สัตววัตถุ ช้าง

[aokpl02539]

ช้าง
ช้างเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Elephas maximas  Linnaeus
จัดอยู่ในวงศ์ Elephantidae
มีชื่อสามัญว่า Asiatic elephantหรือ Indian elephant
ชีววิทยาของช้าง
ช้างพลายหรือช้างตัวผู้ที่โตสุดกำลังสูงราว ๓.๒๐ เมตรน้ำหนักตัวราว ๕.๔ ตัน ส่วนช้างตัวเมียหรือช้างตัวเมียสูงราว ๒.๗๐ เมตรน้ำหนักตัวราว ๔.๑ ตัน ตอนยังเล็กอยู่มีขนสีดำปกคลุมลำตัวมากแต่จะหลุดไปเมื่อโตขึ้นเหลือแค่ขนห่างๆเห็นตกอยู่เฉพาะที่ขนตาและปลายหางเมื่อ อายุราว ๔๐ ปีขนหางเปลี่ยนจากสีดำเป็นสีขาวผิวหนังสีน้ำตาลเข้มหรือสีเทาช้างตัวผู้บางตัวมีงายาวเรียกช้างพลายส่วนตัวผู้บางตัว มีงาขนาดเล็กรวมทั้งซ่อนอยู่ ภายในเรียกช้างสีดอ ขนาดเล็กแล้วก็สั้นที่หลบอยู่นั้น เรียก ขนาย ช้างตัวเมียเรียกช้างตัวเมีย ลางตัวอาจมีขนายได้ งาจะเจริญเติบโต กระทั่งตลอดชีพ ช้างมักอาศัยรวมกันเป็นฝูง ตั้งแต่ ๕ ถึง ๗๐ ตัว มีตัวเมีย  อายุมากเป็นจ่าฝูง ในโขลงอาจมีตัวผู้ที่อยู่ในวัยผสมพันธุ์ได้ ๑ ตัว ส่วนตัวผู้ขนาดใหญ่ตัวอื่น มักอยู่โดดเดี่ยว ช้างเป็นสัตว์ขี้ร้อนถูกใจเล่นน้ำเวลาตกมันจะดุร้าย และก็นิสัยไม่ดี ฉี่กะปริบกะปรอย และน้ำมันไหลออกมาจากต่อมที่ขมับ รอบๆผิวหนัง ที่มีน้ำมันห้อย มีสีดำและกลิ่นเหม็นมากช้างตัวผู้ตกมันนานราว ๑๔-๓๐ วัน รวมทั้ง ตกมันปีละครั้ง รับประทานหญ้าหน่อไม้ใบไม้ แล้วก็กาบไม้เป็นของกิน ดื่มน้ำมากมายวันละ ๒๐๐ ลิตร โตเต็มวัยพร้อมผสมพันธุ์ได้ เมื่ออายุ ๑๕-๑๘ปีท้องนาน ๒๒-๒๔ เดือน ตกลูกทีละ ๑ ตัว ลูกช้างอยู่กับแม่ช้างนาน ๓-๕ปีช้างโดยธรรมดาอายุยืน ๖๐-๗๐ปี ช้างจำพวกนี้พบได้ในทุกภาคของเมืองไทย ในต่างประเทศเจอที่อินเดียศรีลังกาบังกลาเทศ เนปาลเมียนมาร์ภาคใต้ของจีน ลาวเวียดนามเขมรมาเลเซียแล้วก็อินโดนีเซีย

คุณประโยชน์ทางยา
แพทย์แผนไทยใช้ "งาช้าง" เข้าเครื่องยาหลายขนานงาเป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในพิกัดยาไทยที่เรียกว่า "นวเขี้ยว" หรือ "เนาวเขี้ยว"เช่นเขี้ยวหมู เขี้ยวหมี เขี้ยวเสือ เขี้ยวแรดเขี้ยวสุนัขป่า เขี้ยวปลาพะยูน เขี้ยวจระเข้เขี้ยว แกงเลียงหน้าผาและก็งา (มองคู่มือการปรุงยาแผนไทย ๑ เล่มน้ำกระสายยา ) ในพระตำรามุจฉาปักขันทิกา ให้ยาพอกองคสูตรไว้ขนานหนึ่ง เข้างานช้าง เป็นเครื่องยาด้วยดังต่อไปนี้ ยาพอกองคสูตร เอาผักบุ้ง ขัน๑ งา ๑ เขากวาง ๑ รากถั่วพู  ๑ มูลโคเผา ๑ มหาหิงค์ ๑ โปตัสเซี่ยมไนเตรดขาว ๑ ขมิ้นอ้อย ๑ บดพอกองคชาตแลแลพอเพียงหัวเหทุ่งนา หน้า ๓ วัน หายแล

Tags : สัตววัตถุ