เพราะเมืองไทยอากาศร้อนตลอดปี การดูแลบ้านให้เย็นสบายตลอดเวลาคือสิ่งที่จำเป็น

[HYNtoall]

ประเทศไทยขึ้นชื่อเรื่องสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นฤดูไหน แสงแดดอันร้อนแรงและความชื้นที่สูงลิ่วก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ การดูแลบ้านให้เย็นสบายอยู่เสมอจึงไม่ใช่แค่ความสะดวกสบาย แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตอย่างสุขสบายและมีคุณภาพในเมืองไทย สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี อุณหภูมิที่สูงเกินไปส่งผลเสียต่อร่างกาย ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ เพลียแดด หรือแม้กระทั่งโรคลมแดดได้ง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ การอยู่ในบ้านที่เย็นสบายช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อน ลดความเครียดจากความร้อน และส่งเสริมการนอนหลับที่ดีขึ้น การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ร้อนจัดทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ขาดสมาธิ และรู้สึกหงุดหงิดง่าย การมีบ้านที่เย็นสบายเอื้อต่อการทำงานที่บ้าน การเรียน หรือแม้แต่การพักผ่อนหย่อนใจได้อย่างเต็มที่ ความร้อนและความชื้นสูงเป็นตัวการทำลายข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ไม้ หรือแม้แต่เสื้อผ้า การรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมช่วยยืดอายุการใช้งานของสิ่งของเหล่านี้

การทำให้บ้านเย็นสบายตลอดเวลาสามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่การปรับเปลี่ยนโครงสร้างไปจนถึงการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน การป้องกันความร้อนจากภายนอก การติดตั้งฉนวนกันความร้อนบริเวณหลังคาและผนังบ้านเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการป้องกันความร้อนไม่ให้เข้าสู่ตัวบ้าน ช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศได้อย่างมาก หรือจะเคลือบ hydrophilic ให้กับคอยด์ทำความเย็นในระบบปรับอากาศ การปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาบริเวณรอบบ้านช่วยลดอุณหภูมิโดยรวม และยังสร้างความร่มรื่นสวยงามอีกด้วย นอกจากนี้ การจัดสวนแนวตั้งหรือไม้เลื้อยคลุมผนังก็ช่วยลดความร้อนที่สะสมบนผนังได้เช่นกัน ติดตั้งกันสาดเหนือหน้าต่างและประตูเพื่อบังแสงแดดโดยตรง และเลือกใช้ผ้าม่านที่หนา มีคุณสมบัติกันแสง หรือผ้าม่านสองชั้นเพื่อช่วยกรองแสงและความร้อน นอกจากนี้ ในช่วงเช้าตรู่หรือช่วงเย็นที่อากาศเริ่มเย็นลง ควรเปิดหน้าต่างและประตูเพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวก ระบายความร้อนสะสมภายในบ้านออกไป ติดตั้งพัดลมระบายอากาศในจุดที่เหมาะสม เช่น ห้องครัว ห้องน้ำ หรือบริเวณที่อากาศไม่ถ่ายเท เพื่อช่วยดึงอากาศร้อนออกและนำอากาศเย็นเข้ามาแทนที่ การออกแบบบ้านให้มีช่องลมหรือช่องเปิดที่ช่วยให้อากาศไหลเวียนได้ดีตลอดวัน เป็นสิ่งสำคัญตั้งแต่ขั้นตอนการก่อสร้าง เลือกใช้เครื่องปรับอากาศที่มีค่า SEER (Seasonal Energy Efficiency Ratio) สูง ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงาน ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม ไม่เย็นจัดจนเกินไป (ประมาณ 25-26 องศาเซลเซียส) และหมั่นทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ ใช้พัดลมควบคู่กับเครื่องปรับอากาศเพื่อช่วยกระจายความเย็นและลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศ นอกจากนี้ การใช้พัดลมในห้องที่ไม่ได้เปิดแอร์ก็ช่วยให้อากาศถ่ายเทและรู้สึกสบายขึ้นได้