงตาของคนก็ไม่สามารถมองเห็นได้(ในกรณีที่ความเข้มของแสงต่ำมาก) คนเราจะมองเห็นเป็นสีขาวคือเฉพาะความสว่างสลัวๆเท่านั้น แต่ถ้าความเข้มของแสงสว่างมีมากขึ้นตาคนเราจะมองเห็นเป็นสีน้ำเงินก่อน และนี่ก็เป็นเหตุผลอันหนึ่งที่อธิบายได้ว่า ทำไมผู้ประสบเหตุถึง 99% จึงมองเห็นผีในลักษณะของภาพขาวดำหรือสีขาวน้ำเงินเท่านั้น

                สรุปได้ว่า ผีจะสร้างแสงสว่างขึ้นเมื่อต้องการแสดงตัว โดยการกระตุ้นโฟตอนจากบรรยากาศ แสงสว่างที่ออกมามีความเข้มต่ำมากความสว่างไม่เพียงพอที่จะไปกระตุ้น Cones Cell ซึ่งทำหน้าที่รับรู้สีของแสงให้ทำงานได้ คนเราจึงสามารถมองเห็นผีได้ในลักษณะขาวดำเรือนลางเท่านั้น

                โจทย์ต่อไปที่เราต้องพิจารณาก็คือ... ผีใช้พลังอะไรมากระตุ้นอิเล็กตรอนของบรรยากาศทำให้เกิดการคายโฟตอนออกมา? ผีมีพลังงานในตัวเองกระนั้นรึ? หรือว่าผีมีวิธีนำพลังงานจากแหล่งอื่นมาใช้?

                ในการตีความโจทย์ข้อนี้เราไม่ควรลืมข้อสังเกตจากปรากฏการณ์ SNG ข้อหนึ่งที่ว่า ก่อนและหลังการปรากฏตัวของผี อากาศ ณ จุดนั้นจะเย็นวูบลงอย่างทันทีทันใด ข้อมูลนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานของผีมากระตุ้นให้เกิดการสร้าง โฟตอนของอะตอมในบรรยากาศ ผีคงไม่มีพลังงานในตัวเองหรอกครับ แต่คงใช้พลังงานความร้อน(Thermal energy) จากบรรยากาศมาเป็นพลังงานกระตุ้นอะตอมของธาตุให้เกิดการตื่นตัว (excited) โดยใช้หลักการเดียวกับหลักการทางฟิสิกส์ที่เรียกว่า Maxwell-Bolzmann ผีคงจะต้องดึงพลังงานความร้อนในบรรยากาศมาเปลี่ยนให้เป็นโฟตอน ซึ่งมีผลทำให้อุณหภูมิในบรรยากาศลดลงในทันที โดยการคำนวณอย่างหยาบๆพบว่า ถ้าผีสร้างโฟตอนความเข้ม 20 วัตต์ โดยดึงเอาพลังงานความร้อนจากบรรยากาศปกติที่ความดันระดับน้ำทะเล จะทำให้อุณหภูมิของบรรยากาศเย็นลงได้ประมาณ 14.5 C? ต่อนาที อุณหภูมิจะลดลงเรื่อยๆตราบเท่าที่ผียังสามารถเปลี่ยนความร้อนให้เป็น โฟตอนอยู่ได้ จนกระทั่งถึงความเย็นจุดหนึ่งจะทำให้ไอน้ำในบรรยากาศกลั่นตัวควบแน่นกลาย เป็นหมอก (เรียกว่า dew point นั่นเองครับ) ตอนนี้ก็จะเกิดกลุ่มหมอกควันหนาทึบปกคลุมตัวของผี ดังนั้นจึงมีข้อสรุปที่ค่อนข้างแน่ชัดออกมาว่า ผีที่อยู่ในที่ๆมีอากาศแห้ง(ไอน้ำในบรรยากาศน้อย) จะปรากฏตัวให้เห็นได้เรือนลางกว่าผีที่มีสำมะโนครัวในแถบอากาศชื้น

                ครับ เราก็เลยได้ข้อสังเกตอีกประการหนึ่งตามมาหากสมมติฐานนี้ถูกต้อง นั่นคือถ้าผีสามารถดึงเอาพลังงานความร้อนในบรรยากาศมาใช้ได้ ก็หมายความว่าตัวของผีเองนั้นต้องประกอบด้วยพลังงานล้วนๆ(หรืออย่างน้อยต้อง ประกอบด้วยพลังงานมากกว่าสสาร) และข้อมูลหลักฐานเรื่องผีจากทั่วโลกก็สนับสนุนแนวคิดดังกล่าวนี้เสียด้วยสิ ครับ ไม่มีหลักฐานชิ้นใดที่ชี้ให้เห็นชัดว่าตัวของผีประกอบด้วยเนื้อหนังมังสา อย่างคนเรา ...ดังนั้นเป็นไปได้ไหมหากเราจะสรุปว่า ผีมีตัวตนที่ประกอบด้วยพลังงาน ไม่ใช่สสารเหมือนร่างกายมนุษย์ แต่อาศัยหลักเกณฑ์ทางฟิสิกส์ของไอน์สไตน์ข้อที่เรียกว่า "กฏความสัมพัทธภาพของความสมดุลย์แห่งมวลสาร" (Einstein Relativistic Law of Mass-equivalence) พลังงานที่ประกอบขึ้นเป็นตัวของผีก็สามารถวัดหาค่ามวลสารได้ โดยอาศัยวิธีการวัดที่เรียกว่า "การวัดด้วยคลื่นความโน้มถ่วง" (Gravitational methods) ครับ



                แล้วผีหลอก(Poltergeist)ล่ะ?

                ผีหลอกวิญญาณหลอนคือปรากฏการณ์อย่างหนึ่งที่เชื่อกันว่าเป็นการกระทำของภูติ ผีปีศาจ หรือวิญญาณผู้ประสงค์ร้ายที่แสดงออก(โดยพยายาม)ไม่ปรากฏตัวให้เห็น ว่าตนสิงสู่อยู่ ณ บริเวณนั้น หรือเป็นการแสดงออกเพื่อให้ผู้บุกรุกหรือแปลกถิ่นที่ล่วงล้ำเข้ามาให้รู้ตัว ว่า นี่เป็นการเตือนนะว๊อย ตูข้าไม่ต้อนรับ(พวก)เอ็ง บางกรณีเป็นการขับไล่ แต่บางครั้งก็แค่หยอกเย้ากระเซ้าเล่นเฉยๆ ซึ่งแน่นอนล่ะว่าผู้ถูกกระเซ้าคงไม่แฮปปี้ด้วยเท่าไหร่นัก

                ความพยายามแสดงออกของผีหลอกวิญญาณหลอนมักเป็นไปในรูปการณ์แปลกๆ ส่วนมากแฝงไปด้วยความอาฆาตมาดร้าย เช่น ทำเสียงดังปึงปังโครมคราม ทำให้วัตถุบางอย่างล้ม ตกลงมาจากที่สูง หรือเกิดการเคลื่อนย้ายตำแหน่งให้เห็นกันอย่างจะจะ ทำการปิดประตูหน้าต่างอย่างผิดกาลเทศะ(ฝนไม่ตกมันก็ปิด) ตลอดไปจนทำเสียงหลอกหลอนประหลาดๆ เป็นต้น

                จากรายงานเรื่องผีหลอกวิญญาณหลอนประเภทมองไม่เห็นตัวพวกนี้พบว่า ส่วนใหญ่ผู้ประสบเหตุจะเป็นเพศหญิงวัยรุ่นถึงวัยกลางคน มีรายงานส่วนน้อยที่พบว่าผู้ประสบเหตุจะเป็นเพศชายในวัยเดียวกัน  และก็มีบ้างที่เกิดกับชายหญิงสูงอายุครับ

                วิธีที่ผีจะนำพลังงานมาสร้างปรากฏการณ์ผีหลอกวิญญาณหลอน (Poltergeist) นั้นจะต้องผิดแปลกแตกต่างไปจากการปรากฏกายของผีทั่วไป ซึ่งถ้าเรามองกันในแง่ของฟิสิกส์แล้วเราจะพบว่า

                1. พลังงานที่ใช้จะต้องเป็นพลังงานที่เปลี่ยนไปในรูปของ"แรงกระตุ้น" ซึ่งเกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนและเป็นจังหวะอย่างที่เราเรียกกันว่า Impulse จากข้อมูลของนักวิจัยพบว่าอิมพัลซ์หนึ่งมีจังหวะช่วงความถี่ 1 วินาทีต่อครั้ง เช่น เสียงเคาะกระจก เสียงเดินกุกกัก ที่ครั้งหนึ่งจะเว้นช่วงระยะเวลาประมาณ 1 วินาทีเสมอ

                2. จำนวนพลังงานที่จะต้องใช้ในแต่ละอิมพัลซ์ คำนวณออกมาได้ค่าประมาณ 60 จูลส์ (คิดเป็นน้ำหนักประมาณ 50 ก.ก. ครับ)

                3. ความสำคัญอยู่ที่ยอดสุดของกำลังงานครับ (peak power output) ซึ่งให้กำลังงานสูงถึง 6K วัตต์ หรือมากกว่านั้นในแต่ละอิมพัลซ์ ในข้อนี้เราจะเห็นได้ว่าความแตกต่างของพลังงานในการปรากฏตัวของผี ผีต้องดูดพลังงานจากบรรยากาศมาแปลงเป็นโฟตอน แต่การทำผีหลอกวิญญาณหลอน ผีจะต้องสะสมพลังงานชั่วขณะหนึ่งก่อน สะสมเอาไว้ให้ได้พลังงานมากพอที่จะปลดปล่อยออกไปเพื่อให้เกิดแรงกระต้นเป็น อิมพัลซ์ ลงมีแรงแบบนี้ถ้ามากขึ้นอีกหน่อย เรื่องของผีหักคอคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแล้วมั้ง

                4. ผีจะปฏิบัติการหลอกหลอนได้นั้น ต้องทำการสะสมพลังงานในบรรยากาศเข้าไปให้ได้อย่างน้อย 60 จูลส์ ก่อนการปลดปล่อยออกมาในรูปของแรงกระตุ้นอย่างรุนแรง แต่ข้อมูลจากผู้ประสบเหตุบอกเราว่าในเคสนี้ไม่มีการลดลงของอุณหภูมิใน บรรยากาศแต่ประการใด โดยการคำนวณพบว่าถ้าผีสะสมพลังงานจากบรรยากาศจนได้ 60 จูลส์ ในเวลา 1 วินาที จะทำให้บรรยากาศบริเวณนั้นลดลงไปเพียง 1 องศา C การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเพียงเท่านี้ย่อมไม่สามารถทำให้ผู้ประสบเหตุ รู้สึกรู้สาได้ ก็นับว่ามีเหตุผลดีอยู่ครับ
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

pye

ผีคือเรื่องของฟิสิค เป็นเรื่องของ ปะจุรอบๆตัว
อื้ม เข้าถึงว่าจัดฮวงจุ้ยกันผี อ้อๆๆๆ

ชอบกะทู้นี้มากๆเหมือนกัน อายกเม้นอยากเม้น ขอบคุณนะคระท่านZOIDS  แหะแต่ก็ยังกลัวผีอยู่ดี หึหึ
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

ZOIDS

หลังจากโพสมานาน

ในที่สุด  uilo

ก็มีคนมาโพสตอบ
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

pye

ก็ชอบมากๆอ่ะค่ะ อยากเม้น เม้น เม้น ให้กำลังใจ หามาอีกนะคร๊าท่านZOIDS
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

ZOIDS

friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions

Makettingmanager

friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions