ตำนานดอกไม้ และ นาร์ซิลซัส ผู้หลงเงาตัวเอง

ตำนานดอกไม้ และ นาร์ซิลซัส ผู้หลงเงาตัวเอง

เริ่มโดย etatae333, 26 ตุลาคม 2013, 14:07:32

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

ตำนานดอกกุหลาบ(Rose)



ตำนานดอกกุหลาบของกรีกนี้ (ของไทยก็...เรื่องมัทนะพาธา มีที่มามาจาก
เรื่องความรักฉันชู้สาวระหว่าง เทพีอโฟรไดท์ (วีนัส) กับอาโดนิส


เมื่อเทพีอโฟรไดท์ไปเที่ยวเล่นในป่าแล้วเจอต้นไม้ต้นนึงกำลังจะโค่น พอมันโค่นลงมาก็ปรากฏว่ามีทารกเพศชาย
อยู่ในโพรงไม้ เทพีอโฟรไดท์จึงนำเด็กไปฝากไว้กับ เทพีเพอร์เซโฟนี่ (ภรรยาของ เทพเฮเดส เจ้าแห่งยมโลก)
ให้เลี้ยงไว้ก่อน


เวลาผ่านไป 15 ปี อาโดนิสเติบโตเป็นหนุ่มรูปงามแล้วอะโฟรไดท์ก็ไปเห็นเข้า (อย่าลืมว่าเทพน่ะ ไม่แก่ ไม่ตายนะ)
เกิดตกหลุมรักจึงไปขออาโดนิสคืนจากเทพีเพอร์เซโฟนี่ แต่ฝ่ายโน้นก็ไม่ยอมจนทะเลาะกัน แล้วซูส (เจ้าเก่า)
ก็ต้องมาตัดสินให้ตามธรรมเนียม ผลสรุปก็คือ ให้อาโดนิสอยู่กับอะโฟรได้ท์ 4 เดือน อยู่กับเทพีเพอร์เซโฟนี่ 4 เดือน
แล้วอีก 4 เดือนจะไปอยู่ไหนก็ไป

ทางด้าน เอรีส (มาร์ส ชู้รัก(อีกคน)ของอะโฟรได้ท์) เห็นว่าอโฟรไดท์หลงเด็กใหม่อาโดนิส (ริเลี้ยงต้อย...)
ก็เลยโกรธแค้นมาก คิดหาทางแก้แค้นประกอบกับตัวอาโดนิสเองชอบการล่าหมูป่ามาก แผนการร้ายโดย
เทพเเห่งสงครามจึงเริ่มขึ้น นั่นก็คือ วันหนึ่งซึ่งเป็นวันที่อาโดนิสจะต้องอยู่กับอโฟรไดท์ อาโดนิสได้ออกไป
ล่าหมูป่าอีก อโฟรไดท์ก็ตามไปด้วยความเป็นห่วง แต่ก็อ่ะนะ...แค่ช่วงนิดเดียวที่อาโดนิสคลาดสายตาไป
เรื่องร้ายก็เกิดขึ้นจนได้!!!


เอรีสที่แปลงร่างเป็นหมูป่าก็ตรงเข้าขวิดอาโดนิสถึงแก่ความตายทันที!!!



กว่าอโฟรไดท์จะมาถึง อาโดนิสก็กลายเป็นศพนอนจมกองเลือดแล้ว อโฟรไดท์ตรงเข้าไปร่ำไห้
กับร่างไร้วิญญาณด้วยความเสียใจน้ำตาของเทพีแห่งความงามรวมกับเลือดของอาโดนิสได้รวมตัวกัน
เกิดเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งให้ชื่อว่า ดอกกุหลาบ


เทพีอะโฟรได้ท์จึงอธิษฐานให้ดอกไม้ชนิดนี้เป็นดอกไม้แทนความรักระหว่างกัน
ดอกกุหลาบจึงถูกใช้เป็นเครื่องหมายแสดงความรักในวันสำคัญ เช่น วาเลนไทน์ นับแต่นั้นเป็นต้นมา...



ดอกไฮยาซินธ์ (Hyacinth)



"ดอกไฮยาซิน" เป็นดอกไม้ที่ฝรั่งชอบกันมากสาวไทยเราก็เห็นกันบ่อย ๆ ในแม่น้ำลำคลอง
เพราะมันก็คือ "ดอกผักตบชวา "นั่นเอง


ตำนานของดอกไม้ดอกนี้ค่อนข้างเศร้าเป็นบทเรียนถึงแรงริษยาที่ทำลายชีวิตบริสุทธิ์ให้พินาศไปว่ากันว่า 
" ไฮยาซิน " เป็นชื่อของพระราชกุมารโอรสของกษัตริย์องค์หนึ่ง  พระโอรสองค์นี้ทรงหล่อมาก ๆ 
จนแม้แต่เทพอย่าง " อพอลโล่ "  ก็ยังมาติดเนื้อต้องใจแวะเวียนมาหาอยู่บ่อย ๆ จนในที่สุดก็ลืม
กลับสวรรค์ไปเลย 


แต่คนหล่อ ๆ ก็ต้องมีคนหมายปองเป็นธรรมดา  นอกจากอพอลโล่แล้วเทพเจ้าลมตะวันตก "เชอฟีรัส " ก็แอบหลงรัก
ไฮยาซินอยู่เหมือนกัน เซอฟีรัสพยายามรอจังหวะที่อพอลโล่จะกลับสวรรค์เสียที่  ตัวเองจะได้เข้ามาจีบเจ้าชายรูปงามบ้าง 
แต่รอเท่าไรอพอลโล่ก็มัวแต่กินเด็กไม่ยอมไปไหน ความรักของเซอฟิรัสก็เลยเปลี่ยนเป็นความหึงและความเกลียด 
เมื่อฉันไม่ได้คนอื่นก็อย่าหวังจะได้  ว่างั้นเถอะ 



วันหนึ่งอพอลโล่กับไฮยาซินเล่นขว้างจักรกัน  แต่เมื่อถึงตาที่อพอลโล่เป็นคนขว้างไปหาคนรัก  เซอฟีรัสได้ที
ก็เลยแกล้งออกแรงเป่าลมไปที่จักร  ทำให้มันพุ่งแรงกว่าที่อพอลโล่ตั้งใจ  พุ่งไปปักอกของเจ้าชายไฮยาชิน
ฝ่ายไฮยาซินทัสทนพิษบาดแผลไม่ไหว สิ้นใจตายตรงนั้นเอง...


อพอลโล่รีบวิ่งไปประคองคนรักแต่ก็ตายเสียแล้ว  เทพอพอลโล่ผู้ไม่อยากจะพรากจากคนรัก
จึงเสกให้เลือดของไฮยาชินที่ไหลท่วมกลายเป็นดอกไม้แสนงามสีแดงเหมือนเลือด แล้วตั้งชื่อมันว่าดอกไฮยาชิน 
แต่เมื่อน้ำตาของอพอลโล่หยดลงไปถูกดอกไฮยาชิน เกิดเป็นดอกไม้สีสวยขึ้น 1 กอ สีแดงของดอกไม้ก็เปลี่ยน
เป็นสีม่วงอย่างที่เราเห็นกัน  ว่ากับว่ากลีบดอกไม้เป็นรูปหยดน้ำตาที่เทพอพอลโลหลั่งรินบนเลือดของไฮยาซินทัสด้วย
ทุกวันนี้นั้นเองการให้ดอกไฮยาซินธ์กับใคร มีความหมายโดยนัยว่า "ยกโทษให้ชั้นเถอะนะ"




ตํานานดอกตะวัน (Flower sun)



เคยได้กล่าวถึงเรื่องของสุริยเทพไปแล้ว คราวนี้เลยจะขอเล่าถึงตำนานรักที่เกี่ยวข้องกับสุริยเทพบ้าง คือเรื่องของนางไคลทีเอ
ผู้หลงรักสุริยเทพจนต้องกลายเป็นดอกทานตะวัน


นางไคลทีเอ (Clytië) เป็นพี่สาวของนางลูโคธีอา(บางที่ว่านางลูโคโธเอ) ซึ่งสุริยเทพเฮลิออสมาหลงรัก จนต้องปลอมเป็น
มารดาของนางลูโคธีอาเพื่อเข้าหานาง พอเข้าห้องนางได้ก็กลับเป็นเฮลิออสร่วมหลับนอนกับนาง (ชั่วมากกกกกกก)
นางไคลทีเอซึ่งหลงรักสุริยเทพอยู่รู้เข้าก็เกิดริษยา จึงไปฟ้องกษัตริย์ออร์คามัสผู้เป็นบิดา ทำให้นางลูโคธีอาถูกลงโทษ
ให้ฝังทั้งเป็น สุริยเทพเฮลิออสเสียใจมาก จึงบันดาลให้นางลูโคธีอากลายเป็นพุ่มไม้หอมหรือกำยาน แต่ก็ไม่ได้มารักใคร่
ไยดีอะไรกับนางไคลทีเอ หนำซ้ำจะเกลียดขี้หน้าหนักเข้าเสียอีก




นางไคลทีเอจึงต้องทุกข์ระทมอยู่ลำพัง นางเฝ้าคร่ำครวญหาสุริยเทพ ไม่ยอมแตะต้องทั้งอาหารและน้ำเลยติดต่อกันถึง ๙ วัน
(อึดเป็นบ้า) จนรากงอก กลายเป็นดอกทานตะวัน คอยหันหน้าตามดวงอาทิตย์ตั้งแต่อรุณรุ่งจนกระทั่งอาทิตย์อัสดงตลอดไป



อีกตำนานเล่าว่า นางไคลทีเอเป็นนางอัปสรประจำลำธาร นางหลงรักเทพอพอลโลในฐานะสุริยเทพ แต่อพอลโลไม่มีใจตอบ
นางจึงได้แต่นั่งเฝ้ามองอพอลโลขับรถดวงตะวันข้ามฟากฟ้าตั้งแต่เช้าจรดเย็น ติดต่อกันถึง ๙ วัน โดยไม่เป็นอันกินอันนอน
จนกระทั่งกลายเป็นดอกทานตะวัน คอยเฝ้ามองดวงตะวันไปตลอดกาล ดอกทานตะวันจึงเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงจริงใจ
เหมือนกับนางไคลทีเอที่มั่นคงต่อสุริยเทพแต่เพียงผู้เดียวจนต้องกลายเป็นดอกทานตะวันนั่นเอง



นาร์ซิลซัส (Nacissus)ผู้หลงเงาตัวเอง



อีกตำนานที่จะเล่าคราวนี้ คือตำนานดอกพลับพลึง หรือเรื่องของนาร์ซิสซัสนั่นเอง คราวนี้เราจัดให้เป็นแพคเกจ
คือนาร์ซิสซัส แล้วแถมด้วยนางเอคโค (ก็มันเกี่ยวกันอยู่น่ะนะ) จะเป็นอย่างไรนั้น เชิญติดตาม


นาร์ซิสซัส เป็นบุตรของนางอัปสรเลไรโอเพ กับเทพประจำแม่น้ำเซฟิสซัส นาร์ซิสซัสเป็นหนุ่มรูปงาม หล่อมากกกกกกกก
จนมีผู้มาหลงรักมากมายทั้งหญิงและชาย (โอ้ว้าว o___O) แต่นาร์ซิสซัสก็ไม่ได้มีใจตอบผู้ใดเลย


ในบรรดาผู้ที่มาหลงรักนาร์ซิสซัสนี้ มีนางอัปสรเอคโครวมอยู่ด้วยนางเอคโคนี้ ถูกเทวีฮีราสาปให้ไม่สามารถพูดสิ่งใดได้
นอกจากพูดทวนคำที่มีคนพูดก่อนเท่านั้น นางเอคโคหลงรักนาร์ซิสซัส แต่ไม่สามารถพูดได้ดั่งใจคิดได้ นาร์ซิสซัส
พูดอะไรก็ได้แต่พูดตาม จนนาร์ซิสซัสโมโห นึกว่ามาล้อกันเล่น จึงด่าว่าตัดรอนนางเอคโคอย่างไม่ไยดี

นางเอคโคทั้งเสียใจทั้งโกรธ เลยสวดอ้อนวอนต่อเทวีเนเมซิส-เทวีแห่งการแก้แค้นหรือกรรมตามสนอง ขอให้นาร์ซิสซัส
มีรักที่ไม่สมปรารถนาบ้าง จะได้รู้ถึงความรู้สึกของผู้อื่น (บางตำนานก็ว่าเป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกนาร์ซิสซัสปฏิเสธ
หรือบ้างก็ว่าเป็นเหล่าหญิงสาวที่ถูกนาร์ซิสซัสหักอกชนิดไม่ถนอมน้ำใจ)




เทวีเนเมซิสก็บันดาลให้ตามที่นางเอคโค(หรือใครก็ตาม)ขอ เมื่อนาร์ซิสซัสแวะดื่มน้ำที่ลำธารแห่งหนึ่ง มองลงไปในน้ำ
เห็นเงาตัวเองก็เกิดหลงเงานั้น แต่เมื่อเอื้อมมือไปจะคว้าเงา เงานั้นก็กลับเลือนไปไม่สามารถคว้าได้ (ก็แหงล่ะย่ะ เงาในน้ำนี่)
นาร์ซิสซัสจึงได้แต่นั่งเฝ้ามองเงาของตนด้วยความหลงใหล จนรากงอก กลายเป็นดอกพลับพลึงอยู่ริมน้ำตั้งแต่นั้นมา


และมีอีกตำนาน ซึ่งไม่ค่อยเป็นที่รู้จักนัก บอกว่านาร์ซิสซัสมีน้องสาวฝาแฝดอยู่คนหนึ่ง
ซึ่งนาร์ซิสซัสรักมาก แต่น้องสาวฝาแฝดก็เสียชีวิตไป นาร์ซิสซัสเสียใจมาก และวันหนึ่ง ขณะไปดื่มน้ำที่บ่อน้ำ
มองลงไปในน้ำก็เกิดเห็นเงาตัวเองเป็นเงาน้องสาว จึงเฝ้ามองเงานั้นไม่เป็นอันกินอันนอน จนเสียชีวิตและกลาย
เป็นดอกพลับพลึงไปในที่สุด




ส่วนนางเอคโค (Echo) นั้นเดิมเป็นนางอัปสรที่มีศิลปะในการพูดเป็นเลิศ (แปลเป็นภาษาชาวบ้านว่าพูดมากนั่นเอง)
เทพซูสหรือจูปิเตอร์จึงใช้ให้คอยพูดจาชักจูงเทวีฮีราไว้ตอนที่พระองค์จะไปหากิ๊ก(หรือชู้นั่นเอง) พอเทวีฮีรารู้ว่าซูสแอบไป
หากิ๊กอีกแล้วก็โกรธ และจะรีบตามไป แต่เจอนางเอคโคมาขวางไว้ และพูดจาจนเทวีฮีราฟังเพลินอยู่เป็นนาน กว่าเทวีฮีรา
จะรู้ตัวว่าโดนหลอกถ่วงเวลา ก็ตามซูสไม่ทันแล้ว จึงโกรธและสาปนางเอคโค ไม่ให้สามารถพูดอะไรได้อีก นอกจากจะพูดทวน
สิ่งที่มีผู้อื่นพูดก่อนเท่านั้น

นางเอคโคโดนสาป เสียความสามารถในการพูด ไม่สามารถพูดได้อย่างคนอื่นเขาอีกก็อับอาย จึงหลีกลี้หนีไปอยู่ตามลำพัง
ในถ้ำในป่าเขา แต่เจ้ากรรมดันไปเจอนาร์ซิสซัสอีก เกิดหลงรักนาร์ซิสซัสแต่ไม่ได้รับความรักตอบ นางจึงตรอมใจจนเสียชีวิต
เหลือแต่เสียงไว้ตามป่าเขา คอยสะท้อนตอบเสียงของผู้คนที่กู่ร้อง คำว่าเอคโค (Echo) จึงมีความหมายถึงเสียงสะท้อนนั่นเอง

credit :: greeknovel
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

oomaim

friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
Post by Speed Boom Origin SBO