Christine and Lea Papin สัตว์ประหลาดสองพี่น้อง

Christine and Lea Papin สัตว์ประหลาดสองพี่น้อง

เริ่มโดย etatae333, 11 กันยายน 2015, 11:19:09

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

etatae333

Christine and Lea Papin สัตว์ประหลาดสองพี่น้อง




นี้ไม่ใช่การฆาตกรรม แต่เป็น "การปฏิวัติ!!"

ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 1933 ได้เกิดคดีฆาตกรรมสยองขวัญช็อกโด่งดังไปทั่วประเทศฝรั่งเศส เมื่อสองแม่ลูกชนชั้นกลางในเมืองเลอมองส์
ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมโดยสองแม้บ้านสองพี่น้อง อายุ 21 และ 27 ปี ที่อาศัยอยู่ในบ้านพวกเขาเอง สองแม่ลูกไม่ได้ฆ่าธรรมดา
เพราะสองสาวใช้โหดยังควักลูกตาของพวกเขาออกมาด้วยมือของพวกเขาในขณะที่สองแม่ลูกยังมีชีวิตอยู่ ก่อนที่จะถูกฆ่าด้วยค้อน เหยือกโลหะ
และมีดอย่างอำมหิต ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน หัวและหน้าของผู้ตายเละจนแทบจำหน้าตาตอนมีชีวิตอยู่ไม่ได้


แต่เรื่องราวพิลึกพิลั่นยังไม่จบ เมื่อสองสาวใช้ทำการฆาตกรรมสองแม่ลูกนายจ้างเสร็จ พวกเขาไม่ได้พยายามที่จะหลบหนีแต่อย่างใด
ทั้งสองกลับนอนบนเตียงในสภาพเปลือยกายและอยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน แน่นอนว่าใครมาเห็นภาพดังกล่าวก็รู้ทันทีว่าทั้งสอง
เป็นคู่รักร่วมเพศและร่วมประเวณีที่ผิดประเพณี คดีฆาตกรรมดังกล่าวได้กลายเป็นคดีอื้อฉาว ประชาชนต่างโกรธแค้นกับความโหดเหี้ยม
และความพิลึกของผู้ก่อคดี ส่วนสื่อมวลชนได้ตีไข่คดีให้สองพี่น้องกลายเป็นสัตว์ประหลาดในสายตาของผู้คน และแล้วชื่อของสองพี่น้องคริสติน
และ ลีอา พาพินก็เป็นที่รู้จักไปทั่วแผ่นดิน และกลายเป็นตำนานสยองขวัญ โรคจิต  สั่นประสาทของประวัติศาสตร์คดีฆาตกรรมของฝรั่งเศส ในที่สุด

คริสติน พาพิน( 8 มีนาคม 1905   18 พฤษภาคม 1937) และ ลีอา  พาพิน (15 กันยายน 1911 1982) เป็นสองพี่น้องแม่บ้านชาวฝรั่งเศส
ที่ฆ่าภรรยาและลูกสาวของนายจ้างในเลอมองส์ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 1933 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีอิทธิพลอย่างมีนัยสำคัญ
เกี่ยวกับปัญญาชนฝรั่งเศสในเวลาต่อมา  โดยฌอง-ปอล ซาตร์ นักปรัชญาลัทธิอัตถิภาวะนิยมกับซีโมน เดอ โบวัวร์ ภรรยาของเขา เคยกล่าวว่า
คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงสงครามระหว่างชนชั้น ในขณะที่ฌากส์ ลาคอง นักจิตวิเคราะห์ชื่อดังเคยใช้คดีนี้เป็นพื้นฐานในการตั้งทฤษฎีเกี่ยวกับโรคจิต
และเคยเรียกความผูกพันกันอย่างลึกซึ้งของฆาตกรสาว 2 คนนี้ว่า "Siamese souls" และเรื่องราวของทั้งสองถูกสร้างเป็นภาพยนตร์และละครเวที
โศกนาฏกรรมมากมายของฝรั่งเศสในเวลาต่อมา  ตัวอย่าง เช่น ฌอง เฌอเนต์ นักประพันธ์ชื่อดังชาวฝรั่งเศสก็เคยนำคดีนี้มาสร้างเป็นละครเวที
เรื่อง The Maids นอกจากนี้ แนนซี  ซึ่งเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ก็เคยนำคดีนี้มาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง Sister My Sister ในทศวรรษ 1990

คริสตินและลีอา พาพิน เติบโตในครอบครัวชาวนาที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านทางตอนใต้ของเลอมองส์ สองพี่น้องที่มีอายุห่างกัน 7 ปี ซึ่งมีประวัติชีวิต
วัยเด็กที่สุดแสนจะสับสนและสุดเลวร้าย พ่อของพวกเธอคือกุสตาฟเป็นคนติดแอลกอฮอล์ และเคลมองซ์แม่ของพวกเขาขึ้นชื่อเป็นผู้หญิงที่มีนิสัย
สำส่อนผู้ชายและมีความเป็นแม่น้อยมาก อีกทั้งเธอไม่ได้รักกุสตาฟ หากแต่ในปี 1901 เธอถูกบังคับให้แต่งงานเพราะเธอตั้งครรภ์กับเด็กคนแรก
ของพวกเขานั้นคือ อมิเลีย พี่สาวคนโตสุดของครอบครัว หลังจากที่ลูกคนที่สองซึ่งก็คือคริสตินก็ถือกำเนิดบนโลกในปี 1905 แต่ เคลมองซ์
ไม่อยากเลี้ยงเด็กทั้งสองจึงส่งไปให้น้องสาวของกุสตาฟเลี้ยง ในปี 1911 เธอก็ให้กำเนิด ลีอา และเวลานั่นเองพ่อของสองพี่น้องก็ได้ข่มขืน อมิเลีย
จนเป็นเหตุทำให้บ้านแตกสาแหรกขาด เคลมองซ์จึงตัดสินใจหย่าขาดกุสตาฟทันที ความจริงแล้วการกระทำของเธอไม่ได้ทำเพราะเป็นห่วงสวัสดิการ
ของลูกสาวหากแต่เธอปรารถนาที่จะลงโทษสามีสำหรับความไม่ซื่อสัตย์ของเขา ซึ่งเวลานั้นทั้งสองคนนี้แทบไม่รู้จักพ่อของตัวเอง และคริสติน
และ อมิเลียถูกย้ายไปให้สถานเด็กกำพร้าเลี้ยง ส่วนลีอาให้ญาติเลี้ยง และต่อมา อมิเลียก็บวชเป็นชี



   

ต่อมาคริสตินมีความตั้งใจจะเดินตามรอยพี่สาวซึ่งบวชเป็นชี หากแต่ได้รับการปฏิเสธจากเคลมองซ์แม่ของเธอ หลังจากนั่นเป็นต้นมาเคลมองซ์
ควบคุมลูกสาวทั้งสองด้วยความเข้มงวด  อีกทั้งบังคับให้คริสตินทำงานหาเงินด้วยความยากลำบาก และส่งผลให้คริสตินรู้สึกเกลียดชังแม่เป็นอย่างมาก
ในขณะเดียวกันคริสตินรู้สึกผูกพันกับลีอา  เนื่องจากลีอาเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายที่เป็นที่ยึดเหนียวจิตใจชองคริสตินในที่ผู้หญิงคนอื่นๆที่เคยมีความสำคัญ
ต่อคริสตินต่างทอดทิ้งเธอไปหมด ส่วนลีอาก็รักพี่สาวของเธอเองเช่นกัน แม้ทั้งสองจะแยกห่างจากกันช่วงหนึ่ง แต่เมื่อกลับมาพวกเขาก็ยักรักใคร่ยิ่งกว่าเดิม
และลีอาก็ต้องการจะทำงานร่วมกับพี่สาวมากเท่าที่จะเป็นไปได้


นักจิตวิเคราะห์ได้ทำการตั้งข้อสังเกตอาการทางจิตของคริสตัน เชื่อว่าเธอมีอาการทางจิตประเภทจิตเภทหวาดระแวง ซึ่งจิตเภทที่พบได้มากที่สุดในเกือบ
ทุกส่วนของโลก ซึ่งอาการของผู้ป่วยชนิดดังกล่าวจะมีอาการหลงผิด และมักหวาดระแวง หลอนประสาท ซึ่งความรักษาทันทีก่อนที่ผู้ป่วยจะก่อเหตุร้ายแรงขึ้น
หากแต่ทศวรรษที่ 1930 ยังไม่มีการรักษาเกี่ยวกับโรคภัยเธอมากนัก ส่วนลีอานั่นนักจิตวิเคราะห์เชื่อว่าเธอไม่มีอาการทางจิต อย่างไรก็ตามเนื่องด้วย
ลีอาเป็นคนขี้อาย ขี้กังวล อีกทั้งสติปัญญาค่อนข้างต่ำ ทำให้เธอถูกครอบงำโดยพี่สาว ชนิดว่าพี่สาวทำอะไรเธอก็ทำตาม

ที่น่าสังเกตคือครอบครัวและญาติของพี่น้องนั้นมีปัญหาเรื่องความรุนแรง ปู่ของทั้งสองมีอารมณ์รุนแรงและทุกข์ทรมานจากโรคลมชัด
ญาติบางคนเสียชีวิตเพราะการฆ่าตัวตาย ส่วนพ่อของพวกเธอก็มีปัญหาเรื่องการดื่มและข่มขืนพี่สาวของทั้งสอง การหย่าร้างที่ทำให้คริสตินต้องไปอยู่
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า จนกระทั้งเธอมีอายุพอที่จะทำงาน แม่ของพวกเขาที่มาเยี่ยมเยือนบ่อยๆ ได้ควบคุมคริสติน จนคริสตินเกลียดชังแม่ตนเอง
สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้สภาพจิตใจ ของคริสตินตกต่ำจนก่อเรื่องร้ายแรงในที่สุด

คริสตินและลีอา ต้องหาเงินให้แก่ครอบครัวด้วยการเป็นสาวใช้ในครอบครัวชั้นกลางในเลอมงค์ โดยมีหน้าที่ทำความสะอาดและปรุงอาหารแม้หน้าที่การงาน
ของทั้งสองทำจะไม่มีข้อตกบกพร่อง แต่ทั้งสองต้องเปลี่ยนนายจ้างหลายครั้งในปีแรก เพราะค่าจ้างที่ทั้งสองได้รับไม่เพียงพอต่อความต้องการของแม่ของเธอ



ในปี 1926 คริสตินและลีอาได้เข้าทำงานเป็นสาวใช้ในบ้านของครอบครัวลองเซอแลงในเมืองเลอม็อง ครอบครัวประกอบด้วยเรอเน ลองเซอแลงทำอาชีพ
ทนายความ ซึ่งเขามีลีโอนี่ ลองเซอแลงภรรยาและลูกสาวอาศัยอยู่ในบ้าน  แม้ว่าครอบครัวจะสงบสุขอาศัยอยู่ในทาวน์เฮาส์ที่ดีในบ้านเลขที่ 6 รู บรูแยร์
ซึ่งมีลูกสาวชื่อเจเนวีฟอาศัยอยู่ด้วย แต่เขาก็ไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้าน ดังนั้นเพื่อลดภาระของภรรยาเขาเลยตัดสินใจจ้างคริสตินมาเป็นแม่บ้าน หลังจากทำงาน
สองเดือนพวกเขาก็ตัดสินใจจ้างลีอาน้องสาวของคริสตินมาอยู่ด้วย คริสตินเป็นคนทำอาหารเก่งและลีอาก็ทำงานไม่มีตกบกพร่อง อีกทั้งมาดามลองเซอแลง
นั้นเป็นนายจ้างที่ดีต่อพี่น้องคู่นี้มากกว่านายจ้างคนก่อนๆ

อย่างไรก็ดี ทั้งสองคนก็ยังคงต้องทำงานหนักเกือบตลอดเวลา ซึ่งพวกเขาทำงาน 12 ถึง 14 ชั่วโมง ที่จะต้องทำงานเล็กๆ น้อยจำพวกขัดบันไดให้ขึ้นเงา,
ซักผ้า และต้องคอยปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายอยู่เสมอ อีกทั้งทั้งสองมีวันหยุดเพียงครึ่งวันต่อสัปดาห์ เพื่อเข้าโบสถ์ทุกวันอาทิตย์


 
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาคริสตินและลีอาชอบใช้เวลาพักอย่างสุขสรรค์ในห้องเล็กๆ ใต้หลังคาชั้นสามของบ้านด้วยกันการมีเพศสัมพันธ์ด้วยกัน พวกเขาขลุก
แต่อยู่ในห้องเล็กๆ ห้องนั่น ชนิดเรียกว่าพวกเขาไม่ค่อยออกไปไหน ไม่ว่าจะเป็นง่านเต้นรำงานเลี้ยง หรือไปสร้างมิตรภาพกับแม่บ้านคนอื่นใกล้เคียง


ภายใต้สาวรับใช้ที่มีความมืออาชีพ แม้เงินเดือนน้อย(เงินถูกส่งไปให้แม่ทั้งสองหมด) แต่ทั้งสองทำงานยอดเยี่ยม ไม่ว่าการเตรียมอาหารที่อุดมสมบูรณ์
น้ำอุ่นห้องพักพร้อม พวกเขาเป็นที่อิจฉาของนายจ้างชนชั้นกลางที่อยากได้สาวใช้แบบนั้นบ้าง แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยปัญหาเรื่องบุคลิกภาพ นิสัย คริสติน
เป็นสาวที่นิสัยขี้ใจน้อย หยิ่งหยองและดื้อดึง ส่วนลีอาขอให้เธออยู่กับคริสตินก็ไม่ต้องการอะไรทั้งสิ้น เธอหัวอ่อนเกินไปทำให้ถูกคริสตินชักจูงได้ง่าย 
อย่างไรก็ตามนายจ้างก็ไม่ได้สนข้อเสียดังกล่าว ยังคงจ้างทั้งสองต่อไป เพราะส่วนมากคนที่สั่งงานคือมาดามลองเซอแลง ซึ่งเธอสั่งคริสตินโดยการเขียน
จดหมายมากกว่าการสื่อสารด้วยวาจา ทำให้นายจ้างไม่ค่อยรู้เรื่องลูกจ้างทั้งสองมากนัก ซึ่งพวกเธอทั้งสองทำงานครอบครัวดังกล่าวยาวนานต่อเนื่องถึง 7 ปี
โดยไม่ปริปากบ่นแม้แต่น้อย



อย่างไรก็ตามจุดเริ่มต้นของฆาตกรรมก็ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อคริสตินถึงจุดสิ้นสุดความอดทน เมื่อมาดามลองเซอแลงมีความเข้มงวดมากเกินไป เธอมักทดสอบ
ด้วยการเอามือที่สวมถุงมือสีขาวขีดบนเฟอร์นิเจอร์เกือบทุกชิ้นเพื่อตรวจหาว่ามีฝุ่นจบหรือไม่ มีอยู่ครั้งหนึ่งมาดามถึงกลับตะโกนด่าอย่างบ้าครั้งเมื่อลีอาพลาด
มีเศษกระดาษตกบนพื้นในขณะที่ทำความสะอาด สิ่งเหล่านี้ทำให้คริสตินเปรียบเทียบมาดามเหมือนแม่ที่เข้มงวดของตนเอง อีกทั้งคริสตินเริ่มหวาดระแวงว่า
มาดามลองเซอแลงอาจค้นพบความลับของทั้งสอง และคริสตินยังรู้สึกอิจฉาที่ลีอาไปใกล้ชิดสนิทสนมกับเจเนวีฟด้วย ความรู้สึกเหล่านี้ผลักดันให้คริสติน
กระทำการฆาตกรรมมาดามลองเซอแลงและลูกสาวโดยมีลีอาเป็นผู้ช่วยในเวลาต่อมา

ในวันที่เกิดเหตุ 2 กุมภาพันธ์ 1933 เวลานั่นคริสตินอายุ 28 ส่วนลีอาอายุ 21 ปี ซึ่งวันนั้นมาดามองเซอแลงได้ออกไปข้างนอกเพื่อไปช้อปปิ้งและบอก
ไม่ต้องเตรียมอาหารค่ำ เพราะจะไปทานอาหารค่ำกับคุณผู้ชายข้างนอก ทำให้สองพี่น้องมีเวลาเหลือเฟือในการทำงานบ้าน และเสร็จงานก็เข้าห้องนอน
ตามปกติ และไม่จำเป็นต้องเปิดไฟในบ้าน อย่างไรมันก็เกิดเรื่องขึค้น เมื่อคุณนายและลูกสาวกลับมาบ้านในช่วงเย็น 5:30 น.
(คดีฆาตกรรมสิ้นสุดลงเมื่อ 7:00 น.) และพบว่าบ้านไม่เปิดไฟ


เธอจึงขึ้นบันไดเพื่อตำหนิคริสตินว่าทำงานบกพร่อง และเมื่อคริสติที่ตอนนั้นอยู่ในห้องกับลีอาออกมาฟังมาดามด่าก็ทนไม่ไหว จึงใช้คริสตินพุ่งเข้าโจมตี
มาดามและลูกสาว จนมาดามตกบันไดลงพื้นบ้าน หลังจากนั้นคริสตินก็เข้าไปในห้องครัว ใช้เหยือกดีบุกผสมตะกั่ว ค้อนตีหัวมาดามและลูกสาวนับไม่ถ้วน
(ลูกสาวของมาดามตายก่อนหน้าแม่ของเธอ) แม้ว่ามาดามจะพยายามขัดขื่นต่อสู้ แต่คริสตินก็ได้ตะโกนให้ลีอามาช่วย ลีอาช่วยเอาค้อนทุบหัวมาดาม
และควักลูกตาเธออก (คริสตันควักลูกตาลูกสาวมาดาม) และปิดท้ายกระโปรงเจเนวีฟขึ้นเหนือหัวศีรษะ และจากนั้นก็ใช้มีดจิ้มแทงที่ชาและต้นขา
หลังจากที่ทั้งสองเสร็จสิ้นการฆาตกรรม ทั้งสองก็ทำการล้างเลือดและความสะอาดบ้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็รับประทานอาหารเย็นก่อนที่
จะเข้านอนด้วยกัน


ต่อมาคุณผู้ชายได้กลับมาบ้านแต่เข้าบ้านไม่ได้ เพราะว่าประตูถูกล็อกและถูกล่ามโซ่จากด้านใน และเมื่อเขาสั่งกระดิ่งและตะโกนเพื่อหาคนเปิดประตู
ก็ไม่มีใครตอบรับ เขารู้สึกเห็นท่าไม่ดี แม้ตอนแรกเขาคิดว่าไม่มีใครอยู่บ้านเพราะบ้านมืดสนิท แต่แล้วเขาก็เห็นแสงเทียนไขชั้นสามตัวบ้านซึ่งเป็นห้องสาวใช้
ทำให้เชื่อว่ามีคนอยู่บ้าน จึงเรียกตำรวจ และเมื่อเมื่อตำรวจทำการปีนเข้าไปในหลังบ้าน ผ่านห้องครัวซึ่งดูเหมือนเรียบร้อยดี ของใช้วางเป็นระเบียบ
และเมื่อตำรวจใช้ไฟฉายกวาดตามทางนำไปสู่ชั้นสองของตัวบ้านพวกเขาก็พบศพของมาดามและลูกสาวของเธอถูกฆาตกรรมอย่างสยดสยอง
โดยถูกของแข็งตีที่หน้าจนเละจนไม่แทบไม่สามารถจำหน้าเดิมได้ อีกทั้งลูกนัยน์ตาถูกควักออก และหนึ่งในลูกลูกนัยน์ตาซึ่งเป็นของลูกสาวตกอยู่พื้นที่ใกล้เคียง
และลูกนัยน์ตาของมาดามถูกพบในผ้าพันคอของเธอ ส่วนแม่บ้านทั้งสองถูกพบอยู่ชั้นบนของห้องพักในเตียงร่วมกัน และทั้งสองก็สารภาพอย่างเลือดเย็นว่า
เป็นคนฆ่าทั้งสองอาวุธที่ใช้คือมีดทำครัว ค้อน และเหยือกดีบุกผสมตะกั่วที่พวกเธอทิ้งไว้ด้านบนของบันได



   

หลังจากมีการจับกุมสองสาวใช้ฆาตกร ลีอาก็สารภาพทันทีว่าเธอกับคริสตันร่วมมือการฆ่านายจ้างและลูกนายจ้างตาย อย่างไรก็ตามทั้งสองไม่แสดงความ
เสียใจหรือสำนึกผิดในสิ่งที่กระทำ เช้าวันวันถัดมา ข่าวฆาตกรรมที่สยดสยองนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วฝรั่งเศสและหนังสือพิมพ์ต่างลงข่าวเกี่ยวกับหัวข้อมากมาย
หลายคนต่างประณามในสิ่งที่สองสาวใช้ทำ ในขณะที่บางคนต่างให้ความเห็นว่าน่าเห็นใจเพราะความกดดันสภาพการทำงาน ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนดู
ลึกกว่านั่นโดยกล่าวว่ามันเป็นการตอบโต้ของชนชั้นกรรมกร ที่ประชาชนชาวฝรั่งเศสในทศวรรษ 1930 ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะในตอนนั้นแทบเป็น
ไปไม่ได้เลยที่ชนชั้นล่างจะสามารถฆ่าชนชั้นกลางที่ร่ำรวยและได้รับความนับถือในสังคม นอกจากนี้ การฆาตกรรมครั้งนี้ยังมีฆาตกรเป็นผู้หญิงและเหยื่อ
เป็นผู้หญิง โดยฆาตกรยังเป็นพี่น้องที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกันเอง


แน่นอนว่าวันที่สองพี่น้องสาวใช้ถูกควบคุมตัวมาขึ้นศาลเมื่อเดือนกันยายน 1933 ไม่แปลกแต่อย่างใดที่มีฝูงชนต่างแห่ดักรอหน้าศาลเข้ามาดูเพื่อความสนใจ
จนแน่นขนัด ซึ่งกว่าที่ตำรวจจะสามารถควบคุมฝูงชนในวันขึ้นศาลวันแรกได้กว่าปาไปกว่า 13 ชั่วโมง


ในระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาลคริสตินมีพฤติกรรมเอียงอายและไม่ใช้สายตาจ้องข้างหน้าแบบตรงๆ ส่วนลีอาใจลอยเหมือนอยู่อาการช็อก และกังวล
กับสิ่งที่พวกเขาจะเริ่มต้นขึ้น ลีอาได้ขึ้นสารว่าคริสตินได้ตะโกนเรียกเธอมาช่วยตอนต่อสู้กับสองนายจ้างโดยเธอตะโกนว่า "ควักตาของเธอออก"
เธอเลยจับกดสองนายจ้างกับพื้นและคริสตินก็หายไปในครัวพร้อมอาวุธที่ใช้ฆ่า ทุบจนทั้งสองหน้าเละ ก่อนที่จะควักลูกตาของพวกเขาออก

แน่นอนหัวข้อที่มีการโต้เถียงกันในชั้นศาลก็คืออาการผิดปกติของจำเลย ทนายความได้อ้างถึงการเลี้ยงดูของครอบครัว ญาติที่มีอาการทางจิต ความบ้าที่
ถ่ายทอดโดยพันธุกรรม แต่กระนั้นสามผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ได้ทำการตรวจสอบสองพี่น้องก็พบว่าทั้งสองสติดี หลักฐานการพอทย์สามารถยืนยันได้ว่า
คริสตินมีสติปัญญาอยู่ในเฉลี่ยที่สมบูรณ์ ส่วนลีอามีสติปัญญาต่ำที่ถูกครอบงำโดยคริสติน พวกเขาเลือดเย็นมากกว่าบ้า



ท้ายสุดศาลได้พิพากษาประหารชีวิตแก่คริสตินแต่ต่อมาถูกลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ส่วนลีอานั้นตอนแรกถูกพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต
หากแต่ลดลงเหลือจำคุก 10 ปีและใช้แรงงานหนักแทน เนื่องจากศาลเห็นใจเพราะเธอถูกครอบงำโดยพี่สาว


ในระหว่างที่คริสตินจำคุกเธอมีอาการคุ้มดีคุ้มร้าย เห็นภาพหลอน เธอปฏิเสธในการรับประทานอาหารและเครื่องดื่ม หดหู่ที่ถูกจับแยกขังเธอเอาแต่
เรียกร้องว่าขอพบน้องสาวของเธอ ในเดือนกรกฏาคม 1933 เธอพยายามควักตาตนเองออกและพยายามฆ่าตัวตาย ศาลจึงเห็นว่าเธอสติไม่ดีเลยถูกส่ง
โรงพยาบาลบ้าในแรนส์ ก่อนที่ 4 ปีต่อมาเธอก็เสียชีวิตจากอาการอาการเบื่ออาหารเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 1937

หลังจากลีอาแยกออกจากคริสติน ซึ่งหมายความว่าลีอาได้หลุดออกจากการครอบงำพี่สาวของเธอ ทำให้เธอกลับเป็นสาวขี้อาย อารมณ์ดี อ่อนโยน
ในปี 1941 ลีอาก็ถูกปล่อยตัวออกจากคุก ซึ่งโทษของเธอลดลงถึง 8 ปีเนื่องจากเธอมีพฤติกรรมดี ต่อมาเธอก็ย้ายอาศัยอยู่แม่ของเธอและทำงาน
เป็นแม่บ้านของโรงแรมในเมืองนองต์ทางตอนใต้ของแรนส์ ภายใต้ชื่อปลอมอย่างมีความสุข หลังจากนั่นเรื่องของเธอก็เงียบหายไป หลายคนเชื่อว่า
เธอเธอเสียชีวิตในปี 1982 อย่างไรก็ตามผู้สร้างภาพยนตร์สารคดี En Quête des Soeurs Papin  ได้อ้างว่าพบลีอายังมีชีวิตอยู่ในบ้านพักรับรอง
ในประเทศฝรั่งเศส เธอเป็นอัมพาตบางส่วนซึ่งเป็นผลมาจากโรคหลอดเลือดในสมองและไม่สามารถพูดได้ แต่เธอได้แสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้
ลีอาเสียชีวิตในปี 2001

แม้ว่าเรื่องราวของคริสตินและลีอาจะไม่ได้แพร่หลายไปทั่วโลก แต่สำหรับฝรั่งเศสแล้วพี่น้องลีอาได้กลายเป็นแรงบันดาลใจจนถูกนำไปสร้างสื่อบันเทิง
และหนังสือวิเคราะห์ทางจิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์สามเรื่อง ตัวอย่างเช่นเรื่อง Murderous Maids ภาพยนตร์ฝรั่งเศสของฌอง-ปิแอร์ เดนีส์
ที่ดัดแปลงเนื้อหาจากหนังสือ L' Affaire Papin ซึ่งนักแสดงที่รับบทคริสตินได้รับรางวัลนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมประเทศฝรั่งเศส ปี 2001




อ้างอิง
http://papinsisters.tripod.com/
http://en.wikipedia.org/wiki/Murderous_Maids
http://en.wikipedia.org/wiki/Papin_sisters
friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
นวดกระปู๋ นวดกระปู๋เชียงใหม่ นวดกระษัย ไซด์ไลน์ Sideline นวดน้ำมัน นวดอโรมา นวดแผนโบราณ อาบอบนวด ออน การบ้าน เรื่องเสียว ลายแทง หนังโป๊ AV เชียงใหม่

Nchanneltv

friendly
0
funny
0
informative
0
agree
0
disagree
0
pwnt
0
like
0
dislike
0
late
0
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions
No reactions