Darya Saltykova อลิซาเบธ บาโธรี่แห่งรัสเซีย

[etatae333]

Darya Saltykova อลิซาเบธ บาโธรี่แห่งรัสเซีย

ในศตวรรษที่ 18  ในประเทศรัสเซีย มีผู้หญิงคนชั้นสูงคนหนึ่งชื่อ คุณหญิงดาเรีย นิโคลาเยฟนา ซอลโควา
(Darya Nikolayevna Saltykova) ได้สร้างประวัติศาสตร์เลือดด้วยมือของเธอเอง จนโลกต้องจดจำ
นานกว่าหลายศตวรรษ กล่าวกันว่า เธอผู้นี้มีความโหดเหี้ยมเทียบเท่า อลิซาเบธ บาโธรี่ (Alizabeth Bathory)
เลยทีเดียว

 


ดาร์ยา อิวาโนว่า



ดาร์ยา อิวาโนว่า เกิดเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 1730 มีชื่อเล่นคือ ซัลตุชิคา (Saltychikha) เป็นลูกของนิโคลัส อิวานอฟ
(Nicholas Ivanov) ครอบครัวของเธอเป็นตระกูลขุนนางที่มาจากมอสโกที่มีอิทธิพลในวงสังคมชั้นสูงของประเทศ

ต่อมาดาร์ยาก็ได้แต่งงานกับนายทหารชื่อ เกล็บ ซัลตุกอฟ (Gleb Alekseevich Saltykov) เป็นนายทหารรักษาพระองค์
และเป็นคนชั้นสูงเหมือนกับเธอ พวกเขามีลูกชายด้วยกันสองคน ชื่อ ธีโอดอร์ และนิโคลัส ทั้งหมดดูเหมือนจะเป็นไปได้ดี
จนกระทั่งปี 1755 สามีของเธอก็เสียชีวิตกะทันหัน ทำให้เธอเป็นม่ายตั้งแต่อายุ 26 ปี



เมื่อสามีของดาร์ยาจากไป เธอก็ได้รับมรดกมหาศาล และกลายเป็นหญิงม่ายที่ร่ำรวยที่สุดในมอสโก เธอมีทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่เงินสามารถซื้อมาได้  รวมไปถึงอสังหาริมทรัพย์ บ้านทริสสโกเย่ (Tritskoe) ใกล้กรุงมอสโก พร้อมฟาร์มที่มีคนรับใช้
มากกว่า 600 คนที่ทำงานอยู่ที่นั่น

หลังการตายสามีของเธอ ดาร์ยา ได้พาลูกสองคนของเธอไปใช้ชีวิตในฟาร์มของบ้านทริสสโกเย่ ซึ่งแม้ว่าเธอจะรู้สึกเศร้า
จากการตายของสามี แต่ยังคงเป็นคนดีไม่ได้เป็นคนอารมณ์โมโหร้าย เธอเป็นคนเคร่งศาสนา ชอบทำบุญถือศีล เธอมักใช้
วันหยุดไปโบสถ์  บริจาคเงินจำนวนมากให้โบสถ์บ่อยครั้ง

แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของดาร์ยาก็เปลี่ยนไป เมื่อเธอพบรักรักกับหนุ่มหล่อคนหนึ่งชื่อนิโคไล ทียุตเชฟ (Nicolás Tyuchev)
(เขาเป็นปู่ของนักฟีโอดอร์ ทียุตเชฟ (Fyodor Tyutchev) กวีที่มีชื่อเสียงของรัสเซีย) แม้ว่าเธอจะแก่เขาหลายปี
แต่ด้วยความเหงาและโดดเดี่ยวเพราะเป็นม่าย เธอพยายามทุกอย่างเพื่อให้ทุ่มเทความรักทุกอย่างของเธอที่มีแก่เขา 

อย่างไรก็ตาม ไม่ช้าดาร์ยาก็พบสิ่งที่ทำร้ายจิตใจของเธออย่างหนัก เมื่อเธอรู้ว่านิโคไลแอบไปมีความสัมพันธ์เชิงชู้กับเด็กสาว
ที่สวยและอายุน้อยกว่าตน ซ้ำยังได้แต่งงานอย่างลับๆ กับเด็กสาวคนนั้นด้วย  จึงไม่แปลกแต่อย่างใดที่ทำให้เธอเกิดความหึงหวง
และโมโหจัดถึงขั้นส่งคนรับใช้ไล่ล่าฆ่าทั้งคู่ แต่นิโคไลไหวตัวทันสามารถพาเด็กผู้หญิงหนีออกไปนอกมอสโกได้สำเร็จ
เมื่อคนรับใช้กลับไปรายงานนางดาร์ยายิ่งขมขื่นเจ็บแค้นหนักยิ่งขึ้นไปอีก

 
ความโหดร้ายของดาร์ยา



ด้วยความเจ็บแค้นในความรัก นับจากวันนี้เป็นต้นมาดาร์ยาก็ได้กลายคนเป็นคนโหดร้าย โมโหง่าย โกรธไม่มีเหตุมีผล
หากทาสหรือคนรับใช้ทำอะไรไม่ถูกใจจะลงโทษอย่างหนัก ยิ่งนานวันการทำโหดยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็น
การลงโทษที่ทำให้ถึงขั้นขาดใจตาย

เพียงแค่เธอไม่พอใจในการทำความสะอาดบ้าน คนทำความสะอาดจะถูกลงโทษด้วยการหวดไม้หน้าสามไม่ยั้ง
หรือไม่ก็หวดด้วยแส้ทรมานจนขาดใจตาย  บางครั้งก็ใช้การเทน้ำเดือดราดร่างกาย ให้แก้ผ้าเปลือยแล้วตากน้ำแข็ง
เธอชอบทรมานเด็ก และสตรีมีครรภ์ โดยเฉพาะหญิงสาวที่อายุน้อยกว่าตนที่จะลงโทษหนักเป็นพิเศษ 



และด้วยความโหดเหี้ยมนี่เอง ทำให้ดาร์ยาได้รับฉายาว่า "บาโธรี่แห่งรัสเซีย" (Bathory of Russia) ที่เปรียบเทียบ
เธอกับอลิซาเบธ บาโธรี่แห่งฮังการีตรงที่มีความเจ้าอารมณ์โมโหร้าย  ชอบใช้ความรุนแรงทรมานผู้หญิงจนขาดใจตาย
เหมือนกัน เพียงแต่เธอไม่ได้มีพฤติกรรมชอบดื่มเลือดจากสาวพรหมจารีย์เท่านั้น แต่จำนวนที่เธอฆ่านั้นมีมากมาย
นับไม่ถ้วนไม่แพ้กัน ซึ่งเธอได้สารภาพว่าได้ฆ่าคนรับใช้ถึง 138 คน (ชายสามคนนอกนั้นผู้หญิงหมด)

แน่นอนว่าชาวนาและชาวบ้านหลายคนรับไม่ได้กับการกระทำของนาง ถึงขั้นร้องเรียนต่อราชการ แต่เจ้าหน้าที่
บ้านเมืองกลับละเลย ทำเป็นไม่สนใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย เพราะตัวนางนั้นมีฐานสังคมเป็นคนชั้นสูง อีกทั้งมีการติดสินบน
เพื่อทำให้เรื่องเงียบหายไป

เธอลอยนวลมาอย่างยาวนานจนกระทั่งถูกจับในปี 1762 ทาส  2 คน ชื่อ ชาเชลี (Sakhvely Martynov) และ
เออร์โมเลย์ (Ermolay Ilyin) ซึ่งหนีออกมาจากบ้านของซัลตุชิคา มายังเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก เออร์โมเลย์นั้นภรรยา
ของเขาสามคน ถูกดาร์ยาฆ่าตาย พวกเขาได้ยื่นคำร้องเรียนต่อจักรพรรดินี  แคทเธอรีน ที่ 2 (Empress Catherine II,
The Great)  พระองค์จึงได้สั่งให้มีการสอบสวนเหตุฆาตกรรมที่เกิดขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้ศรัทธาต่อกระบวนการ
ยุติธรรมของรัสเซียอีกครั้ง โดยมีการนำตัวนางดาร์ย่ามาสอบสวน โดยให้การสอบสวนเป็นที่เปิดเผยแก่สาธารณะ 
ดาร์ย่าถูกขังนานกว่า 6 ปี ระหว่างที่การสอบสวนดำเนินไป

การสอบพบว่ามีทาสที่ถูกเธอทรมานจนเสียชีวิตด้วยวิธีต่างๆ กันในระยะเวลา 7 ปี กว่า 139 คน โดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง
มีเพียง 3 คนที่เป็นผู้ชาย  การทรมานทาสจนเสียชีวิตโดยซัลตุชิคานั้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่บ้านในหมู่บ้านไตรนิตี้
(village of Trinity)  ใกล้กับมอสโคว์

วันที่ 2 ตุลาคม1768 พบว่าดาร์ยามีความผิดจริง หากแต่ตัวเลขเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ระบุแค่ว่าเธอมีความผิด
เพราะว่าสังหารทาสแค่ 38 คน

ความจริงความผิดฐานฆ่าคนกว่า 38 คนนั้นควรประหารด้วยซ้ำ แต่พอดีโทษประหารชีวิตพึ่งมีการ
ยกเลิกในรัสเซียเมื่อปี 1754 อีกทั้งเธอมีคนชั้นสูงหนุนหลังอยู่ทำให้มีการลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิตแทน


 
วิหารอิวานอฟสกีสถานที่คุมขังนางดาร์ย่า



วันที่ 2 ตุลาคม 1768 นางดาร์ยาถูกตัดสินจำคุกแทนโทษประหาร ก่อนที่จะถูกนำไปขัง นางถูกล่ามโซ่ไว้บนจตุรัสแดง
ในกรุงมอสโก เป็นเวลานานถึงหนึ่งชั่วโมงต่อหน้าฝูงชนจำนวนมาก โดยมีป้ายแขวนคอที่มีข้อความว่า "คนนี้ได้ทรมานและฆ่า"
เพื่อให้คนประณามเธอด้วยการขว้างปาก้อนหินและสาปแช่งเธอ 

นางดาร์ยาได้ถูกส่งตัวไปขังคุกตลอดชีวิตแทนโทษประหาร  ในห้องใต้ดินของวิหารอิวานอฟสกี มอสโก ซึ่งคุกที่ว่าเป็นห้องพัก
ที่ถูกสร้างพิเศษสำหรับเธอโดยเฉพาะ เป็นห้องมืดไม่มีหน้าต่าง และมีการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงอย่างเข้มงวด
เมื่อถึงเวลาอาหารแม่ชีจะนำอาหารและเทียน ให้สว่าง และเมื่อเสร็จสิ้นอาหารเทียนจะถูกนำตัวออกไป

หลังจากที่อยู่ในห้องมืดแบบไม่เห็นเดือนเห็นตะวันมานานถึง 11 ปี ในปี 1779 นางดาร์ยาก็ได้ย้ายไปยังสถานที่กักขังแห่งใหม่
ที่นั้นดีกว่าในห้องเก่าที่ที่เธอเคยอยู่เล็กน้อย  เพราะห้องนี้มีหน้าต่างที่บานประตู แต่กลายว่านางไม่ชอบคุกห้องนี้เลยแม้แต่น้อย 
เธออารมณ์เสียโมโหร้าย เธอเกลียดแสงที่เข้ามารบกวนสายตาเธอและเกลียดคนแอบมองเธอในช่องหน้าต่างประตู 
ถึงขั้นด่าหยาบคาย บ้วนน้ำลายคนที่ผ่านไปผ่านมา  ตอนนี้นางไม่เหลือเค้าของผู้ดีมีชาติตระกูลเลยแม้แต่น้อย เธอกลายเป็น
หญิงชราบ้าคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตเน่าเปื่อยผุพังอยู่ในห้องเล็กๆ รอวันตายเท่านั้น    

และแล้ววันที่ 27 ธันวาคม 1801 ดาร์ยา อิวาโนว่า ก็ได้สิ้นใจลงคาห้องขัง รวมอายุ 71 ศพของเธอถูกนำไปฝังในป่า
เป็นอันปิดตำนานหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอลิซาเบธ โบโธรี่แห่งรัสเซียเอาไว้แต่เพียงเท่านี้


อ้างอิง
http://www.asesinos-en-serie.com/darya-nikolayevna-saltykova-saltychikha/
http://russiapedia.rt.com/prominent-russians/history-and-mythology/darya-saltykova/