กระแส"ไท่หมี่" มาแทน "ฮัลยู" .. ละครไทยฟีเวอร์ในจีน

กระแส"ไท่หมี่" มาแทน "ฮัลยู" .. ละครไทยฟีเวอร์ในจีน

เริ่มโดย etatae333, 20 สิงหาคม 2011, 15:38:04

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

กระแส"ไท่หมี่" มาแทน "ฮัลยู" .. ละครไทยฟีเวอร์ในจีน

กรมส่งเสริมการส่งออก -- จันทร์ที่ 15 สิงหาคม 2554



กระแสความคลั่งไคล้ละครไทยในจีนยังแรงอย่างต่อเนื่อง เหมือนกระแส "ฮัลยู" ที่ไทยติดซีรีส์เกาหลี ตอนนี้ดูเหมือนว่า
กระแสละครไทยฟีเวอร์จะแรงแซงหน้าซีรีย์เกาหลีไปแล้ว ความเคลื่อนไหวของละครไทยที่มาอย่างเงียบ ๆ แต่แรง
จนได้รับฉายาว่าเป็น "ม้ามืด" บนจอทีวีเมืองจีน


ละครไทยเริ่มโด่งดังและดึงคนจีนที่เป็นแฟนละครเกาหลีและญี่ปุ่นมาเป็นแฟนละครไทยได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
ชนิดที่ว่าละครไทยหลายต่อหลายเรื่องเรียงคิวเข้าฉายบนจอแก้ว เช่น รักในม่านเมฆ, รหัสริษยา, วงเวียนหัวใจ,
ดั่งดวงหฤทัย, สองปรารถนา, สูตรเสน่หา เป็นต้น ละคร 6 เรื่อง 6 รส ที่เรียงคิวเข้าฉายบนจอแก้วในทีวียักษ์ใหญ่ของจีน
ซีซีทีวี และทีวีดาวเทียมในมณฑลใหญ่ๆ เช่น ทีวีดาวเทียมอันฮุยที่จัดเวลาออกอากาศสำหรับละครไทยโดยเฉพาะ


คนรุ่นไหนบ้างที่เป็นแฟนละครไทย ?

2- 3 ปีให้หลังมานี้ซีรีย์เกาหลีที่เข้ามาในจีน มีเนื้อเรื่องจำเจซ้ำซาก มักจะวนอยู่กับโครงเรื่อง ไม่กี่ประเภท ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุ
ทางรถยนต์ ก็มักจะเป็นโรคมะเร็งหรือโรคที่รักษาไม่หาย หรือไม่ก็เป็นละครย้อนยุค ขาดความสดใหม่ ไม่ตีตลาดจีน ประจวบกับ
ละครไทยที่พกเนื้อเรื่องเข้มข้นถึงพริกถึงขิง แม้ว่าจะไม่เข้มข้นเท่าซีรีย์สัญชาติอเมริกัน และบางทีก็น้ำเน่ายิ่งกว่าละครหลังข่าวของไต้หวัน
แต่ละครไทยดึงดูดผู้ชมด้วยวิวทิวทัศน์ที่งดงาม พระเอกนางเอกทั้งสวยทั้งหล่อเจริญหูเจริญตา


ทำให้เกิดกระแส "ละครรักเมืองร้อน" เข้ามาแข่งขันกับ "ละครกิมจิ" เพราะทุกวันนี้ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปดูช่องไหนในเมืองจีนก็มีละครไทย
ให้ดูทั้งนั้น ชาวจีนกลุ่มหนึ่งถึงขนาดรวมตัวเป็นแฟนคลับละครไทยเรียกตัวเองว่า "ไท่หมี่" ซึ่งแปลตรงตัวว่า "ข้าวไทย" ซึ่งเป็นศัพท์แสลง
เรียกแฟนคอหนังไทย และยังมีความหมายอีกนัยหนึ่งว่า "คลั่งไคล้ไทย" เพราะเลียนเสียงคำว่า "หมี" ที่แปลว่า "ชอบ" แฟนคลับเหล่านี้
ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงมีอายุระหว่าง 15-30 ปี สาววัยรุ่นชาวจีน วัยกลางคน ต่างพากันตบเท้าเข้าเป็นคอละครไทย

นั่นแสดงว่าอีกไม่นานละครไทยคงเข้ามาแทนที่ละครเกาหลีในไม่ช้า


ทำไมคนถึงติดละครไทย ?



ที่จริงแล้วมีหลายเหตุผลว่าทำไมคนจีนถึงติดละครไทย เรียนภาษาไทย ร้องเพลงไทย เนื่องมาจากการถ่ายทำละครบ้านเรานั้น
ทางผู้จัดทำจะเลือกโลเกชั่นที่สวยที่สุดในการถ่ายทำ สถานที่ถ่ายทำก็เป็นคฤหาสน์หลังใหญ่สวยหรู บ้างก็ถ่ายทำที่ชายทะเล
และสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเมืองไทย


อีกอย่างดาราไทยส่วนใหญ่เป็นลูกครึ่ง ทั้งสวยทั้งหล่อดูเจริญหูเจริญตา นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนจีนคลั่งไคล้ละครไทย
ละครไทยมีโครงเรื่องหลัก ๆ อยู่ 3 แบบ 1. ตบจูบ 2. เข้าใจผิด 3. ชิงรักหักสวาท โดยปกติพระเอกในเนื้อเรื่อง ร้อยทั้งร้อยมีฐานะดีมาก
อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หรูหลังใหญ่ ไม่ต้องทำงานก็มีเงินใช้ ตรงกันข้ามกับนางเอกซึ่งมักจะเป็นคนจนแสนจะธรรมดา

ละครแนวนี้พระเอกชอบกดขี่ข่มเหงนางเอกและปฎิบัติต่อฝ่ายหญิงด้วยท่าทีแข็งกร้าวจะเอาชนะ ชอบทำร้ายนางเอกให้เจ็บช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ
ทำให้นางเอกทั้งรักทั้งชังพระเอก แนวแบบนี้คนไทยเรียกว่า "แนวตบจูบ" ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องเก่าเล่าใหม่ที่เข้าขั้นซ้ำซาก แต่ก็ถูกนำเสนอแบบจริงใจ
ง่ายต่อความเข้าใจ แม้ว่าโครงเรื่องจะถูกผู้ชมวิจารณ์ว่า "น้ำเน่า" แต่เรทติ้งละครไทยก็ทำท่าจะดีวันดีคืน เพราะเดินเรื่องไม่อืดอาด
ความยาวของเรื่องไม่ยาวมากนักและมีวัฒนธรรมคล้ายจีน ทั้งหมดนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้ละครไทย โด่งดังเป็นพลุแตกในจีน

ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาราคาละครไทยพุ่งสูงขึ้นจากแต่ก่อนสิบกว่าเท่า เกือบจะเทียบเท่ากับละครชั้นนำของเกาหลีเลยก็ว่าได้
เพราะเมื่อละครไทยดังเปรี้ยงปร้างในจีน ราคาก็พุ่งสูงขึ้นเป็นธรรมดา และเมื่อนำมาเทียบกับลิขสิทธิ์ละครที่โดดเด่นคุณภาพคับแก้วของจีนแล้ว
พบว่าราคาพอ ๆ กัน อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ราคาลิขสิทธิ์สูงขึ้นก็เนื่องมาจากบริษัทภาพยนตร์โทรทัศน์ของจีนได้เดินทางไปติดต่อ
ขอซื้อลิขสิทธิ์ละครจากเมืองไทย ทางเมืองไทยก็เสนอราคามาสูง พอนำเข้ามาเมืองจีนก็ทำให้ราคาสูงตาม ถ้าวิเคราะห์ดี ๆ
จะเห็นว่าละครไทยนั้นขนาดยังมาไม่ถึงจุดสูงสุด แต่ราคาสูงขึ้นอย่างไม่หยุด แสดงให้เห็นถึงความนิยมของละครไทยในจีน


ดาราที่แฟนคลับจีนชอบที่สุด



พูดถึงดาราไทยถ้านับกันดูจริง ๆ แล้ว มีไม่มากเท่าไหร่ ดาราแนวหน้าของเมืองไทยเกินครึ่งจะเป็นลูกครึ่ง รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาดี
ส่วนใหญ่ไม่ได้เรียนจบทางด้านการแสดง ดาราไทยเหล่านี้จะเริ่มจากการเป็นนายแบบนางแบบมาก่อน หรือไม่ก็เป็นนักร้อง
แล้วค่อยมาเป็นนักแสดง เช่น ป้อง ณวัฒน์ ดาราไทยเชื้อสายจีน เป็นนายแบบสูง 1.83 ซม. หน้าตาดูดี รอยยิ้มมุมปาก
ที่ดูมีเลศนัย มีเสน่ห์แบบเพล์บอย




ทำให้สาวจีนคลั่งไคล้ไปตาม ๆ กัน อีกคนที่ดังไม่แพ้กัน คือ มาริโอ้ เมาเร่อ นักแสดงนำชายจากภาพยนตร์เรื่อง "รักแห่งสยาม"
ลูกครึ่งไทยจีนเยอรมัน แม้ว่าภาพยนตร์ที่เขาแสดงไม่ได้เข้ามาฉายในจีน แต่แฟนคลับชาวจีนได้ตั้งกระทู้บนอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับมาริโอ้
ไว้อย่างมากมายและขวนขวายหาผลงานของเขามาดู ด้านนักแสดงนำหญิง เช่น บี น้ำทิพย์เป็นนางแบบลูกครึ่งไทย จีน เยอรมัน,
อ้อม พิยดาและแอน ทองประสม ก็ดังไม่แพ้กัน

ข้อคิดเห็นของสคร.กวางโจว



นอกจากอาหารและมวยไทยแล้ว น่าจะเป็นโอกาสดีของภาพยนตร์โทรทัศน์ไทยที่ทางไทย - จีนน่าจะสนับสนุนซึ่งกันและกันได้
เพราะทั้งจีนและไทยไม่มีบาดแผลร่วมกันทางประวัติศาตร์ เราไม่มีการกระทบกระทั่งทางดินแดน ไม่เคยรุกรานกันเหมือนเกาหลีหรือญี่ปุ่น
ฉะนั้นเวลาที่คนจีนชอบศิลปินไทยก็ปลอดภัยจากความรู้สึกรักไปเกลียดไปเหมือนญี่ปุ่น หรือรักไปหมั่นไส้ไปเหมือนเกาหลี


แม้การเปิดประตูของแดนมังกรเพื่อต้อนรับความบันเทิงจากไทยในรูปแบบของละครจะกว้างขึ้นมาก ณ ปัจจุบัน ทว่าเมื่อพูดถึงเรื่องของเม็ดเงินจริงๆ
ที่ได้จากการขายลิขสิทธิ์ในแต่ละเรื่องซึ่งอยู่ที่หลักแสนบาท รวมถึงค่าตัวจากการบินไปโชว์ตัวที่จีนของดาราไทยจะยังไม่มากมายนัก
แต่ทั้งนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่การต่อยอดยังคงมีให้เห็นน้อยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับหน่วยงานที่น่าจะมองเห็น "โอกาส" จากตรงนี้มากกว่าใครเพื่อน

อย่างภาครัฐบาล ทั้งกระทรวงวัฒนธรรมฯ, ททท.ฯ ที่ควรจะส่งเสริมการดำเนินธุรกิจตามหลัก "Creative Economy" หรือ "เศรษฐกิจสร้างสรรค์"
โดยร่วมมือกับผู้จัดทำภาพยนตร์โทรทัศน์ที่มีประวัติเด่น ๆ เพื่อให้ผลิตผลงานคุณภาพออกสู่สายตาชาวโลก สำหรับททท.ฯ ควรมีโครงการร่วมมือ
กับจังหวัดต่างๆ ไปพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของในจังหวัดเพื่อให้ผู้จัดไปถ่ายทำภาพยนตร์ เมื่อภาพยนตร์หรือละครเรื่องนั้น
ประสบความสำเร็จก็จะทำให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเยี่ยมชม ภาคเอกชนยังสามารถผลิตของที่ระลึก
จากภาพยนตร์ออกมาจำหน่ายได้อีก ยกตัวอย่างเช่น กล่องของที่ระลึกจากภาพยนตร์ "สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก" มีแฟนคลับจีนประมูลในอินเตอร์เน็ต
ราคาสูงถึงกล่องละ 10,000 บาท เป็นต้น

การให้ความร่วมมือทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในการต่อยอด "การส่งออกวัฒนธรรม" ครั้งนี้

สคร. เมืองกวางโจว

ที่มา: http://www.depthai.go.th
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions